Go to full page →

การช่วยให้รอดเพื่อปรนนิบัติรับใช้ MHTH 129

เวลานั้นเป็นเวลาเช้าในทะเลฆาลิลาย พระเยซู กับเหล่าสาวกของพระองค์ได้ขึ้นจากเรือภายหลังที่ได้อยู่ ในท้องทะเลอันมีลมพายุพัดกล้ามาตลอดคืน แสงสว่าง ของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า ส่องต้องพื้นน้ำ และแผ่นดิน ประหนึ่งว่าจะประทานพรแห่งความสงบสุขให้ แก่โลก แต่เมื่อพระเยซูกับเหล่าสาวกขึ้นบนฝั่งทะเลก็ได้ ประสพภาพที่น่าหวาดเสียวยิ่งกว่าท้องทะเลอันปั่นป่วนไป ด้วยลมพายุอีก จากที่กำบังแห่งหนึ่งในท่ามกลางอุโมงค์ ฝังศพชายวิกลจริตสองคนวิ่งตรงมาหาเขาด้วยอาการดุร้าย ประหนึ่งว่าจะฉีกเสื้อเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชายสอง คนนี้ได้กระชากโซ่ที่ผูกมัดเขาไว้จนหลุด และได้ดึงเอาโซ่ ที่ขาดนั้นติดตัวมาด้วย เนื้อหนังของเขาฉีกขาดมีโลหิตไหล ดวงตาของเขาลุกเป็นประกายอยู่ภายใต้ผมที่ยาวเป็นกะเซิง รูปร่างของเขาคล้ายสัตว์ป่ามากกว่ามนุษย์ MHTH 129.1

เหล่าสาวกกับพวกเพื่อฝูง พากันวิ่งหนีด้วยความ หวาดกลัว แต่ในไม่ช้าเขาก็สังเกตุเห็นว่าพระเยซูมิได้อยู่ กับเขา เขาจึงหันกลับไปดูพระเยซู พระองค์ทรงยืนอยู่ใน ที่ ๆ เขาทิ้งพระองค์ไว้ พระองค์ผู้ทรงห้ามคลื่นลมให้สงบ ผู้ได้เผชิญหน้าซาตานและมีชัยชะนะมันมาก่อนมิได้หนีไป จากคนเหล่านี้ที่มีผีสิง เมื่อชายสองคนนั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มีน้ำลายไหลฟูมปากวิ่งมาหาพระองค์ พระเยซูทรงยก พระหัตถ์ซึ่งได้เคยห้ามคลื่นลมให้สงบ คนที่มีผีสิงนั้นก็ไม่ กล้าเข้ามาใกล้พระองค์ เขายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วย ท่าทางดุร้ายเกรี้ยวกราด แต่เขาทำอะไรพระองค์ไม่ได้ MHTH 130.1

ด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ พระองค์ตรัสสั่งให้ผี โสโครกนั้นออกมาจากเขา ชายผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองรู้สึก ว่า พระองค์ผู้สถิตอยู่ใกล้สามารถจะช่วยเขาให้หลุดพ้น จากอำนาจของผีชั่วร้ายที่ทรมานเขาได้ เขาได้ซบกายลง แทบพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อทูลขอให้พระองค์ ทรงพระเมตตา แต่เมื่อเขาเผยอริมฝีปากจะพูด ผีโสโครก ที่สิงอยู่ในตัวเขาได้ร้องขึ้นว่า “เยซูบุตรพระเจ้า พวก ข้าพเจ้ามีสาเหตุอะไรกับท่าน ? ท่านจะมาทรมานพวก ข้าพเจ้าก่อนเวลาหรือ ?” MHTH 130.2

ผีโสโครกนั้นจำต้องออกจากผู้เคราะห์ร้ายทั้งสอง นั้น แล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่ามหัศจรรย์แก่เขา เขากลับได้สติ ดวงตาของเขาฉายแสงแห่งความรู้คิด ดวงหน้าที่ดุร้ายถมึงทึงดุจดวงหน้าของซาตานก็กลับกลาย เป็นอ่อนโยน มือที่เปื้อนโลหิตกลับสงบนิ่ง ชายทั้งสอง นั้นได้สรรเสริญพระเจ้า MHTH 131.1

ขณะนั้นผีโสโครกที่ออกจากชายสองคนได้ไปเข้า สิงในฝูงสุกร และสุกรทั้งฝูงก็โดดทะเลตาย คนเลี้ยงสุกร จึงรีบเข้าไปแจ้งข่าวนี้ในเมือง แล้วฝูงชนก็พากันมาห้อม ล้อมพระเยซู คนที่มีผีสิงทั้งสองนั้นดุร้ายมากเป็นที่หวาด กลัวของคนทั่วทั้งเมือง บัดนี้ชายสองคนนั้นนุ่งห่มผ้าเรียบ ร้อย มีสติบริบูรณ์ และนั่งฟังคำสอนของพระเยซูอยู่แทบ พระบาทของพระองค์ เขาได้สรรเสริญพระนามของ พระองค์ผู้ทรงโปรดให้เขาหายเป็นปกติ แต่คนทั้งหลาย ที่ได้เห็นเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์นี้หามีความชื่นชมยินดีไม่ เขารู้สึกว่าการที่หมูทั้งฝูงได้จมน้ำตายหมดนั้นมีความ สำคัญสำหรับเขามากยิ่งกว่าการช่วยชายทั้งสองนี้ให้รอด พ้นจากอำนาจของซาตาน พวกเหล่านั้นตกใจกลัวยิ่งนัก เขาพากันมาห้อมล้อมพระเยซูและทูลขอให้พระองค์เสด็จ ไปเสียจากเขา พระองค์จึงลงเรือข้ามไปยังฝั่งทะเลที่อยู่ ตรงข้ามทันที MHTH 131.2

