ในนิมิตที่พระเจ้าทรงสำแดงให้ปรากฏแก่ข้าพเจ้าตอนกลาง คืน ข้าพเจ้าได้เห็นภาพที่ประทับใจ ข้าพเจ้าเห็นลูกไฟดวงใหญ่ ตกลงมาในท่ามกลางตึกที่สวยงามหลายหลังและเผาผลาญตึกเหล่า นั้นจนหมดสิ้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดว่า “เราทราบ ว่าพระเจ้าจะทรงลงโทษมนุษย์ในโลก แต่เราไม่ทราบว่าพระองค์ จะทรงพิพากษาโลกเร็วเช่นนี้” คนอื่นๆพูดด้วยเสียงที่แสดง ความทุกข์ร้อนว่า “ท่านรู้แล้วว่าพระเจ้าจะทรงลงโทษเรา แต่ เหตุไรท่านจึงไม่บอกเรา? เราไม่ทราบว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษา โลกในวาระที่สุดปลาย” ข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดติเตียนเช่นนี้อยู่ รอบด้าน ข้าพเจ้าตกใจตื่นขึ้นรู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แล้วข้าพเจ้าก็ นอนหลับอีกและรู้สึกตัวเหมือนว่าข้าพเจ้าอยู่ในที่ประชุมใหญ่ ผู้ มีอำนาจคนหนึ่งกำลังกล่าวคำปราศัยแก่ผู้ที่มาประชุม มีแผนที่โลก แผ่นใหญ่กางอยู่ตรงหน้าผู้ที่กล่าวคำปราศัยนั้น เขาบอกว่าใน แผนที่นั้นมีรูปสวนองุ่นของพระเจ้า ซึ่งจะต้องมีผู้บำรุงรักษา อย่างดี เมื่อแสงสว่างจากสวรรค์ส่องต้องผู้ใด ผู้นั้นก็ต้องฉาย แสงสะท้อนกลับไปยังผู้อื่นต่อๆกันไป แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดตามข้อความในพระคัมภีร์ว่า “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก เมืองที่สร้างไว้บน ภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้ เมื่อเขาจุดตะเกียงแล้วมิได้เอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้ที่เชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น ให้ความสว่างของท่านส่องไปต่อหน้าคนทั้งปวง ดังนั้นเพื่อเขาจะ ได้เห็นการดีของท่านแล้วจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิต อยู่ในสวรรค์” (มัดธาย บท ๕ ข้อ ๑๓ ถึง ๑๖) CCh1 153.1
วันเวลาผ่านไปเราก็ยิ่งอยู่ใกล้วาระที่สุดปลายมากยิ่งขึ้น ทุกที เรารู้สึกว่าเราได้อยู่ใกล้พระเจ้ามากขึ้นหรือ? เราเฝ้าระวัง และอธิษฐานอยู่เสมอหรือ? คนทั้งหลายที่เราคบหาสมาคมด้วย ทุกๆวันต้องการความช่วยเหลือของเรา และต้องการให้เราเป็น ผู้นำทางเขา เขาอาจจะมีความทุกข์ร้อนและต้องการให้เราพูด ปลอบใจเขา แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยดลใจเขาให้กลับใจ เสียใหม่และหันกลับมาหาพระเจ้า วันต่อไปคนเหล่านั้นอาจจะอยู่ ห่างไกลเราจนเราไม่สามารถจะนำเขากลับมาหาพระเจ้าได้ เรามี อิทธิพลอะไรอยู่เหนือเพื่อนร่วมทางเหล่านี้? เราได้ทำอะไรบ้าง ที่จะช่วยนำเขากลับมาหาพระคริสต์? CCh1 155.1
