อุปมาสวนองุ่นเป็นเรื่องที่พระเยซูทรงเล่าต่อจากอุปมาบุตรชายสองคน อุปมาเรื่องแรกพระคริสต์ทรงสอนให้ผู้นำชาวยิวเห็นถึงความสำคัญของการเชื่อฟัง ส่วนอีกเรื่องนั้นพระองค์ทรงชี้ให้เห็นถึงพระพรยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้แก่ชาวอิสราเอลและในเรื่องเหล่านี้พระเจ้าทรงเรียกร้องความเชื่อฟังจากพวกเขา พระองค์ทรงวางพระประสงค์อันมีสง่าราศีของพระเจ้าต่อหน้าพวกเขาซึ่งจะสำเร็จได้ด้วยการเชื่อฟัง พระองค์ทรงเปิดม่านอนาคตให้เห็นว่าการทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าล้มเหลวจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศต้องสูญเสียพระพรและนำความพินาศมาสู่ตัวพวกเขาเอง {COL 284.1} COLTh 247.1
พระคริสต์ตรัสว่า “มีเจ้าของที่ดินคนหนึ่งทำสวนองุ่นไว้ เขาทำรั้วล้อมรอบ ขุดบ่อย่ำองุ่นในสวนนั้นและสร้างหอเฝ้าให้พวกชาวสวนเช่าแล้วก็ไปต่างประเทศ” มัทธิว 21:33, 34 {COL 284.2} COLTh 248.1
ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บรรยายถึงลักษณะของสวนองุ่นนี้ไว้ว่า “ขอให้ข้าพเจ้าร้องเพลงเพื่อสหายรักของข้าพเจ้า เป็นเพลงของสหายรักของข้าพเจ้าเกี่ยวกับสวนองุ่นของท่าน สหายรักของข้าพเจ้ามีสวนองุ่นแปลงหนึ่งอยู่บนเนินเขาอันอุดมยิ่ง ท่านขุดแล้วเก็บก้อนหินออกหมดและปลูกเถาองุ่นอย่างดีไว้ ท่านสร้างหอเฝ้าอยู่ท่ามกลางและสกัดบ่อย่ำองุ่นไว้ในสวนนั้นด้วย ท่านคาดหวังว่ามันจะเกิดผลองุ่นหวาน แต่มันกลับเกิดผลเปรี้ยว” อิสยาห์ 5:1-2 {COL 284.3} COLTh 248.2
ชาวสวนคนนี้เลือกที่ดินแปลงหนึ่งบนเนินเขา เขาขุดและสร้างรั้ว ปรับดิน พรวนดินและปลูกองุ่นพันธุ์ที่เลือกไว้ หวังว่าจะเก็บเกี่ยวผลมากมาย เขาหวังว่าที่ดินผืนนี้ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นกว่าที่ดินว่างเปล่าผืนอื่นซึ่งไม่ได้ผ่านการพรวนไถจะให้เกียรติเขาโดยแสดงถึงผลของความเอาใจใส่ของเขาและแรงที่ลงไปกับการเพาะปลูก เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงเลือกสรรชนชาติหนึ่งไว้เพื่อจะให้พระคริสต์เป็นผู้แนะนำและอบรมสอน ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “เพราะว่าสวนองุ่นของพระยาห์เวห์จอมทัพคือวงศ์วานอิสราเอลและคนยูดาห์เป็นต้นไม้ที่พระองค์ทรงชื่นชอบ” อิสยาห์ 5:7 พระเจ้าประทานโอกาสพิเศษและพระพรอันอุดมของพระองค์ให้แก่ชนชาตินี้ พระองค์ทรงเฝ้าดูด้วยหวังว่าพวกเขาจะถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยการออกผลดี พวกเขาพึงสำแดงกฎเกณฑ์แห่งแผ่นดินของพระองค์ พวกเขาควรเป็นตัวแทนพระลักษณะของพระเจ้าให้ชาวโลกประจักษ์ท่ามกลางโลกที่ล้มลงในบาปและชั่วร้ายนี้ {COL 285.1} COLTh 248.3
ในฐานะสวนองุ่นของพระเจ้า พวกเขาควรออกผลที่แตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ในโลกทั้งหลายที่ไม่เชื่อพระเจ้า คนต่างชาติที่กราบไหว้บูชารูปเคารพเหล่านี้จมปลักอยู่กับผลของความชั่ว พวกเขาปล่อยตัวไปอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจกับความรุนแรงและอาชญากรรม ความโลภ การกดขี่และการประพฤติชั่วร้ายที่สุด การบาปชั่ว ความเลวทรามและความทุกข์เวทนาเป็นผลของต้นองุ่นที่ไม่สัตย์ซื่อต้นนี้ ซึ่งเป็นผลที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากผลที่เกิดจากต้นซึ่งพระเจ้าทรงปลูกไว้ {COL 285.2} COLTh 248.4