แต่ผู้ที่พระเยซูทรงช่วยให้พ้นจากอำนาจผีโสโครก นั้นมีความรู้สึกแตกต่างกับคนเหล่านั้นมาก เขาปรารถนา จะได้อยู่ใกล้ชิดพระผู้ทรงช่วยเขาให้พ้นภัยอันตราย เมื่อ อยู่ต่อหน้าพระองค์เขารู้สึกว่าเขาปลอดภัย และเขาจะไม่ ถูกผีโสโครกซึ่งได้มาทรมานชีวิตและได้ทำให้วัยหนุ่มของเขา สูญเสียไปนั้นรบกวนอีก ขณะที่พระเยซูจะเสด็จลงเรือ ชายทั้งสองได้แอบเข้ามาใกล้ และคุกเข่าลงแทบพระบาท ของพระองค์ และทูลขอให้เขาได้อยู่ใกล้เพื่อจะได้ฟัง พระคำของพระองค์ แต่พระเยซูตรัสสั่งให้เขากลับบ้าน และบอกคนอื่น ๆ ให้ทราบถึงการอัศจรรย์ที่พระเจ้าได้ทรง กระทำแก่เขา MHTH 132.1

เขามีงานที่จะต้องทำ คือจะต้องไปประกาศเรื่อง พระพรที่เขาได้รับจากพระเยซู แก่คนทั้งหลายที่มิได้นับถือ พระเจ้า เป็นการยากที่เขาจะไปจากพระผู้ช่วยให้รอด เขา จะต้องประสพความยุ่งยากเดือดร้อน ในการที่จะไป ติดต่อ เกี่ยวข้องกับพวกพี่น้องที่มิได้นับถือพระเจ้า และการที่เขา ต้องเหินห่างจากสังคมเสียนาน ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่มี คุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานนี้ แต่เมื่อพระเยซูทรงมอบ หน้าที่ให้เขา ๆ ก็พร้อมที่จะเชื่อฟังพระองค์ MHTH 133.1

มิใช่แต่เพียงจะประกาศเรื่องพระเยซูแก่คนใน ครอบครัวและเพื่อนบ้านของเขาเท่านั้น แต่เขาได้ไปทั่ว แว่นแคว้นเดกาโปลี และประกาศแก่ทุก ๆ คนถึงอำนาจที่ พระเยซูทรงช่วยให้รอดได้ และกล่าวถึงเรื่องที่พระองค์ ขับผีโสโครกจากเขา MHTH 134.1

แม้ว่าชาวเมืองฆะดาราจะไม่รับพระเยซู พระองค์ ก็มิได้ละทิ้งเขาไว้ในความมืด เมื่อเขาขอร้องให้พระองค์ เสด็จไปจากเขา ๆ มิได้ฟังพระคำของพระองค์ เขาไม่รู้ ถึงสิ่งที่เขาได้ละทิ้งเสียนั้น เหตุฉะนั้นพระองค์จึงโปรดให้ ผู้ที่พระองค์ขับผีโสโครกออก นำข่าวประเสริฐไปแจ้งแก่ ชาวเมืองเพราะทรงทราบว่าคนเหล่านั้นจะยอมฟังคำของ เขา MHTH 134.2

ในการทำลายหมูฝูงนั้น ซาตานมีความมุ่งหมาย ที่จะบันดาลให้ฝูงชนเอาใจออกห่างจากพระผู้ช่วยให้รอด และกีดกันมิให้มีการประกาศกิตติคุณประเสร็ฐในแคว้นนั้น แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลับทำให้ชาวเมืองเกิดความตื่นเต้น และหันมาเอาใจใส่ต่อพระคริสต์ แม้ว่าพระผู้ช่วยให้รอด จะเสด็จไปจากเมืองนั้นแล้ว ผู้ที่พระองค์ขับผีโสโครกออก ก็ยังเป็นพยานแสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์ คนเหล่านั้น ซึ่งได้เคยเป็นเครื่องมือของเจ้าแห่งความมืดได้กลับกลาย เป็นช่องทางแห่งความสว่าง เป็นทูตของพระบุตรของ พระเจ้า เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาที่แคว้นเดกาโปลีฝูงชน ได้พากันมาห้อมล้อมพระองค์ ตลอดเวลาสามวัน หลายพัน คนได้พากันมาจากแว่นแคว้นใกล้เคียง และได้ฟังข่าวแห่ง ความรอด MHTH 134.3