เราจะต้องทำงานจนสุดความสามารถ ที่จะช่วยประกาศข่าว ประเสริฐของพระเจ้าไปทั่วโลกโดยไม่รอช้า เราต้องแสดงให้คน อื่นๆเห็นประจักษ์ว่าศาสนาของเราเป็นศาสนาที่พระคริสต์ทรง ตั้งขึ้น และพระคำของพระองค์เป็นคำพยากรณ์ของพระเจ้า หลาย คนลังเลใจและไม่สามารถจะตัดสินใจได้ว่าเขาจะเป็นพลเมืองใน แผ่นดินของพระเจ้าหรือว่าเป็นทาสของซาตาน มนุษย์ทั้งหลาย ทั่วโลกมีสิทธิ์ที่จะยึดมั่นในความหวังที่พระเจ้าประทานแก่เขา ใน กิตติคุณประเสริฐจองพระองค์ แต่ถ้าไม่มีผู้สอนศาสนาประกาศ กิตติคุณนั้นเขาจะทราบได้อย่างไร? มนุษย์ทั้งหลายต้องปรับปรุง ตัวเสียใหม่ให้เป็นผู้มีศีลธรรมอันดี มีความประพฤติชอบธรรม เพื่อเขาจะสามารถยืนอยู่เฉพาะพระพักตรของพระเจ้าได้ในวาระ ที่สุดปลาย มีหลายคนต้องสูญเสียชีวิตชั่วนิรันดร์เพราะไม่มีผู้ใด ประกาศกิตติคุณประเสริฐของพระเจ้าให้เขาทราบ ใครเล่าจะยอม มอบถวายตัวเองเพื่อเป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า? ทุกวันนี้ส่วนมากของสมาชิกในคริสตจักรของเราได้ทำความ ผิดบาปและล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า เขาไม่ได้เอาใจใส่ ต่อพระคำของพระองค์ เขาได้ฟังผู้สอนศาสนาประกาศกิตติคุณ ประเสริฐแต่เขาไม่ยอมรับและปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้า ดัง นั้นเขาจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับความจริงของพระเจ้ามากนัก คำตัก เตือนสั่งสอนของพระเจ้ามิได้ทำให้เขากลับใจเสียใหม่ เขามิได้มี คามรักและขอบคุณพระเจ้า แม้ว่านายพานิชผู้มาจากสวรรค์จะ ได้นำเพชรพลอยอันมีค่า (คือความเชื่อและความรัก) มาวางต่อ หน้าเขา แม้ว่าพระองค์จะทรงเชิญเขาให้ซื้อทองคำเนื้อบริสุทธิ์ จากพระองค์ และขอให้เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ที่พระองค์ ประทานแก่เขา คนเหล่านั้นก็ทำใจแข็งกระด้างไม่ยอมรับคำเชิญ ของพระองค์ จิตใจของเขาเป็นเหมือนน้ำอุ่นๆไม่เย็นไม่ร้อน และพระเจ้าปรารถนาจะให้เขามีใจร้อนรนที่จะปรนนิบัติรับใช้พระ องค์ ถ้าเขายังทำจิตใจมึนชาเฉยเมยอยู่เรื่อย พระเจ้าจะทรงละทิ้ง เขาเสีย เพราะเขาเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมจะได้อยู่ในครอบครัวของ พระองค์ ขอให้สมาชิกของคริสตจักรจำไว้ว่า การที่เขามีชื่ออยู่ใน สมุดทะเบียนของคริสตจักรนั้น จะไม่ช่วยให้เขาได้รับความรอด เขาจะต้องทำตัวให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า เป็นผู้ร่วมงานที่ ไม่ต้องละอายใจ...