เป็นสิทธิพิเศษของชนชาติยิวที่ได้เป็นตัวแทนพระลักษณะของพระเจ้าตามที่ทรงสำแดงให้กับโมเสส เมื่อโมเสสอธิษฐานทูลขอให้ “ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด” พระเจ้าทรงสัญญาว่า “เราจะให้คุณความดีทั้งสิ้นของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า ” อพยพ 33:18, 19 และ “พระยาห์เวห์เสด็จผ่านไปข้างหน้าท่าน ตรัสว่า พระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ เป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระกรุณาและพระคุณ พระองค์กริ้วช้า ทรงบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์จริง ผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงจนถึงพันๆ ชั่วอายุคน ผู้ประทานอภัยการล่วงละเมิด การทรยศและบาป’” อพยพ34:6, 7 นี่คือผลที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเห็นจากประชากรของพระองค์ ด้วยอุปนิสัยที่บริสุทธิ์ การดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ มีความเมตตาและความรัก ความกรุณาและความสงสารเห็นใจ พวกเขาจะต้องแสดงออกให้เห็นว่า “ ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ดีพร้อมและฟื้นฟูชีวิต” สดุดี 19:7 {COL 285.3} COLTh 249.1
พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะประทานพระพรอันไพบูลย์ให้คนทั้งหมดโดยผ่านประชาชาติยิว โดยทางชนชาติอิสราเอล พระองค์ทรงจัดเตรียมวิธีที่จะส่องแสงสว่างของพระองค์ไปทั่วทั้งโลก ประชาชาติของโลกสูญเสียความรู้เรื่องพระเจ้าไปด้วยการกระทำที่เสื่อมทราม แต่กระนั้น ด้วยพระเมตตาคุณของพระเจ้า พระองค์จึงไม่ทรงทำลายพวกเขาให้พินาศไป พระองค์ทรงมุ่งหวังให้พวกเขามีโอกาสรู้จักกับพระองค์โดยผ่านคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงจัดให้หลักการของพระองค์เปิดเผยผ่านประชากรของพระองค์เพื่อเป็นวิธีที่จะนำพระฉายาของพระเจ้ากลับคืนสู่มนุษย์ {COL 286.1} COLTh 249.2
เพื่อให้บรรลุพระประสงค์นี้ พระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมออกมาจากญาติพี่น้องที่นับถือรูปเคารพและทรงเรียกให้เขาเข้าอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน พระองค์ตรัสว่า “เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรเจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โต แล้วเจ้าจะเป็นพร” ปฐมกาล 12:2 {COL 286.2} COLTh 249.3
พงศ์พันธุ์ของอับราฮัมคือยาโคบและคนรุ่นลูกรุ่นหลานได้ถูกนำไปยังประเทศอียิปต์เพื่อพวกเขาจะสำแดงหลักการแห่งอาณาจักรของพระเจ้าในขณที่อยู่ท่ามกลางประชาชาติยิ่งใหญ่และชั่วช้านี้ ความซื่อสัตย์ของโยเซฟและการกระทำอันยิ่งใหญ่ของเขาในการช่วยเหลือคนทั้งประเทศอียิปต์นั้นเป็นตัวแทนแสดงให้เห็นถึงชีวิตของพระคริสต์ โมเสสและอีกหลายคนได้เป็นพยานให้กับพระเจ้าเช่นกัน {COL 286.3} COLTh 250.1
ด้วยการนำชนชาติอิสราเอลออกมาจากประเทศอียิปต์ พระเจ้าทรงสำแดงฤทธานุภาพและพระเมตตาของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง การที่พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์เพื่อนำพวกเขาออกจากความเป็นทาสและการปฏิบัติต่อพวกเขาระหว่างที่เดินทางอยู่ในป่ากันดารนั้นไม่เพียงแต่เพื่อประโยชน์ต่อคนเหล่านี้เท่านั้น หากแต่ยังเป็นบทเรียนเพื่อให้ชนชาติอื่นๆ เห็น พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เองในฐานะพระเจ้าผู้อยู่เหนืออำนาจและความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ การอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อประชากรของพระองค์แสดงให้เห็นถึงฤทธานุภาพเหนือธรรมชาติและเหนือบรรดาผู้ที่กราบไหว้บูชาธรรมชาติ พระเจ้าทรงจัดการกับประเทศอียิปต์ที่เย่อหยิ่งอย่างไร พระองค์ก็จะจัดการกับโลกมนุษย์ในยุคสุดท้ายอย่างเดียวกัน พระองค์ยิ่งใหญ่ผู้ทรงพระนามว่า “เราเป็น ” ทรงไถ่ประชากรของพระองค์ด้วยไฟและพายุ แผ่นดินไหวและความตาย พระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากดินแดนแห่งการเป็นทาส พระองค์ทรงนำพวกเขา “ตลอดถิ่นทุรกันดารใหญ่น่ากลัวซึ่งมีงูแมวเซาและแมงป่องและดินแห้งแล้งไม่มีน้ำ” เฉลยธรรมบัญญัติ 8:15 พระองค์ประทาน “น้ำจากหินแข็ง” ทรงเลี้ยงพวกเขาด้วย “อาหารจากสวรรค์” สดุดี 78:24 โมเสสกล่าวว่า “เพราะว่าส่วนของพระยาห์เวห์คือประชากรของพระองค์ ยาโคบเป็นส่วนมรดกของพระองค์ พระองค์ทรงพบเขาในแผ่นดินทุรกันดารในที่ร้างเปล่าวังเวง พระองค์ทรงโอบล้อมเขาและทรงดูแลเขา ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์ เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมัน กระพือปีกเหนือลูกนกกางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก พระยาห์เวห์องค์เดียวทรงนำเขา ไม่มีพระต่างด้าวองค์ใดอยู่กับเขา” เฉลยธรรมบัญญัติ 32:9-12 ด้วยประการฉะนี้พระเจ้าทรงนำพวกเขาออกมาหาพระองค์ เพื่อจะพักพิงอยู่ใต้ร่มเงาของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด {COL 286.4} COLTh 250.2
พระคริสต์ทรงเป็นผู้นำของชนชาติอิสราเอลระหว่างที่พวกเขาเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ทรงนำและแนะพวกเขาด้วยเสาเมฆในเวลากลางวัน และเสาไฟในยามค่ำคืน พระองค์ทรงปกป้องพวกเขาให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ในป่ากันดาร พระองค์ทรงนำพวกเขาไปยังแผ่นดินแห่งคำสัญญา และในสายตาของบรรดาประชาชาติที่ต่างไม่ยอมรับพระเจ้า พระองค์ทรงสถาปนาอิสราเอลให้เป็นชนชาติที่เลือกสรรไว้ของพระองค์ นั่นคือเป็นสวนองุ่นของพระยาห์เวห์ {COL 287.1} COLTh 251.1
พระองค์ประทานพระดำรัสของพระเจ้าให้กับชนชาตินี้ พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยกฎบัญญัติของพระองค์ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์แห่งความจริงอันนิรันดร์ที่ยุติธรรมและบริสุทธิ์ การเชื่อฟังกฎเกณฑ์เหล่านี้จะปกป้องพวกเขา เพื่อไม่ให้พวกเขาทำลายตัวเองด้วยการกระทำบาป พระเจ้าทรงตั้งพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ท่านกลางแผ่นดินของพวกเขาดั่งการตั้งหอคอยไว้ในสวนองุ่น {COL 287.2} COLTh 251.2
พระคริสต์ทรงเป็นครูของพวกเขา พระองค์ทรงอยู่ร่วมกับพวกเขาขณะที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารฉันใด พระองค์ยังจะทรงทำหน้าที่เป็นครูและผู้นำทางของพวกเขาฉันนั้น ในพลับพลาและวิหาร พระสิริของพระองค์สถิตอยู่เหนือพระที่นั่งกรุณา พระองค์ทรงสำแดงความรักที่มีอยู่อย่างมากมายและความอดทนนานของพระองค์ให้เห็นเพื่อพวกเขาทุกคนเสมอ {COL 288.1} COLTh 251.3
พระเจ้าทรงประสงค์ให้อิสราเอลประชากรของพระองค์ถวายการสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระองค์ พระองค์ทรงมอบของประทานที่มีประโยชน์ฝ่ายจิตวิญญาณให้ทุกอย่าง สิ่งดีงามอันใดที่จะช่วยในการพัฒนาอุปนิสัยเพื่อให้เป็นผู้แทนของพระองค์ได้นั้น พระยาห์เวห์ไม่เคยเก็บสิ่งนั้นไว้เลย COL 288.2} COLTh 251.4
การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าจะทำให้พวกเขาเจริญรุ่งเรืองจนเป็นที่ประหลาดใจต่อประชาชาติของโลก พระเจ้าผู้ประทานปัญญาและทักษะในการทำงานที่ต้องทำอย่างฉลาดหลักแหลม จะทรงทำหน้าที่เป็นครูสอนพวกเขาไปอย่างต่อเนื่องและจะทรงทำให้พวกเขาได้รับเกียรติและให้สูงส่งขึ้นโดยการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ หากเชื่อฟัง พวกเขาจะได้รับการปกป้องจากโรคต่างๆ ที่เกิดกับชนชาติอื่นๆ และจะได้รับพระพรของการมีสติปัญญาอันเป็นเลิศ พระสิริของพระเจ้า พระรัศมีภาพและอำนาจของพระองค์จะทรงสำแดงให้ปรากฏในความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขา พวกเขาจะเป็นอาณาจักรปุโรหิตและเป็นเจ้านาย พระเจ้าจะทรงอำนวยให้พวกเขามีคุณสมบัติพิเศษที่จะเป็นชนชาติยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก {COL 288.3} COLTh 251.5
ด้วยวิธีที่แน่ชัด พระคริสต์ทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระเจ้าผ่านทางโมเสสและเงื่อนไขชัดเจนที่จะให้พวกเขามั่งคั่งรุ่งเรือง พระองค์ตรัสว่า “เพราะว่าท่านเป็นชนชาติบริสุทธิ์สำหรับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกท่านออกจากชนชาติทั้งสิ้นที่อยู่บนพื้นโลก….ฉะนั้นจงทราบเถิดว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าซื่อสัตย์ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และรักษาบัญญัติของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน…ดังนั้นพวกท่านจงระวังที่จะทำตามบัญญัติ กฎเกณฑ์และกฎหมายซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ และเพราะท่านทั้งหลายเชื่อฟังกฎหมายเหล่านี้ โดยรักษาและทำตาม พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงกับท่าน ซึ่งทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่าน พระองค์จะทรงรักท่าน ทรงอวยพระพรท่านและทรงทำให้ท่านทวีจำนวนขึ้น พระองค์จะทรงอวยพรผลแห่งครรภ์ของท่านและผลแห่งพื้นดินของท่าน ข้าว เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมันของท่าน ทรงให้ลูกโคและลูกแพะแกะของท่านทวีขึ้นบนแผ่นดินซึ่งทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานแก่ท่าน.....และพระยาห์เวห์จะทรงเอาความเจ็บไข้ไปจากพวกเท่านและจะไม่ทรงให้โรคร้ายอย่างในอียิปต์ซึ่งท่านรู้จักนั้นเกิดกับท่าน” เฉลยธรรมบัญญัติ 7:6, 9, 11-15 {COL 288.4} COLTh 252.1
ถ้าพวกเขายินดีประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ พระเจ้าทรงสัญญาที่จะประทานธัญญาหารอย่างดีและน้ำผึ้งที่ไหลออกมาจากศิลาให้แก่พวกเขาและพระองค์จะทรงทำให้พวกเขาพึงพอใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดให้พวกเขาเห็น {COL 289.1} COLTh 252.2
อาดัมและเอวาสูญเสียสวนเอเดนไปโดยการไม่เชื่อฟังและเพราะบาป ทั่วทั้งโลกจึงถูกสาปแช่ง แต่หากประชากรของพระเจ้าปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ แผ่นดินของพวกเขาก็จะได้รับการฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพอันอุดมสมบูรณ์และสวยงามอีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าเองจะทรงสอนวิธีเพาะปลูกบนผืนดิน และพวกเขาก็จะร่วมมือกับพระเจ้าในการปรับธรรมชาติให้เข้าสู่ภาวะเดิม และโดยการควบคุมดูแลของพระเจ้า แผ่นดินทั้งหมดของเขาก็จะได้เป็นบทเรียนแห่งความจริงฝ่ายจิตวิญญาณแก่ผู้อื่น เมื่อเชื่อฟังกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ ผืนดินของโลกนี้จะผลิตผลอันมีค่ามหาศาล ขณะเดียวกันเมื่อคนเหล่านี้เชื่อปฏิบัติตามบัญญัติแห่งศีลธรรมของพระเจ้าแล้ว จิตใจของพวกเขาก็จะสะท้อนความบริสุทธิ์แห่งพระอุปนิสัยของพระเจ้าออกมา แม้คนต่างชาติก็จะเห็นความแตกต่างและยอมรับว่าบรรดาผู้รับใช้และนมัสการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์จะเหนือกว่าคนอื่นใด {COL 289.2} COLTh 253.1