ชายสองคนที่พระเยซูขับผีโสโครกออกเป็นผู้เผย แผ่ศาสนาสองคนแรกที่พระคริสต์ส่งไปประกาศกิตติคุณ ประเสริฐในแคว้นเดกาโปลี คนเหล่านี้ได้ฟังพระคำของ พระองค์เพียงชั่วเวลาเล็กน้อย เขาไม่เคยได้ยินคำเทศนา สั่งสอนของพระองค์เลย เขาไม่สามารถจะสั่งสอนฝูงชน ได้เหมือนอย่างพวกสาวกที่อยู่ใกล้พระคริสต์ทุก ๆ วัน แต่ เขาสามารถจะบอกเรื่องที่เขาทราบแก่ผู้อื่น สิ่งที่เขาได้ เห็นเอง สิ่งที่เขาได้ยิน และรู้สึกถึงอำนาจของพระผู้ช่วย ให้รอด สิ่งนี้คือสิ่งที่ทุก ๆ คน ซึ่งได้รับพระคุณของ พระเจ้าไว้ในใจสามารถจะกระทำได้ นี้คือพยานซึ่งพระเจ้า ทรงเรียก และโลกกำลังจะถึงซึ่งความพินาศก็เพราะขาด สิ่งนี้ MHTH 135.1

กิตติคุณประเสริฐมิใช่สิ่งที่เราจะหยิบยกขึ้นมา แสดงเป็นทฤษฎีอันปราศจากชีวิต แต่เป็นอำนาจก็สามารถ จะเปลี่ยนชีวิตได้ พระเจ้าทรงปรารถนาจะให้ผู้รับใช้ของ พระองค์เป็นพยานถึงความจริง ที่ว่า โดยพระคุณของ พระองค์มนุษย์เราสามารถจะเปลี่ยนแปลงอุปนิสสัยให้ เหมือนพระคริสต์ได้ และมีความชื่นชมยินดีเพราะมั่นใจ ว่าเขาได้รับความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ ปรารถนาจะให้เราเป็นพยานถึงความจริงที่ว่าพระองค์จะ ไม่ทรงพอพระทัยจนกว่าทุก ๆ คนที่ยอมรับเอาความรอด จะได้กลับคืนมาเป็นของพระองค์ และได้รับสิทธิอันชอบ ธรรมที่จะเป็นบุตรชายหญิงของพระองค์ MHTH 136.1

แม้แต่คนทั้งหลายที่ได้ดำเนินชีวิตในทางที่น่ารัง เกียจสำหรับพระองค์ ๆ ก็ทรงยอมรับด้วยความเต็มพระ ทัย เมื่อเขากลับใจใหม่พระองค์ประทานพระวิญญาณ ของพระองค์ และส่งเขาออกไปประกาศแก่ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ ต่อพระองค์ถึงพระเมตตากรุณาของพระองค์ คนทั้งหลาย ที่มีความประพฤติเสื่อมทรามและตกเป็นทาสของซาตาน สามารถจะหันกลับมาดำเนินตามทางชอบธรรมได้โดยฤทธิ์ อำนาจของพระคริสต์ พระองค์ทรงใช้คนเหล่านี้ไปประ กาศให้คนทั้งกลายทราบถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้ กระทำเพื่อเขาทั้งหลาย และพระองค์ทรงพระเมตตากรุณา ต่อเขา MHTH 137.1

“ข้าพเจ้าจะถวายสรรเสริญพระองค์ตลอดไปเป็น นิตย์ MHTH 137.2

ภายหลังที่ผู้หญิงที่เมืองกัปเรนาอูมได้หายจากโรค โดยการสัมผัสฉลองพระองค์ของพระเยซูด้วยความเชื่อ แล้วพระเยซูปรารถนาจะให้ผู้หญิงนั้นยอมรับรู้ว่าพระองค์ ได้ประทานพรแก่เขา เมื่อพระเจ้าประทานพระพรและประ กาศกิตติคุณประเสริฐแก่เราทั้งหลาย พระองค์ไม่ ปรารถนาจะให้เรารับเอาสิ่งนั้นไว้อย่างเงียบ ๆ และมี ความสุขสบายแต่ลำพังโดยไม่ให้ผู้ใดทราบ เราต้องบอก ให้คนอื่น ๆ ทราบด้วย MHTH 137.3

“เหตุฉะนั้นเจ้าก็เป็นพยานของเรา
ว่าเราเป็นพระเจ้าของเจ้า” MHTH 138.1

การที่เรายอมรับว่าพระองค์เป็น ผู้ซื่อสัตย์เที่ยง ตรง เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้สำหรับจะสำแดง พระคริสต์ให้แก่โลก เราจะต้องยอมนรับพระคุณของ พระองค์เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงสำแดงให้คนทั้งหลาย ทราบโดยอาศัยผู้ชอบธรรมในสมัยโบราณ แต่สิ่งที่จะ ทำให้บังเกิดผลบริบูรณ์นั้น คือ การที่เราเป็นพยานถึง MHTH 138.2

เหตุการณ์ที่เราได้ประสพมาด้วยตนเอง เราเป็นพยาน ของพระเจ้าเมื่อเราสำแดงให้ผู้อื่นเห็นว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์ อำนาจสามารถจะเปลี่ยนจิตใจเราใหม่และให้เรากลับ ประพฤติดีได้ มนุษย์เราทุก ๆ คนต่างก็มีชีวิตแตกต่างกัน ต่างคนต่างก็ได้ประสพเหตุการณ์หลายอย่างในชีวิต พระเจ้าปรารถนาจะให้เราถวายสรรเสริญพระองค์ด้วย อุปนิสสัยอันแท้จริงของตัวเราเอง เมื่อเรายอมรับพระคุณ ของพระเจ้าไว้ในใจและถวายรัศมีภาพแก่พระองค์เราก็มี อำนาจที่จะชักจูงผู้อื่นมาหาพระเจ้าได้ MHTH 139.1