ทุกๆวันเขาจะต้องอบรมบ่มนิสัยของเขาให้ เป็นไปตามคำสั่งสอนของพระเจ้า เขาจะต้องเข้าสนิทกับพระองค์ และมีความเชื่อในพระองค์ ดังนั้นเขาจึงจะเจริญเติบโตขึ้นในพระ คริสต์ เป็นคริสเตียนผู้มีจิตใจร่าเริงมีสุขภาพสมบูรณ์ และมีความ กตัญญูรู้คุณพระเจ้า และพระองค์จะทรงนำเขาไปในทางชอบ ธรรม แต่คนทั้งหลายที่ไม่ยอมกลับใจเสียใหม่และรับพระเยซูเป็น พระผู้ช่วยให้รอด จะอยู่ในท่ามกลางคนทั้งหลายที่ส่งเสียงร้องด้วย ความทุกข์ว่า “ฤดูเก็บเกี่ยวผ่านพ้นไปแล้ว ฤดูร้อนสิ้นสุดลงแล้ว และจิตวิญญาณของข้าพเจ้ายังไม่ได้รับความรอด เหตุไรข้าพเจ้า จึงไม่เข้าไปอยู่ในที่พึ่งพำนัก? เหตุไรข้าพเจ้าจึงดูหมิ่นเหยียดหยาม พระคุณของพรเจ้า และไม่ยอมรับความรอดของพระองค์?” CCh1 155.2
พี่น้องทั้งชายหญิงของข้าพเจ้า ผู้ที่ได้เชื่อในความจริงของ พระเจ้ามาเป็นเวลานาน ข้าพเจ้าขอถามท่านเป็นส่วนตัวว่า “ท่าน ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระเจ้าหรือไม่?” คำถามข้อนี้เป็น คำถามสำคัญ พระสุริยันแห่งความชอบธรรมได้ฉายรัศมีอยู่เหนือ คริสตจักร และสมาชิดของคริสตจักรมีหน้าที่ๆจะส่องสว่างแก่คน อื่นๆวิตวิญญาณทุกดวงจะต้องปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าเพื่อช่วยให้ กิจการของพระองค์เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น คนทั้งหลายที่เข้าสนิทอยู่ ในพระคริสต์จะเจริญขึ้นในพระคุณและความรู้ของพระบุตรของ พระเจ้า ถ้าหากคนทั้งหลายที่เชื่อถือในพระคริสต์จะใช้สมรรถภาพ ของเขาทำสิ่งที่มีประโยชน์ และใช้โอกาสที่เขาได้รับจากพระ คริสต์เรียนรู้ถึงพระองค์และปรนนิบัติรับใช้พระองค์ เขาก็จะมี กำลังเข้มแข็งในพระคริสต์ ไม่ว่าเขาจะมีอาชีพอะไร...ไม่ว่าเขา จะเป็นชาวนา วิศวกร ครู หรือผู้สอนศาสนา..ถ้าเขายอมมอบ ถวายตัวเองแก่พระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจเขาก็จะเป็นผู้ร่วมงานที่จะช่วย ให้กิจการของพระเจ้าบังเกิดผล สมาชิกของคริสตจักรควรเป็นผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราจะเห็นได้อย่างแจ่มชัดว่าคำเทศนาที่ผู้สอนศาสนาเทศน์ ในโบสถ์ไม่ได้ทำให้สมาชิกของคริสตจักรเป็นผู้ร่วมงานที่ยอมเสีย สละเพื่อพระคริสต์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเราไม่ยอม ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าด้วยความจริงใจ โอกาสที่เราจะได้รับชีวิต ชั่วนิรันดร์ก็จะสูญเสียไป ความเชื่อของคริสตจักรเสื่อมลงเพราะ สมาชิกของคริสตจักรไม่ยอมช่วยเหลือในการประกาศพระคำของ พระเจ้าแก่ผู้อื่นที่ยังไม่มีความเชื่อ สมาชิกทุกๆคนควรจะได้รับ คำแนะนำสั่งสอนว่า เขาจะต้องนำพระคำของพระเจ้าไปประกาศ แก่คนอื่นๆ ผู้มีหน้าที่ในการบริหารกิจการต่างๆในคริสตจักรจะ ต้องเลือกสมาชิกที่มีสมรรถภาพและมอบหมายให้เขามีหน้าที่รับผิด ชอบในการประกาศกิตติคุณของพระเจ้า และในเวลาเดียวกันผู้ นำของคริสตจักรจะต้องแนะนำสั่งสอนด้วยว่าเขาจะช่วยปรนนิบัติ รับใช้ผู้อื่นและทำให้ผู้อื่นมีความสุขได้อย่างไร ทนายความ, วิศวกร พ่อค้าและคนทั้งหลายที่มีอาชีพแตก