ซาตานได้เริ่มการล่อลวงของมันในสวนเอเดน มันได้กล่าวแก่เอวาว่า “เจ้าจะไม่ตายแน่” นี่คือบทเรียนแรกของซาตานว่าวิญญาณชีวิตจะเป็นอมตะ และมันยังคงการล่อลวงนี้ต่อไปตั้งแต่กาลนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ และจะยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งการถูกกักขังเป็นเชลยของบุตรทั้งหลายของพระเจ้าจะกลับสู่สภาพเดิม ข้าพเจ้าได้ถูกชี้ให้เห็นอาดัมและเอวาในสวนเอเดน พวกเขาได้รับประทานผลจากต้นไม้ต้องห้าม แล้วหลังจากนั้นดาบเพลิงก็ได้ถูกตั้งไว้รอบต้นไม้แห่งชีวิต และพวกเขาได้ถูกขับไล่ออกจากสวนไป มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะรับประทานผลจากต้นไม้แห่งชีวิตและเป็นคนบาปที่ไม่มีวันตาย ต้นแห่งชีวิตทำให้ชีวิตดำรงอยู่ตลอดกาล ข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์องค์หนึ่งถามว่า “ใครในครอบครัวของอาดัมได้ผ่านดาบเพลิงนั้นไปและรับประทานผลของต้นไม้แห่งชีวิตนั้น” ข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งตอบว่า “ไม่มีใครสักคนเดียวในครอบครัวของอาดัมที่ได้ผ่านดาบเพลิงนั้นไปและรับประทานผลของต้นไม้นั้น ดังนั้นจึงไม่มีคนบาปที่ไม่มีวันตายสักคนเดียว” วิญญาณชีวิตที่ได้ทำบาปจะต้องตายชั่วนิรันดร์คือความตายที่จะดำรงอยู่ตลอดกาลที่ซึ่งจะไม่มีความหวังของการเป็นขึ้นมาใหม่ แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็จะสงบลง GCTh 49.1
มันเป็นเรื่องน่าพิศวงสำหรับข้าพเจ้าที่ซาตานสามารถประสบความสำเร็จอย่างดีเช่นนี้ ในการที่ทำให้มนุษย์เชื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “วิญญาณชีวิตที่ทำบาปก็จะตาย” นั้นหมายความว่าวิญญาณชีวิตที่ทำบาปจะไม่ตายจริง แต่จะมีชีวิตชั่วนิรันดร์แห่งทุกข์เวทนาต่างหาก ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวว่า ชีวิตก็คือชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในความเจ็บปวดหรือความสุขก็ตาม ความตายไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความรื่นเริงยินดี ไม่มีความเกลียดชัง GCTh 49.2
ซาตานได้บอกทูตสมุนของมันให้พยายามเป็นพิเศษในการแพร่กระจายการล่อลวงนี้และให้พูดคำโกหกที่เคยโกหกเอวาในสวนเอเดนว่า “เจ้าจะไม่ตายแน่” และเมื่อความผิดพลาดนี้ได้ถูกยอมรับโดยมนุษย์และพวกเขาเชื่อว่ามนุษย์จะไม่มีวันตายนั้น ซาตานก็ได้นำพาให้พวกเขาเชื่อต่อไปว่าคนบาปจะมีชีวิตในความทุกข์เวทนาชั่วนิรันดร์ แล้วหนทางก็ได้ถูกตระเตรียมเพื่อซาตานในการทำงานผ่านทางบรรดาตัวแทนของมัน และสำแดงพระเจ้าขึ้นไว้ต่อหน้าคนทั้งปวงว่าทรงเป็นผู้ปกครองที่กดขี่ตอบแทนให้สาสม ว่าคนเหล่านั้นที่ไม่ทำให้พระองค์พอพระทัย พระองค์ก็จะทรงผลักลงไปสู่นรก และจะทำให้พวกเขาได้รู้สึกถึงพระพิโรธของพระองค์เป็นนิตย์ และพวกเขาก็จะทรมานในความเจ็บปวดอันสาธยายไม่ได้ ในขณะที่พระองค์จะทรงทอดพระเนตรเหยียดหยันด้วยความพึงพอใจ ในขณะที่พวกเขาชักดิ้นชักงอในความทรมานน่าหวาดเสียวและในไฟบรรลัยกัลป์ ซาตานรู้ว่าถ้าความผิดพลาดนี้ได้ถูกยอมรับ พระเจ้าจะเป็นที่น่าหวาดผวาและเกลียดชังโดยมนุษย์ทั่วไป แทนที่จะเป็นที่รักและชื่นชม และมนุษย์หลายคนก็จะถูกทำให้เชื่อว่าการขู่ตามพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่เป็นจริงดังที่เขียนไว้ ด้วยว่าจะเป็นการต่อต้านพระลักษณะแห่งพระกรุณาและความรักของพระองค์หากที่จะทรงผลักสิ่งทีชีวิตที่พระองค์ทรงสร้างลงไปสู่ความทรมานชั่วนิรันดร์ ซาตานได้นำพาให้พวกเขาไปสู่ความสุดโต่งอีกประการหนึ่ง คือให้มองข้ามความยุติธรรมของพระเจ้าไปโดยสิ้นเชิง รวมทั้งการขู่จากพระวจนะของพระองค์และสำแดงพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าที่มีพระเมตตาเท่านั้นและว่าจะไม่มีใครเลยที่ต้องพินาศ หากแต่ทุกคนทั้งวิสุทธิชนและคนบาปจะได้รับความรอดในอาณาจักรของพระองค์ในท้ายที่สุด ผลที่เกิดตามมาของข้อผิดพลาดอันเป็นที่นิยมของวิญญาณชีวิตอมตะและทุกข์เวทนาที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ก็คือซาตานได้เอาเปรียบกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง และนำพวกเขาต่อไปให้ถือว่าพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่ไม่ได้รับการดลใจใด ๆ พวกเขาคิดว่าพระคัมภีร์สอนสิ่งที่ดีหลายอย่าง แต่พวกเขาไม่สามารถเชื่อถือและรักพระคัมภีร์ได้ เพราะพวกเขาถูกสอนว่าพระคัมภีร์ประกาศให้เห็นหลักคำสอนของทุกข์เวทนาชั่วนิรันดร์ GCTh 49.3
ซาตานเอาเปรียบแม้แต่กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง และนำพวกเขาให้ปฏิเสธการดำรงพระชนม์อยู่ของพระเจ้า พวกเขาไม่สามารถมองเห็นความเสมอต้นเสมอปลายในพระลักษณะนิสัยของพระเจ้าในพระคัมภีร์ได้ ถ้าพระองค์ทรงกระทำทารุณต่อครอบครัวของมนุษย์ส่วนหนึ่งด้วยวิธีการทรมานอันน่าหวาดเสียวอย่างไม่มีวันสิ้นสุด และพวกเขาจะปฏิเสธพระคัมภีร์และพระองค์ผู้ทรงประพันธ์และเห็นว่าความตายเป็นเพียงการนอนหลับชั่วนิรันดร์ GCTh 49.4
แล้วซาตานก็ได้นำคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเกรงกลัวและกระดากอายให้กระทำบาป และหลังจากที่เขาได้กระทำบาปแล้ว มันก็ได้ยกขึ้นต่อหน้าพวกเขาว่าค่าจ้างของความบาปนั้นหาใช่ความตายไม่ แต่เป็นชีวิตนิรันดร์ที่อยู่ในความทุกข์ทรมานน่าหวาดเสียวที่จะคงอยู่ตราบนานตลอดยุคชั่วนิรันดร์อันไร้จุดจบ ซาตานฉวยโอกาสและขยายความน่าสยดสยองของนรกอันไม่มีที่สิ้นสุดแก่จิตใจที่อ่อนแอของพวกเขาและเข้าควบคุมจิตใจของพวกเขา และพวกเขาได้สูญเสียความรู้จักเหตุผลของพวกเขาไป แล้วซาตานกับทูตสมุนของมันก็ได้ชื่นชมเปรมปรีดิ์และพวกนอกศาสนาและผู้ที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าจริงก็ได้เข้าร่วมในการตำหนิด่าว่าคริสต์ศาสนา พวกเขาถือว่าผลกรรมอันชั่วช้าของการยอมรับความเห็นนอกรีตที่เป็นที่นิยมนี้เป็นผลลัพธ์ตามธรรมชาติของการเชื่อในพระคัมภีร์และพระองค์ผู้ทรงประพันธ์ GCTh 49.5