เพื่อประโยชน์แก่ตัวเราเอง เราควรจะระลึกถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา โดยวิธีนี้ความ เชื่อของเราจะเข้มแข็งยิ่งขึ้น เมื่อเราได้รับพระพรจาก พระเจ้าเอง แม้ว่าพระพรนั้นจะเป็นสิ่งเล็กน้อยที่สุดเราก็ ย่อมจะมีกำลังใจเข้มแข็งมากยิ่งกว่าที่เราจะได้อ่านถึงเรื่อง ความเชื่อและเหตุการณ์ที่ผู้อื่นได้ประสพ จิตต์วิญญาณที่ ยอมรับพระคุณของพระเจ้าไว้เปรียบเหมือนสวนที่มีน้ำชุ่ม ชื้น เขาจะมีสุขภาพสมบูรณ์ แสงสว่างของเขาจะส่อง ออกมาจากความมืด และเราจะได้เห็นรัศมีภาพของพระเจ้า ส่องสว่างอยู่เหนือเขา MHTH 139.2

“ข้าพเจ้าจะสนองพระเดชพระคุณแก่พระยะโฮวา
ตอนแทนคุณที่รงประทานแก่ข้าพเจ้านั้น —
อย่างไรได้ ?
ข้าพเจ้าจะหยิบจอกแห่งความรอด
และทูลออกพระนามของพระยะโฮวา
ข้าพเจ้าจะแก้บลต่อพระยะโฮวา
ต่อหน้าพลไพร่ทั้งปวงของพระองค์ พรเจ้าค่ะ
“ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่นานเพียงใด จะร้องเพลง
ถวายพระยะโฮวานานเพียงนั้น
ขณะเมื่อข้าพเจ้ายังเป็นอยู่ ข้าพเจ้าจะร้องเพลง
สรรเสริญพระเจ้าของข้าพเจ้า MHTH 140.1

ขอให้การภาวนาของข้าพเจ้าเป็นที่หวานหู —
พระองค์
ข้าพเจ้าจะยินดีในพระยะโฮวา”
“ผู้ใดอาจพรรณนาพระราชกิจอันแสดงฤทธิ์ของ
พระยะโฮวาได้
หรือกล่าวถึงความสรรเสริญของพระองค์จนหมด
เรื่องได้ ?”
“ทูลออกพระนามของพระองค์
จงแสดงพระราชกิจของพระองค์ในท่ามกลางชน
ประเทศทั้งปวง
จงเปล่งเสียงร้องทูลพระองค์ จงร้องเพลง
สรรเสริญพระองค์”
จงกล่าวถึง บรรดาพระราชกิจและการอัศจรรย์
ของพระองค์เถิด
จงอวดในพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ MHTH 141.1

ให้ใจของเหล่าคนที่แสวงหาพระยะโฮวาพึงชื่นชม
ยินดี”
ldquo;เพราะพระกรุณาคุณของพระองค์ประเสริฐยิ่ง
กว่าชีวิต
ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะถวายสรรเสริญพระองค์..
จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าจะอิ่มหนำดุจกินเนื้อมัน
และไขในกระดูก
ปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยริม —
ฝีปากอันชื่นชมยินดี
เพื่อข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์บนเตียงนอน
เพื่อภาวนาถึงพระองค์ทุกทุ่มยาม
เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าแล้ว
และข้าพเจ้าจะชื่นชมใต้ร่มปีกของพระองค์
“ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่
หวั่นกลัว MHTH 142.1

มนุษย์จะทำอะไรแก่ข้าพเจ้าได้เล่า ?
ข้าแต่พระเจ้า คำบนตัวที่ปฏิญาณไว้แก่พระองค์
ข้าพเจ้าจะสนองพระเดชพระคุณของพระองค์แก้
ให้เสร็จ.
เพราะพระองค์ได้ทรงโปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ไม่
ให้ตาย.
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ดำเนินเฉพาะพระพักตรพระเจ้า
ในที่สว่างกับผู้ที่มีชีวิตอยู่
แล้วพระองค์ไม่ได้ทรงช่วยเท้า ของข้าพเจ้าไว้ไม่
ให้ลื่นล้มลงดอกหรือ ?”
“ข้าแต่พระองค์ผู้บริสุทธิ์ของพวกยิศราเอล
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ด้วย —
กระจับปี่
ริมฝีปากของข้าพเจ้าและจิตต์วิญญาณของ —
ข้าพเจ้าที่พระองค์ทรงไถ่ไว้แล้วนั้น MHTH 143.1

จะเปล่งเสียงยินดีเมื่อข้าพเจ้าร้องเพลงสรรเสริญ
พระองค์
ลิ้นของข้าพเจ้าจะเล่าถึงความชอบธรรมของ —
พระองค์ตลอดวันยังค่ำด้วย”
“พระองค์เป็นที่วางใจของข้าพเจ้าตั้งแต่เด็ก ๆ มา
ข้าพเจ้าจะถวายความสรรเสริญพระองค์เสมอ”
“เราจะกระทำให้นามของท่านเป็นที่ระลึกตลอด
ชั่วอายุ
เหตุฉะนั้นชนประเทศทั้งปวงจะขอบพระเดชพระ —
คุณท่าน”
“ท่านทั้งหลายได้รับเปล่า ๆ
จงให้เปล่า ๆ” MHTH 144.1

พระเยซูคริสต์มิได้มีรับสั่งให้เราประกาศกิตติคุณ ประเสริฐแก่ผู้ที่เราหวังว่าจะทำให้เราได้รับเกียรติยศชื่อ เสียงถ้าหากเขายอมรับ กิตติคุณประเสริฐนี้จะต้องประ MHTH 144.2

กาศแก่มนุษย์ทั้งหลายทุกคน เมื่อพระเจ้าทรงอวยพรแก่ บุตรทั้งหลายของพระองค์ พระองค์มิได้ทรงอวยพรเพื่อ เขาพวกเดียวเท่านั้นแต่เพื่อคนทั้งโลกด้วย เมื่อพระองค์ ทรงประทานสิ่งของให้แก่เรา พระองค์มีพระประสงค์ที่จะ ให้เราทำให้ของนั้นเพิ่มพูนมากขึ้นโดยแจกจ่ายของนั้นให้ ผู้อื่นด้วย MHTH 145.1

เมื่อผู้หญิงชาติซะมาเรียได้สนทนากับพระเยซูที่บ่อ น้ำของยาโคบแล้วนางได้กลับเข้าไปในเมืองและนำผู้อื่นมา หาพระผู้ช่วยให้รอด นางได้พิสูจน์ให้ผู้อื่นเห็นว่าตัวนางเอง เป็นผู้เผยแผ่ศาสนาที่ทำงานได้ผลดียิ่งกว่าสาวกของ พระองค์ พวกสาวกไม่เห็นมีอะไรในประเทศซะมาเรียที่ จะช่วยให้เขามีใจกระตือรือร้น จะประกาศศาสนาในที่นั้น ความคิดของเขามุ่งอยู่เฉพาะงานใหญ่ที่จะต้องทำใน อนาคต เขามองไม่เห็นว่ารอบ ๆ ตัวเขายังมีพืชผลที่จะ ต้องเก็บเกี่ยว แต่โดยผู้หญิงซึ่งเขาเหยียดหยามนี้แหละ คนทั้งเมืองได้มาฟังคำสอนของพระเยซู นางได้นำแสดง สว่างไปสู่พวกพี่น้องชาติเดียวกับนางทันที MHTH 145.2

ผู้หญิงชาวซะมาเรียคนนี้เป็นแบบอยางแสดงให้ เห็นวิธีปฏิบัติงานของผู้ที่มีความเชื่อในพระคริสตื สาวกที่ แท้ ทุก ๆ คน ได้บังเกิดในแผ่นดินของพระเจ้าเพื่อจะเป็นผู้ เผยแผ่ศาสนา เมื่อเขารู้จักพระผู้ช่วยให้รอดเขาก็ปรารถนา จะให้ผู้อื่นได้รู้จักพระองค์ด้วย เขาไม่สามารถจะเก็บความ จริงที่จะช่วยให้รอด และชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ไว้ในใจ ของเขา ผู้ที่ได้ดื่มน้ำแห่งชีวิตจะได้กลับกลายเป็นน้ำพุ แห่งชีวิต ผู้ที่ได้รับจะกลับกลายเป็นผู้ให้ พระคุณของ พระคริสต์ในจิตต์วิญญาณเปรียบเหมือนบ่อน้ำพุในทะเล ทรายซึ่งไหลขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ดื่มน้ำนั้น และทำให้ผู้ที่ จะถึงซี่งความพินาศมีความร้อนรนที่จะดื่มน้ำแห่งชีวิต ใน ในการประกาศกิตติคุณประเสริฐแก่ผู้อื่นนั้น เราย่อมจะได้ รับพระพรมากมายยิ่งกว่าที่เราจะทำงานเพื่อประโยชน์ของ เราเอง การที่เรานำข่าวดีแห่งความรอดไปประกาศแก่ คนอื่นนี่แหละทำให้เราได้อยู่ใกล้พระผู้ช่วยให้รอด MHTH 146.1

พระเยซูได้ตรัสถึงคนที่รับพระคุณ ของ พระองค์ ไว้ว่า : MHTH 147.1

“เราจะให้เขาทั้งหลายและตำบลทั้งปวงที่ล้อม รอบเนินเขาของเราเป็นซึ่งความอวยพร และเราจะให้ฝน ตกในวสันตฤดู และจะมีฝนบริบูรณ์ดี” MHTH 147.2

“แล้วในวันที่สุดเป็นวันใหญ่ในการเลี้ยงนั้นพระ เยซูทรงยืนประกาศว่า “ถ้าผู้ใดกระหายให้ผู้นั้นมาหาเรา และดื่ม ผู้ที่วางใจในเรา แม่น้ำประกอบด้วยชีวิต จะไหล ออกจากภายในผู้นั้นเหมือนได้มีคำเขียนไว้แล้ว” MHTH 147.3

คนทั้งหลายที่ได้รับพระคุณของพระเยซู จะต้องนำ พระคุณนั้นไปให้ผู้อื่นด้วย จากทั่วทุกทิศทุกทางมีเสียงขอ ร้องให้เราไปช่วย พระเจ้าทรงเรียกผู้ที่ยินดีจะปรนนิบัติ รับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราทั้งหลายจะต้องกระทำกิจ การของพระเจ้าเพื่อจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตชั่วนิรันดร์ เรา จะต้องต่อสู้เพื่อจะได้รับแผ่นดินสวรรค์เป็นมรดก และเรา จะต้องนำแสงสว่างเข้าไปในโลกอันมืดมนธ์ และผู้คนที่จะ ต้องพินาศไปเพราะความโง่เขลา MHTH 147.4

“ท่านทั้งหลายว่า อีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าว มิใช่หรือ ? นี่แน่ะเราบอกท่านทั้งหลายว่า จงลืมตามอง ดูนาเถิด เพราะว่าทุ่งนาเหลืองถึงฤดูเกี่ยวแล้ว คนเกี่ยวก็ กำลังรับจ้างอยู่แล้ว และกำลับส่ำสมผลไม้ไว้สำหรับชีวิต ชั่วนิรันดร์” MHTH 148.1

“จงดูเถิด เราจะอยู่กับเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์”

ตลอดเวลาสามปีพวกสาวกได้ประพฤติตามแบบ อย่างอันดีงามของพระเยซู วันแล้ววันเล่าเขาได้เดินร่วม ทางและสนทนากับพระเยซู ได้ยินถ้อยคำซึ่งพระองค์ตรัส ปลอบโยนผู้เหน็ดเหนื่อยอิดโรคและมีความทุกข์ และได้ เห็นพระองค์สำแดงฤทธิ์อำนาจในการรักษาคนป่วยเจ็บ และผู้ที่ต้องทรทุกข์ทรมาน เมื่อถึงกำหนดเวลาที่พระองค์ จะต้องจากเขาไปพระองค์ได้ประทานพระคุณและอำนาจ เพื่อเขาจะได้ดำเนินกิจการต่อไปในนามของพระองค์ เขา จะต้องส่องแสงสว่างแห่งกิตติคุณประเสริฐ อันประกอบ ด้วยความรักและอำนาจที่จะรักษาพยาบาลความป่วยไข้ไป แก่มนุษย์ทั้งหลาย และพระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาว่า พระองค์จะสถิตอยู่กับเขาเสมอไป โดยฤทธิ์เดชของพระ วิญญาณบริสุทธิ์พระองค์จะประทับอยู่ใกล้ชิดเขามากยิ่ง กว่าเมื่อครั้งที่พระองค์ยังคงดำเนินอยู่ท่านกลางหมู่มนุษย์ และเราสามารถมองเห็นพระองค์ได้ MHTH 148.2

งานซึ่งเหล่าสาวกได้ทำนั้นเราจะต้องกระทำด้วย คริสเตียนทุก ๆ คน จะต้องเป็นผู้เผยแผ่ศาสนาของพระเจ้า ด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเมตตากรุณาเราจะต้อง ปรนนิบัติช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ เราต้อง พยายามที่จะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ของคนทั้งหลายที่ได้ รับความยากลำบากโดยไม่เห็นแก่ตัว MHTH 149.1

ทุก ๆ คน สามารถจะหางานอะไรบางอย่างทำได้ ไม่มีใครจำเป็นจะต้องรู้สึกว่า ไม่มีที่ ๆ เขาสามารถจะทำ งานเพื่อพระคริสต์ได้ พระผู้ช่วยให้รอดถือว่าพระองค์ทรง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับมนุษย์ทั้งหลายทุกคน เพื่อเราจะได้ เป็นสมาชิกของครอบครัวแห่งสวรรค์ พระองค์ได้เป็น สมาชิกของครอบครัวแห่งแผ่นดินโลก พระองค์เป็นบุตร มนุษย์ ฉะนั้นพระองค์จึงเป็นพี่น้องของบุตรชายหญิง ทุกคนของอาดาม ผู้ติดตามพระองค์ไม่ควรจะมีความรู้สึก ว่าเขาถูกตัดขาดออกจากโลกที่กำลังจะพินาศอยู่รอบๆเขา เขาเป็นส่วนหนึ่งของมุนษย์ทั้งหลายในโลก และชาว สวรรค์ทั้งหลายถือว่าเขาเป็นพี่น้องของคนบาปมากเท่ากับ พี่น้องของคนชอบธรรม MHTH 149.2

มนุษย์หลายล้านคนผู้ป่วยเจ็บ ผู้มีความโง่เขลา และความผิดบาปไม่เคยได้ยินถึงความรักที่พระคริสต์มีต่อ เขา ถ้าหากว่าเราสามารถจะเปลี่ยนสภาพของเรากับเขา ได้ เราปรารถนาจะให้เขาทำอะไรสำหรับเรา? สิ่งเหล่านี้ เราจะต้องกระทำเพื่อเขาเท่าที่เราสามารถจะทำได้ กฎแห่ง ชีวิตซึ่งพระคริสต์ทรงวางไว้สำหรับเป็นมาตรฐานวัดการ กระทำของเราในวันพิพากษาครั้งสุดท้ายคือ “สิ่งสารพัตร ซึ่งท่านปรารถนาให้มนุษย์ทำแก่ท่าน จงกระทำอย่างนั้น แก่เขาเหมือนกัน” MHTH 150.1