โมเสสกล่าวว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าได้สั่งสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่พวกท่าน ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงบัญชาข้าพเจ้า ให้ท่านทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะเข้ายึดครอง จงรักษาและทำตามกฎเหล่านั้น เพราะการกระทำอย่างนั้นจะแสดงถึงสติปัญญาและความเข้าใจของพวกท่านต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินถึงกฎเกณฑ์เหล่านี้แล้ว เขาจะกล่าวว่า ‘แท้จริงชนชาติใหญ่นี้เป็นประชาชนที่มีปัญญาและมีความเข้าใจ’ เพราะมีชนชาติใหญ่ชาติใดเล่าที่มีพระเจ้าอยู่ใกล้ตน ดังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราสถิตใกล้เราในทุกสิ่งที่เราร้องทูลต่อพระองค์ และมีชนชาติใหญ่ชาติใดเล่าซึ่งมีกฎเกณฑ์และกฎหมายอันชอบธรรมดังธรรมบัญญัตินี้ซึ่งข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ต่อหน้าพวกท่านในวันนี้” เฉลยธรรมบัญญัติ 4:5-8 {COL 289.3} COLTh 253.2
พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะต้องเข้าครอบครองพื้นที่ทั้งหมดตามที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ บรรดาประชาชาติที่ปฏิเสธการนมัสการและการรับใช้พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ต้องถูกขับไล่ออกไป แต่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ชนชาติอิสราเอลจะสำแดงพระลักษณะของพระองค์เพื่อนำคนเหล่านั้นเข้ามาหาพระองค์ คำเชิญชวนของข่าวประเสริฐจะต้องประกาศออกไปให้แก่ชาวโลก โดยคำสอนเรื่องพิธีถวายบูชา พระคริสต์จะได้รับการยกขึ้นต่อหน้าประชาชาติทั้งหลายและทุกคนที่มองไปยังพระองค์จะมีชีวิต ทุกคนที่เหมือนนางราหับชาวคานาอัน และนางรูธชาวโมอับ จะหันออกไปจากการกราบไหว้บูชารูปเคารพเพื่อมานมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ พวกเขาจะเข้าร่วมกับประชากรของพระองค์ที่เลือกสรรไว้แล้ว และเมื่อจำนวนประชากรอิสราเอลเพิ่มมากขึ้นพรมแดนของประเทศของเขาก็จะขยายมากขึ้นจนในที่สุดอาณาจักรของพวกเขาจะครอบคลุมทั่วทั้งโลก {COL 290.1} COLTh 253.3
พระเจ้าทรงปรารถนาให้ทุกชนชาติมาอยู่ภายใต้การปกครองอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณของพระองค์ และพระองค์ทรงประสงค์ให้โลกนี้เต็มไปด้วยความสุขและสันติภาพ พระองค์ทรงสร้างมนุษย์เพื่อให้มีความสุขและทรงประสงค์ให้จิตใจมนุษย์มีสันติสุขของสวรรค์ พระองค์ทรงปรารถนาให้ครอบครัวเบื้องล่างเป็นสัญลักษณ์ของครอบครัวอันยิ่งใหญ่เบื้องบน {COL 290.2} COLTh 254.1