ต่างกัน ได้ศึกษาเล่าเรียนเพื่อจะได้มีความรู้เกี่ยวกับอาชีพของเขา คนทั้งหลายที่ติดตามพระเยซูคริสต์ก็ต้องศึกษาเล่าเรียนวิธีที่จะประ กาศพระคำของพระองค์ และชักจูงผู้อื่นมาหาพระเจ้าเช่นเดียวกัน การที่จะใช้ชีวิตชั่วนิรันดร์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลก ในการที่เราจะสามารถชักนำจิตวิญญาณมาหาพระเจ้าได้ นั้น เราจะต้องเรียนรู้ธรรมชาติและจิตใจของมนุษย์ เระจะต้อง ใช้ความคิดอย่างรอบคอบ และอธิษฐานด้วยใจร้อนรน เพื่อจะเข้า ถึงจิตใจของมนุษย์ชายหญิง แล้วประกาศกิตติคุณของพระเจ้าแก่ คนเหล่านั้นและนำเขามาสู่ความรอด ภายหลังที่ได้จัดตั้งคริสตจักรขึ้นแล้ว ขอให้ศาสนาจารย์ แนะนำให้สมาชิกของคริสตจักรทำงาน สมาชิกของคริสตจักร จำเป็นที่จะต้องได้รับคำแนะนำสั่งสอนให้ทำงานให้เป็นผลสำเร็จ ขอให้ศาสนาจารย์ใช้เวลาของเขาในการศึกษาเล่าเรียนมากกว่าการ เทศนา ขอให้ศาสนาจารย์สอนสมาชิกของคริสตจักรให้รู้จักถ่าย ทอดความรู้ที่เขาได้รับแก่คนอื่นๆ ผู้ที่เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกใหม่ใน คริสตจักรควรจะขอคำแนะนำสั่งสอนจากผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ ในการทำงาน และผู้ที่เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกใหม่ในคริสตจักรไม่ควร จะได้รับคำแนะนำสั่งสอนว่าผู้สอนศาสนามีความสำคัญมากเท่ากับ พระเจ้า สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดคือการที่จะสอนให้สมาชิกของเรา ทำงานเพื่อพระเจ้า และให้เขาพึ่งพาอาศัยในพระเจ้า มิใช่ศาสนา จารย์ ขอให้สมาชิกของคริสตจักรฝึกหัดทำงานเช่นเดียวกับที่พระ คริสต์ทรงทำงาน ขอให้เราเข้าร่วมงานกับสมาชิกของคริสตจักร ของพระองค์แล้วปรนนิบัติรับใช้พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์ CCh1 158.1
ขอให้ศาสนาจารย์เป็นผู้นำในการที่จะช่วยชักจูงผู้อื่นมาหา พระคริสต์ และคนอื่นๆที่ทำงานร่วมกับเขาจะทำตามแบบอย่าง ของเขา แบบอย่างที่ผู้สอนศาสนาวางไว้มีคุณค่ามากยิ่งกว่าคำ แนะนำสั่งสอน ผู้สอนศาสนาควรจะหาวิธีและหาโอกาสที่จะแนะนำสั่ง สอนให้สมาชิกทุกๆคนของคริสตจักรมีส่วนร่วมในการทำงาน ของพระเจ้า ในระยะเวลาที่ผ่านพ้นมาผู้สอนศาสนาไม่ได้ทำเช่น นี้เสมอไป ในคริสตจักรไม่มีแผนการที่จะให้สมาชิกทุกๆคนของ คริสตจักรได้ใช้สมรรถภาพของตนเองในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ด้วยใจร้อนรน มีน้อยคนที่รู้สึกว่าการที่เป็นเช่นนี้ทำให้การทำงาน ของพระเจ้าไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ในโบสถ์ทุกๆโบสถ์มีสมาชิกที่มีความสามารถในการทำ งาน เพื่อพระเจ้า และถ้าเขาได้ใช้สมรรถภาพนั้นในการทำงาน อย่างถูกต้องเขาก็สามารถจะทำประโยชน์ในการประกาศกิตติคุณ ของพระเจ้าอย่างมากมาย ผู้สอนศาสนาควรจัดวางแผนการที่จะ ให้ผู้ร่วมงานในคริสตจักรของเราทั้งใหญ่และเล็กออกไปแนะนำ สั่งสอนให้สมาชิกของคริสตจักรทำงานเพื่อช่วยส่งเสริมให้กิจการ ของคริสตจักรเจริญก้าวหน้า และให้เขาช่วยชักนำผู้ที่ไม่เชื่อถือ มาหาพระเจ้า สิ่งที่สมาชิกของคริสตจักรต้องการคือการฝึกหัด อบรมและการศึกษาเล่าเรียน ขอให้ทุกๆคนตั้งอกตั้งใจที่จะร่วม มือกันทำกิจการของพระเจ้าด้วยใจร้อนรน และให้ทุกๆคน พยายามฝึกฝนอบรมตนเองให้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานที่ เขามีความรู้ความสามารถมากที่สุด เวลานี้สิ่งที่จำเป็นสำหรับจะช่วยให้กิจการของคริสตจักร เจริญก้าวหน้า คือผู้ร่วมงานจะต้องใช้สมรรถภาพของตนในการ ทำกิจการของพระเจ้า และปรนนิบัติรับใช้พระองค์อย่างดีที่สุด สมาชิกของคริสตจักรควรจะได้รับคำแนะนำสั่งสอนให้รู้จักวิธีเผย แพร่พระคำของพระเจ้าแก่คนอื่นๆที่ยังมิได้เชื่อถือ ศาสนาจารย์ ควรจัดให้คนหนุ่มสาวมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับการเผย แพร่ศาสนา ชายหนุ่มและหญิงสาวควรจะได้รับการอบรมสั่งสอน ให้เป็นผู้เผยแพร่ศาสนาภายในครอบครัว ในย่านใกล้เคียงและใน โบสถ์ เหล่าทูตสวรรค์ได้รอคอยให้สมาชิกของคริสตจักรร่วมมือ กับพวกทูตสวรรค์ในการทำกิจการใหญ่นี้มาช้านาน เหล่าทูต สวรรค์กำลังคอยท่าน ยังมีสถานที่อีกมากมายหลายแห่งที่ท่าน สามารถจะออกไปประกาศพระคำของพระเจ้า และยังมีอีกหลาย คนที่มิได้เชื่อถือ ดังนั้นทุกๆคนที่พระเจ้าทรงชำระจิตใจให้สอาด บริสุทธิ์จึงควรจะร่วมมือในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า และช่วยชัก จูงคนอื่นๆที่ยังมิได้เชื่อถือมาหาพระองค์ ถ้าหากพวกคริสเตียนร่วมมือร่วมใจกันทำงาน และมีความ สามัคคีปรองดองกันในกิจการทุกอย่าง และยอมให้พระเจ้าเป็นผู้ แนะนำสั่งสอนเขาเพื่อเขาจะได้สามารถทำกิจการของพรเจ้าให้ สำเร็จได้ตามความมุ่งหมายของพระองค์ เขาย่อมจะสามารถชักนำ มนุษย์ทั้งโลกให้หันกลับมาหาพระเจ้าได้ พระองค์ทรงเรียกร้องให้เราทุกๆคนร่วมมือร่วมใจกันทำกิจ การของพระองค์ ให้เราทุกคนประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์ แก่มนุษย์ทั่วโลก คนทั้งหลายที่ต้องรับผิดชอบอย่างมากมาย ... แพทย์ ครู ทนายความและผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ในวงงานรัฐบาล และนักธุระกิจ....ควรจะได้รับคำแนะนำสั่งสอนเกี่ยวกับการประ กาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าอย่างดีที่สุด “เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่ง ของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร เพราะใครจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตของตน?” (มาระโก บท ๘ ข้อ ๓๖,๓๗) CCh1 161.1