เมื่อเราได้รับทุก ๆ สิ่ง ที่เป็นประโยชน์แก่เรามาก ยิ่งกว่าผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา, ความละเอียด ปราณีต, อุปนิสสัยอันดีงาม, การอบรมตามแบบคริสเตียน และความรอบรู้เกี่ยวกับศาสนา เราก็เป็นหนี้ผู้ที่ได้รับของ ประทานจากพระเจ้าน้อยกว่าเรา เท่าที่เราสามารถจะ กระทำได้เราจะต้องช่วยเหลือคนเหล่านั้น ถ้าเรามีกำลัง เข้มแข็งเราจะต้องช่วยพยุงมือของผู้อ่อนกำลังขึ้น MHTH 150.2

ฑูตสวรรค์ผู้มีรัศมีรุ่งเรืองซึ่งได้เห็นพระพักตรของ พระบิดาในสวรรค์อยู่เป็นนิตย์มีความชื่นชมยินดีในการ ปรนนิบัติช่วยเหลือบุตรของพระเจ้า ฑูตสวรรค์อยู่ในที่ ๆ มนุษย์ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ฑูตสวรรค์อยู่กับ ผู้ที่มีการสงครามอันยากลำบากที่สุด คือการต่อสู้กับตัวเอง และผู้ที่ตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกท้อใจ ผู้ที่อ่อน กำลังและมีจิตใจสดุ้งหวาดกลัว ผู้ซึ่งมีอุปนิสสัยอันน่า รังเกียจ คนเหล่านี้เป็นพวกที่เหล่าฑูตสวรรค์จะต้องคุ้ม ครองป้องกันเป็นพิเศษ คนที่เห็นแก่ตัวย่อมรู้สึกว่าการ ปรนนิบัติช่วยเหลือผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งต่ำต้อย แต่งานของฑูต สวรรค์ผู้บริสุทธิ์คือการปรนนิบัติช่วยเหลือผู้มีความทุกข์ และมีความอ่อนแอในอุปนิสสัย MHTH 151.1

พระเยซูมิได้ถือว่าสวรรค์เป็นสถานที่อันพึง- ปรารถนาขณะที่เราจะต้องสูญเสียชีวิต พระองค์ได้เสด็จ จากราชสำนักในสวรรค์เพื่อจะมีชีวิตอยู่โดยถูกตำหนิ ติเตียนและถูกเหยียดหยาม และต้องประสพความตายอัน น่าละอายอดสู พวกผู้มีความมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ สมบัติอันล้ำค่าในสวรรค์ได้กลับกลายเป็นคนยากจน เพื่อ เราทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมีโดยความยากจนของพระองค์ นั้น เราทั้งหลายจะต้องเหยียบย่างไปในทางที่พระองค์ ทรงดำเนินไปนั้น MHTH 152.1

ผู้ที่ได้กลับกลายเป็นบุตรของพระเจ้าควรจะนับ ตนเองเข้าเป็นห่วงหนึ่งในสายโซ่ซึ่งพระเจ้าทรงปล่อยลง มาสำหรับช่วยมนุษย์ในโลกให้รอด เขาจะต้องมีส่วนร่วม ในแผนการณ์อันประกอบด้วยความเมตตากรุณาของพระ เจ้า และออกไปแสวงหาและช่วยคนบาปให้รอดพร้อมกับ พระองค์ MHTH 152.2

หลายคนรู้สึกว่าเขาจะได้รับประโยชน์พิเศษใน การที่ไปเยี่ยมเยียนสถานที่ ๆ พระคริสต์ทรงอาศัยอยู่ และ เสด็จไปมาเมื่อพระองค์ยังอยู่ในโลก และได้เดินในที่ ๆ พระองค์เคยดำเนิน ได้มองดูทะเลสาป ซึ่งพระองค์เคย สอนฝูงชน และดูเนินเขาและหุบผาที่พระองค์ทรงทอด พระเนตรอยู่เสมอ แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องไปเมืองนาซา เร็ธ, เมืองกัปเรนาอูมหรือบ้านเบธาเนีย เพื่อจะเดินตาม รอยพระบาทของพระเยซู เราจะได้พบรอยพระบาทของ พระองค์ข้างเตียงคนป่วย, ในกะท่อมของคนยากจน, ใน ตรอกแคบ ๆ ที่แออัดไปด้วยผู้คนในเมืองใหญ่ ๆ และใน สถานที่ทุกแห่งซึ่งมีผู้ที่ต้องการให้เราช่วยเล้าโลมใจ MHTH 152.3

เราจะต้องเลี้ยงผู้หิวกระหาย, จัดหาเครื่องนุ่งห่ม ให้ผู้ที่มีร่างกายเปล่าเปลือย และช่วยเล้าโลมใจคนที่ได้รับ ความทุกข์ยากและเจ็บปวดทรมาน เราจะต้องช่วยเหลือ คนที่มีใจท้อถอย และช่วยให้ผู้ที่หมดหวัง รู้สึกมีหวัง MHTH 153.1

ความรักของพระคริสต์ซึ่งเราได้สำแดงให้ผู้อื่น เห็นโดยการปรนนิบัติช่วยเหลือผู้ที่มีความทุกข์ จะบังเกิด ผลดีในการดัดแปลงแก้ไขผู้กระทำชั่วได้มากยิ่งกว่าอำนาจ ของดาบหรือการลงโทษในศาล สิ่งเหล่านี้อาจจะจำเป็น สำหรับทำให้ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเข็ดหลาบ แต่ผู้เผยแผ่ศาสนา ที่มีความรักและเมตตากรุณาสามารถจะทำประโยชน์ได้ยิ่ง กว่านี้ หัวใจที่แข็งกระด้างไปเพราะถูกผู้อื่นติเตียนจะอ่อน ลงเมื่อได้รับความรักของพระคริสต์ MHTH 153.2

