พระคริสต์มิได้ทรงถือว่ามนุษย์ในโลกมีชาติแตกต่างกัน หรือชั้นวรรณะหรือศาสนาต่างกัน พวกอาลักษณ์และพวกฟาริซาย ปรารถนาจะหวงของประทานของพระเจ้าไว้สำหรับชาติของเขา เองแต่ชาติเดียว และไม่ยอมให้ครอบครัวของพระเจ้าในโลกได้รับ ของประทานนั้น แต่พระคริสต์เสด็จมาเพื่อจะทำลายสิ่งที่กีดกั้น ระหว่างชนชาติต่าง ๆ เสีย พระองค์เสด็จมาเพื่อจะแสดงให้เห็นว่า ของประทานแห่งความรักและความกรุณาของพระองค์ เป็นสิ่งที่มี ไว้สำหรับคนทั้งหลายทั่วโลก เหมือนกับอากาศ แสงสว่างหรือ ฝนที่ตกลงมาทำให้พื้นดินชุ่มชื้น CCh1 328.2
ชีวิตของพระคริสต์ได้ตั้งศาสนาขึ้นศาสนาหนึ่งซึ่งไม่มี การแบ่งชั้นวรรณะ เป็นศาสนาของพวกยิวหรือพวกชาวต่างประ เทศก็สามารถจะนับถือได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นไทหรือทาส และทุก ๆ คนที่เชื่อถือในพระองค์มีความเกี่ยวข้องเป็นพี่น้องกัน และมีความเสมอภาคฉะเพาะพระพักตรของพระเจ้า ศาสนาของ พระเยซูไม่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมือง พระองค์ทรง ปฏิบัติต่อทุก ๆ คนโดยเสมอหน้ากันไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นเพื่อน บ้านหรือคนแปลกหน้า เป็นมิตรหรือศัตรู ผู้ที่มาหาพระองค์คือ ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรมและปรารถนาจะได้ดื่มน้ำแห่งชีวิต CCh1 329.1
ไม่มีมนุษย์คนหนึ่งคนใดที่พระเจ้าทรงเห็นว่าเป็นคนที่ไม่มี ค่า แต่พระองค์ทรงพยายามที่จะรักษาจิตวิญญาณทุกดวงที่ชอกช้ำ ร้าวสลาย ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ในหมู่ใดคณะใด พระองค์ทรงสั่ง สอนฝูงชนให้ถูกต้องตามเวลาและเหตุการณ์ การที่มนุษย์แสดง ความเพิกเฉยละเลยและดูหมิ่นเหยียดหยามเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กลับทำให้พระองค์รู้สึกว่าเขาต้องการความเห็นอกเห็นใจและความ สมเพชเวทนาจากพระเจ้ามากยิ่งขึ้น พระองค์พยายามช่วยปลุก ปลอบใจของคนที่ประพฤติชั่วร้าย โดยให้ความมั่นใจแก่คนเหล่า นั้นว่าเขาสามารถจะกลับประพฤติดีได้ และได้เป็นผู้ที่มีอุปนิสัย ที่ดีงามเหมาะสมจะเป็นบุตรของพระเจ้าได้ CCh1 329.2
เมื่อบุตรทั้งหลายของพระเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกันในพระ คริสต์ พระเยซูจะทรงถือชั้นวรรณะ ถือผิว เผ่าพันธุ์ ยศศักดิ์ ความมั่งคั่งและกำเนิดได้อย่างไร? เคล็ดลับแห่งความสามัคคีปรอง ดองกันในระหว่างมนุษย์ทั้งหลายคือความเสมอภาคในระหว่าง บรรดาคนทั้งหลายที่เชื่อถือในพระคริสต์ CCh1 330.1