เราได้พูดและเขียนหนังสือมากมายเกี่ยวกับคนยากจนที่ถูก ทอดทิ้งและไม่มีใครเอาใจใส่ดูแล เหตุไรเราจึงไม่ควรจะเอาใจใส่ ต่อพวกคนมั่งมีที่ถูกทอดทิ้งบ้าง? หลายคนคิดว่าคนมั่งมีไม่มีหวัง ที่จะได้รับความรอด และเขาไม่พยายามที่จะช่วยแนะนำสั่งสอน ให้พวกเหล่านั้นซึ่งมีนัยน์ตาอันมืดมนธ์เพราะตกอยู่ภายใต้อำนาจ ของซาตานได้รู้จักทางแห่งความรอด และคนมั่งมีเหล่านั้นต้อง สูญเสียชีวิตชั่วนิรันดร์ คนมั่งมีหลายพันคนต้องล่วงลับไปโดย ไม่มีใครบอกให้เขาทราบถึงข่าวประเสริฐของพระเจ้า เพราะผู้ สอนศาสนาได้พิจารณาดูเห็นพวกคนมั่งมีโดยมากแต่งการงดงาม และใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย และดูเฉยๆไม่เอาใจใส่ต่อคำ สั่งสอนของพระเจ้า เขาจึงมองข้ามพวกคนมั่งมีไปเสียและไม่ได้ ชักจูงให้คนเหล่านั้นกลับใจเสียใหม่และหันกลับมาหาพระเยซู แม้ ว่าพวกคนมั่งมีจะมีลักษณะท่าทางเหมือนกับว่าเขาไม่เอาใจใส่ต่อ คำสั่งสอนของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าได้ทราบว่าพวกคนมั่งมีเหล่านั้น ปรารถนาที่จะได้รับความรอด มีคนมั่งมีหลายพันคนปรารถนาที่ จะได้อาหารผ่ายวิญญาณจิตสำหรับบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณของเขา คนมั่งมีหลายคนรู้สึกว่าเขาปรารถนาที่จะได้อะไรบางอย่างที่เขาไม่ มี คนมั่งมีน้อยคนไปโบสถ์เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้รับประโยชน์ อะไรในการไปโบสถ์ คำสอนที่เขาได้ฟังมิได้เข้าถึงจิตวิญญาณ ของเขา ราจะไม่พยายามช่วยคนเหล่านี้ให้กลับมาหาพระเจ้า เป็นส่วนตัวหรือ?บางคนจะถามว่า “เราจะเอหนังสือที่เราพิมพ์แจกเกี่ยวกับ ศาสนาของเราไปให้คนมั่งมีเหล่านั้นอ่าน เพื่อจะให้เขาได้เรียนรู้ ถึงพระคำของพระเจ้าไม่ได้หรือ? มีหลายคนที่เราไม่สามรถจะ เข้าถึงจิตใจของเขาได้โดยวิธีนี้ เขาต้องการให้ผู้สอนศาสนา แนะนำสั่งสอนเขาให้เรียนรู้ถึงพระเจ้าเป็นส่วนตัว คนเหล่านี้จะ ต้องพินาศไปโดยที่เรามิได้ตักเตือนเขาเป็นพิเศษหรือ? ในสมัย โบราณไม่เป็นเช่นนั้น ผู้รับใช้ของพระเจ้าถูกส่งไปประกาศพระคำ ของพระองค์แก่ผู้ที่มียศสูง และพวกคนมั่งมี เพื่อคนเหล่านั้นจะ ได้รับความสงบสุขและความรอดในพระเยซูคริสต์ พระผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสูดในสวรรค์ได้เสด็จมาบังเกิดใน โลกของเรา เพื่อจะช่วยมนุษย์ผู้มีความผิดบาปให้ได้รับความรอด พระองค์มิได้ทรงช่วยคนยากจนพวกเดียวเท่านั้น แต่ทรงช่วยคน มั่งมีและคนที่มีเกียรติยศสูงด้วย พระองค์ทรงตักเตือนสั่งสอน คนมั่งมีและคนที่มียศสูงที่ไม่รู้จักพระเจ้า และมิได้ถือรักษาบท บัญญัติของพระองค์ให้กลับใจเสียใหม่และหันกลับมาหาพระเจ้า CCh1 164.1