ผู้เผยแผ่ศาสนามิใช่เพียงแต่จะสามารถบรรเทา ทุกข์ของโรคภัยทางกายเท่านั้น แต่เขาสามารถนำคนบาป มาหานายแพทย์ผู้ประเสริฐผู้สามารถจะชำระจิตต์วิญญาณ ให้สอาดปราศจากบาปอันร้ายแรงดุจโรคเรื้อน โดยผู้รับ ใช้ของพระองค์พระเจ้าทรงมุ่งหมายจะให้คนป่วยเจ็บ คน ที่ได้รับเคราะห์ร้าย และคนที่ถูกผีสิงให้ได้ยินพระสุรเสียง ของพระองค์โดยอาศัยมนุษย์เป็นผู้แทนของพระองค์ ๆ ปรารถนาจะเป็นผู้เล้าโลมใจเราอย่างที่โลกไม่เคยรู้จัก MHTH 154.1

พระผู้ช่วยให้รอดได้ประทานชีวิตอันประเสริฐของ พระองค์เพื่อจะตั้งคริสตจักรที่สามารถจะปรนนิบัติช่วย เหลือผู้มีความทุกข์โศก, ผู้เจ็บป่วยทรมาน และถูกทดลอง ผู้เชื่อถืออาจจะเป็นคนยากจน, ไร้การศึกษา และไม่มีใคร รู้จัก แม้กระนั้นเขาก็ยังสามารถทำกิจการของพระองค์ใน ครอบครัว-ในวงสังคม และใน “แว่นแคว้นที่อยู่ห่างไกล” MHTH 154.2

สำหรับเราทั้งหลายผู้ติดตามพระคริสต์ในทุกวันนี้ พระองค์ได้ตรัสถ้อยคำอย่างเดียวกับที่ได้ทรงตรัสแก่เหล่า สาวกพวกแรกว่า : MHTH 155.1

“ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลก ก็ดี ทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจง ออกไปสั่งสอนชนทุกประเทศให้เป็นสาวก สอนเขาให้ถือ รักสิ่งสารพัตรซึ่งเราได้สั่งพวกท่านไว้” MHTH 155.2

และพระองค์ทรงสัญญาด้วยว่าพระองค์จะสถิตอยู่ กับเรา “จงดูเถิด เราจะอยู่กับเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ จน ถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” MHTH 155.3

ทุกวันนี้ไม่มีฝูงชนที่อยากรู้อยากเห็นไปชุมนุมกัน ในสถานที่อันอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเพื่อจะดูและฟังคำเทศนา สั่งสอนของพระคริสต์ ไม่มีใครได้ยินเสียงพระองค์ใน ถนนอันมีผู้คนจอแจ ไม่มีเสียงร้องจากริมทางว่า “พระ เยซูแห่งนาซาเร็ธเสด็จมา” MHTH 155.4

แม้กระนั้นถ้อยคำนั้นก็เป็นจริงสำหรับทุกวันนี้ พระคริสต์ทรงดำเนินในถนนของเรา โดยที่เรามองไม่เห็น พระองค์ พระองค์เสด็จมายังบ้านของเราด้วยข่าวแห่ง MHTH 156.1

ความเมตตากรุณา พระองค์ทรงคอยเพื่อร่วมมือกับคน ทั้งหลายที่พยายามปรนนิบัติช่วยเหลือผู้อื่นในพระนามของ พระองค์ พระองค์ประทับอยู่ท่ามกลางเราทั้งหลายเพื่อจะ ทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บและอวยพรให้เราถ้าเราจะยอมรับ พระองค์ MHTH 156.2

“พระยะโฮวาเจ้าได้ตรัสว่าดังนี้: “ในสมัยโปรด ปราน เราได้ตอบเจ้า ในสมัยควารอด เราได้ช่วยเจ้าไว้ เราได้รักษาเจ้าไว้ และตั้งเจ้าให้เป็นเครื่องหมายแห่งคำ สัญญาแก่มนุษย์ว่าเราจะกู้เอาแผ่นดินกลับคืนมา และปัก ปันที่ร้างเปล่าให้เป็นมรดก แล้วกล่าวแก่ผู้ถูกจองจำว่า “จงออกไปเถอะ” และแก่คนที่อยู่ในที่มืดว่า “จงสำแดง ตัวออกมาเถิด” MHTH 156.3

“เท้าของผู้เดินตามภูเขาประกาศขาวแห่งสันติสุข และข่าวแห่งความรอดนั้นงดงามสักเพียงไร” คือผู้ที่ประกาศแก่กรุงซีโอน ว่า “พระเจ้าของเจ้ากำลัง-ครอบครองอยู่” MHTH 156.4

” ทีร้างแห่งกรุงยะรูซาเล็ม จงเปล่งเสียง ร้อง-
เพลงด้วยกัน
ด้วยพระยะโฮวา ได้ทรงปลอบโยน พลเมืองของ-
พระองค์แล้ว
พระยะโฮวาได้ทรงถกถลองพระองค์จากพระกร-
อันบริสุทธิ์ของพระองค์
ให้ปรากฏแก่ตาประชาชาติทั้งหมด
และจนกระทั่งปลายพิภพโลก
จะเห็นความรอดของพระเจ้า.” MHTH 157.1