ข้าพเจ้าได้เห็นชาวสวรรค์พลโยธาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองต่อการงานอันอวดดีนี้ของซาตาน ข้าพเจ้าได้ถามขึ้นว่าทำไมการชักนำไปในทางที่ผิดทั้งปวงเหล่านี้จึงต้องถูกยอมให้มีผลกระทบต่อจิตใจของมนุษย์ด้วย ในเมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็มีกำลังมากและถ้าหากได้รับบัญชาก็สามารถจะทำลายอำนาจของศัตรูให้แตกสะบั้นลงไปได้อย่างง่ายดาย แล้วข้าพเจ้าได้เห็นว่าพระเจ้าทรงทราบว่าซาตานจะพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำลายมนุษย์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงกระทำให้พระวจนะของพระองค์นั้นถูกเขียนออกไป และทำให้แผนในใจของพระองค์เพื่อมนุษย์นั้นเรียบง่ายอย่างมากขนาดที่แม้คนที่อ่อนแอที่สุดก็ (เข้าใจ) ไม่จำเป็นต้องกระทำผิด ดังนั้นหลังจากที่พระองค์ทรงประทานพระวจนะของพระองค์ให้แก่มนุษย์แล้ว พระองค์ทรงสงวนรักษาพระวจนะนั้นอย่างระมัดระวัง เพื่อที่ซาตานและทูตสมุนของมันจะไม่สามารถทำลายพระวจนะนั้นได้โดยผ่านผู้แทนหรือตัวแทนใด ๆ ในขณะที่หนังสือเล่มอื่น ๆ อาจจะถูกทำลาย แต่หนังสือศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้จะต้องเป็นอมตะ และเมื่อใกล้จะสิ้นสุดเวลาลงแล้วเมื่อการชักนำไปในทางที่ผิดของซาตานจะเพิ่มทวีมากขึ้น หนังสือนี้ก็จะทวีคูณเป็นจำนวนมากจนถึงขนาดที่ทุกคนปรารถนาก็จะสามารถมีหนังสือที่พระประสงค์ของพระเจ้าที่ได้รับการเปิดเผยแก่มนุษย์ได้ และถ้าหากพวกเขาต้องการ มันก็จะเป็นอาวุธให้แก่พวกเขาเองเพื่อต่อสู้กับการล่อลวงและการอัศจรรย์เทียมเท็จต่าง ๆ ของซาตานได้ GCTh 50.1
ข้าพเจ้าได้เห็นว่าพระเจ้าทรงปกปักษ์รักษาพระคัมภีร์อย่างเป็นพิเศษ แต่กระนั้นผู้มีความรู้ทั้งหลายก็ได้เปลี่ยนแปลงถ้อยคำในบางตอนเมื่อมีจำนวนพระคัมภีร์เหลือเพียงเล็กน้อยด้วยคิดว่าพวกเขากำลังทำให้มันยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่พวกเขากลับกำลังทำให้มันสับสนต่างหาก ซึ่งมันดูชัดเจนมากในการทำให้พระคัมภีร์นั้นเอนเอียงไปสู่ทัศนะของพวกเขาที่ถูกยึดถือมานานซึ่งถูกครอบครองโดยประเพณี แต่ข้าพเจ้าได้เห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าทั้งหมดนั้นเป็นลูกโซ่อันสมบูรณ์ พระคัมภีร์ตอนหนึ่งอธิบายอีกตอนหนึ่ง ผู้ที่แสวงหาความจริงที่แท้จริงนั้น (เข้าใจได้) ไม่จำเป็นต้องกระทำผิด เพราะพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่เพียงแต่ชัดเจนและเรียบง่ายเท่านั้นในการสำแดงหนทางสู่ชีวิต แต่พระวิญญาณอันบริสุทธิ์ได้ทรงถูกประทานลงมาเพื่อแนะแนวความเข้าใจในหนทางแห่งชีวิตที่ได้รับการเปิดเผยในพระวจนะของพระองค์ GCTh 50.2
ข้าพเจ้าได้เห็นว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าไม่สามารถควบคุมความต้องการ (ของมนุษย์) ได้ พระเจ้ากำหนดชีวิตและความตายไว้ต่อหน้ามนุษย์ เขาสามารถเลือกได้เอง หลายคนปรารถนาชีวิต แต่ก็ยังคงเดินบนทางกว้างต่อไปเพราะว่าพวกเขาไม่ได้เลือกชีวิต GCTh 50.3