ภายหลังที่พระคริสต์เสด็จขึ้นสวรรค์แล้วกิจการนี้ก็ยังดำ เนินต่อไป ข้าพเจ้ารู้สึกจับใจอย่างยิ่งเมื่อข้าพเจ้าอ่านเรื่องที่พระ เยซูคริสต์ทรงสนพระทัยในโกระเนเลียว โกระเนเลียวเป็นนาย ทหารในกองทัพของพวกโรมันและเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูง แต่เขา ได้ประพฤติตามคำสั่งสอนที่เขาได้รับอย่างเคร่งครัด พระเจ้าโปรด ให้โกระเนเลียวเห็นนิมิตจากสวรรค์ และทรงใช้ให้เปโตรไปเยี่ยม เยียนโกระเนเลียว เพื่อช่วยแนะนำสั่งสอนให้เขาได้เรียนรู้ถึง พระคำของพระเจ้า เราควรจะมีกำลังใจเข้มแข็งยิ่งขึ้นและพยายาม ตั้งอกตั้งใจทำกิจการของพระเจ้าให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น เมื่อเรา คิดถึงความเมตตากรุณาและความรักที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่คนทั้ง หลาย ที่พยายามแสวงหาและอธิษฐานขอให้พระองค์โปรดให้เขา กลับใจเสียใหม่แล้วหันกลับมาหาพระเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีหลายคนที่เป็นเหมือนโกระเนเลียว และ พระเจ้าทรงทรารถนาจะให้คนเหล่านั้นเข้าร่วมอยู่ในคริสตจักรของ พระองค์ คนเหล่านั้นมีความเห็นอกเห็นใจคนทั้งหลายที่ถือรักษา พระบัญญัติของพระเจ้า แต่เขามัวหมกมุ่นอยู่กับกิจการทางฝ่ายโลก จนไม่มีเวลาที่จะได้เรียนรู้ถึงพระคำของพระเจ้ามากนัก พวกคน มั่งมีและพวกที่มียศตำแหน่งสูงไม่กล้ามาปะปนกับพวกคนยากจน เพื่อจะได้เรียนรู้ถึงพระคำของพระเจ้า เราจะต้องใช้ความพากเพียร พยายามเป็นพิเศษเพื่อจะชักจูงคนเหล่านี้มาหาพระเยซู เพราะ พวกคนมั่งมีและคนที่มีตำแหน่งสูงมีความรับผิดชอบมาก และเขา ต้องต่อสู้กับการทดลองมากมาย จากแสงสว่างที่ข้าพเจ้าได้รับจากพระเจ้า ข้าพเจ้าทราบว่า เราควรจะกล่าวถ้อยคำที่ว่า “พระเจ้าได้ตรัสดังนี้” แก่คนทั้งหลาย ที่มีอิทธิพลและมีอำนาจในโลก คนเหล่านั้นเป็นผู้อารักขาที่พระ เจ้าทรงมอบหมายตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญๆให้เขา ถ้าคนเหล่านั้น ยอมรับคำเชิญของพระองค์ พระเจ้าก็จะทรงใช้คนเหล่านั้นทำกิจ การของพระองค์ มีบางคนที่เหมาะสมจะเป็นผู้ช่วยแนะนำสั่งสอนและชักจูง ชนชั้นสูงให้กลับใจเสียใหม่และหันกลับมาหาพระเจ้า คนเหล่านั้น ควรจะแสวงหาพระเจ้าทุกๆวัน และพยายามศึกษาเล่าเรียนเพื่อ จะได้เรียนรู้จิตใจของพวกเหล่านั้น แล้วชักนำเขามาหาพระเยซู มิใช่เพื่อจะรู้จักสนิทสนมกับพวกคนมั่งมีและพวกที่มีตำแหน่งสูง อย่างเดียวเท่านั้น แต่เพื่อจะชักนำคนเหล่านั้นให้กลับใจเสียใหม่ โดยความพากเพียรพยายามเป็นส่วนตัว และโดยความเชื่ออันมั่น คง และแสดงความรักอันลึกซึ้งแก่คนเหล่านั้น และมีความห่วง ใยที่จะให้คนเหล่านั้นได้เรียนรู้ถึงพระคำของพระเจ้าเพื่อเขาจะได้ รับความรอด CCh1 166.1