ข้าพเจ้าได้เห็นความเมตตาและความมีใจสงสารของพระเจ้าที่ทรงประทานพระบุตรของพระองค์ลงมาเพื่อสิ้นพระชนม์แทนมนุษย์ผู้กระทำผิด คนเหล่านั้นจะต้องถูกลงโทษคือผู้ที่ไม่เลือกที่จะยอมรับความรอดที่ได้ถูกซื้อไว้ด้วยความรักยิ่งสำหรับพวกเขานั้น สิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าทรงสร้างได้เลือกที่จะกบฏต่อการปกครองของพระองค์ แต่ข้าพเจ้าก็ได้เห็นว่าพระเจ้ามิได้ทรงปิดขังพวกเขาไว้ในนรกให้ทนทุกข์เวทนาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด พระองค์ไม่สามารถที่จะพาพวกเขาไปสู่ฟ้าสวรรค์ได้ เนื่องจากว่าหากนำพวกเขาให้เข้าไปสู่หมู่คณะแห่งความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์นั้นจะทำให้พวกเขาเป็นที่น่าสมเพชเวทนาอย่างแท้จริง พระเจ้าจะไม่ทรงนำพวกเขาไปสู่ฟ้าสวรรค์ ทั้งจะไม่ทรงทำให้พวกเขาทนทุกข์ไปตลอดกาลเช่นกัน พระองค์จะทรงทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง และจะทำให้พวกเขาเป็นราวกับว่าพวกเขาไม่เคยมีมาก่อน และจากนั้นความยุติธรรมของพระองค์ก็จะเป็นที่พอพระทัย พระองค์ทรงปั้นมนุษย์จากผงคลีดินและผู้ที่ไม่เชื่อฟังและไม่บริสุทธิ์ก็จะถูกกลืนไปด้วยไฟและกลับกลายเป็นดินดังเดิม ข้าพเจ้าได้เห็นความกรุณาและความมีใจสงสารของพระเจ้าในการนี้ซึ่งควรที่จะนำให้ทุกคนได้ยกย่องสรรเสริญพระอุปนิสัยของพระองค์และเคารพบูชาพระองค์ และหลังจากที่คนชั่วจะถูกทำลายออกจากแผ่นดินโลกไปแล้ว ชาวสวรรค์พลโยธาทั้งปวงจะกล่าวว่า “อาเมน!” GCTh 50.4
ซาตานได้มองดูพวกที่ประกาศพระนามของพระคริสต์ด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง และได้เกาะติดการชักนำไปในทางที่ผิดที่มันเองได้สร้างขึ้นอย่างใกล้ชิด งานของมันก็คือจะต้องคงสร้างการชักนำไปในทางที่ผิดใหม่ ๆ ขึ้นมา อำนาจของมันได้เพิ่มขึ้นและมันก็เจ้าเล่ห์เพทุบายมากยิ่งขึ้น มันได้นำบรรดาตัวแทนของมันคือพวกสันตะปาปาและบาทหลวงให้ยกตัวเองขึ้น และปลุกปั่นให้ประชาชนข่มเหงผู้ที่รักพระเจ้าอย่างขมขื่นและไม่ยอมจำนนต่อการชักนำไปในทางที่ผิดของมันที่ถูกนำเสนอผ่านทางพวกเขาด้วย ซาตานได้ปลุกเร้าให้เหล่าผู้แทนของมันทำลายผู้ติดตามที่เสียสละอุทิศตัวของพระคริสต์ โอ้ ช่างเป็นความทรมานและความเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก ที่พวกเขาได้ทำให้ผู้ที่มีค่าของพระเจ้าต้องทนทุกข์! ทูตสวรรค์ได้จดบันทึกอันสัตย์ซื่อไว้ทุกอย่าง แต่ซาตานและทูตสมุนชั่วร้ายของมันต่างปรีดาปราโมทย์ และบอกเหล่าทูตสวรรค์ผู้ปรนนิบัติและเสริมกำลังบรรดาวิสุทธิชนผู้ทุกข์ทรมานว่าพวกมันจะฆ่าเขาทั้งหลาย และจะไม่มีคริสตชนที่แท้จริงเหลืออยู่บนแผ่นดินโลกนี้เลย ข้าพเจ้าได้เห็นว่าคริสตจักรของพระเจ้าบริสุทธิ์เวลานั้นเอง และไม่มีอันตรายจากบรรดาผู้ที่มีหัวใจเสื่อมทรามเข้ามาในคริสตจักรของพระเจ้าเวลานั้นด้วย เพราะคริสตชนที่แท้จริงผู้ที่กล้าประกาศความเชื่อของพวกเขาได้อยู่ในอันตรายแห่งการขึงแขนขา การถูกมัดไว้กับเสาเพื่อเผาทั้งเป็น และการทรมานทุกวิธีที่ซาตานและทูตสมุนชั่วร้ายของมันจะสามารถประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาและใส่ลงไปในจิตใจของมนุษย์ได้ GCTh 50.5
โปรดอ่าน ปฐมกาล บทที่ 3; ปัญญาจารย์ 9:5, 12:7; ลูกา 21:33, ยอห์น 3:16;2 ทิโทธี 3:16; วิวรณ์ 20:14-15, 21:1, 22:12-19 GCTh 50.6