แต่ชนชาติอิสราเอลไม่ได้ทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ พระยาห์เวห์ตรัสว่า “แต่เราได้ปลูกเจ้าไว้เป็นเถาองุ่นอย่างดี เป็นพันธุ์แท้ทั้งนั้น แล้วทำไมเจ้าเสื่อมทรามลงจนกลายพันธุ์ไปได้” เยเรมีย์ 2:21 “อิสราเอลเป็นเถาองุ่นงอกงามที่เกิดผลอุดม ยิ่งเกิดผลมากขึ้นเท่าใด ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น” โฮเชยา 10:1 “บัดนี้ ชาวเยรูซาเล็มและคนยูดาห์เอ๋ย จงตัดสินระหว่างเรากับสวนองุ่นของเรา มีอะไรที่จะทำได้อีกเพื่อสวนองุ่นของเรา ซึ่งเรายังไม่ได้ทำให้ เมื่อเราคาดหวังว่ามันจะเกิดผลองุ่นหวาน ทำไมมันจึงเกิดผลเปรี้ยว บัดนี้เราจะบอกเจ้าทั้งหลายว่า เราจะทำอะไรกับสวนองุ่นของเรา เราจะรื้อรั้วกั้นของมันออก แล้วมันก็จะถูกทำลาย เราจะพังกำแพงของมันลง แล้วมันก็จะถูกเหยียบย่ำ เราจะทำให้มันเป็นที่ร้าง จะไม่มีใครลิดแขนงหรือพรวนดิน หนามย่อยหนามใหญ่ก็จะงอกขึ้น และเราจะบัญชาเมฆไม่ให้โปรยฝนรดมัน เพราะ….พระองค์ทรงคาดหวังความยุติธรรม แต่ ดูซิ มีการนองเลือด ทรงคาดหวังความชอบธรรม แต่ ดูซิ มีเสียงร้องให้ช่วย” อิสยาห์ 5:3-7 {COL 290.3} COLTh 254.2
พระเจ้าทรงนำผลแห่งความไม่ซื่อสัตย์ตั้งไว้ต่อหน้าพวกเขาผ่านทางโมเสส เมื่อพวกเขาปฏิเสธที่จะรักษาพันธสัญญาของพระองค์ พวกเขาตัดตัวเองขาดจากชีวิตของพระเจ้าและพระพรของพระองค์ก็หลั่งลงมายังพวกเขาไม่ได้ โมเสสกล่าวว่า “ท่านจงระวังตัว เกรงว่าจะลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน โดยไม่รักษาพระบัญญัติกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ เกรงว่าเมื่อท่านได้รับประทานจนอิ่ม ได้สร้างบ้านดีๆ และได้อาศัยอยู่ในนั้น และเมื่อฝูงโคและฝูงแพะแกะของท่านทวีจำนวนขึ้น เงินทองของท่านทวีมากขึ้นและทุกสิ่งที่ท่านมีอยู่ก็ทวีขึ้น แล้วใจของท่านจะผยองขึ้นและลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน…. จะนึกในใจว่า กำลังและเรี่ยวแรงของข้านำทรัพย์มีค่านี้มาให้ข้า…ถ้าท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัตินมัสการพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศแน่นอนเช่นเดียวกับประชาชาติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำให้พินาศไปต่อหน้าพวกท่าน ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างนั้นแหละ เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน” เฉลยธรรมบัญญัติ 8:11-14 , 17, 19 , 20 {COL 291.1} COLTh 254.3
แต่ชาวยิวไม่สนใจคำเตือนนี้ พวกเขาลืมพระเจ้าและมองข้ามสิทธิพิเศษและสูงส่งของตนเองในฐานะผู้แทนของพระองค์ไป พระพรที่พวกเขาได้รับมานั้นไม่ได้นำไปให้เป็นพรเพื่อแบ่งปันแก่ชาวโลก พวกเขาใช้ทุกสิ่งที่เอื้อประโยชน์เพื่อสร้างเกียรติยศให้แก่ตนเอง พวกเขาปล้นการรับใช้พระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากพวกเขา และพวกเขาแย่งชิงคำแนะนำและแบบอย่างอันบริสุทธิ์ของพระศาสนาไปจากเพื่อนมนุษย์ พวกเขาทำบาปชั่วตามที่จิตใจคิดคำนึงทุกอย่างเหมือนกับชาวโลกก่อนยุคน้ำท่วม เหตุฉะนั้นพวกเขาจึงทำให้สิ่งบริสุทธิ์เป็นมลทินไปด้วยการพูดว่า “ นี่เป็นพระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์” เยเรมีย์ 7:4 แต่ในขณะเดียวกันพวกเขากลับบิดเบือนพระลักษณะของพระเจ้า ทำให้พระนามของพระองค์เสื่อมเสียและทำให้พระวิหารของพระองค์เป็นมลทินไป {COL 291.2} COLTh 255.1
คนสวนที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ดูแลสวนองุ่นของพระเจ้านั้น ไม่ได้ทำตามหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ บรรดาปุโรหิตและธรรมาจารย์ไม่ได้ทำตนเป็นครูผู้สอนที่ดีของประชาชน พวกเขาไม่ได้เชิดชูคุณความดีและพระกรุณาของพระเจ้าไว้อยู่เบื้องหน้าตนเองรวมทั้งความรักและการปรนนิบัติรับใช้ตามที่พระองค์ทรงกำหนด ชาวสวนเหล่านี้มุ่งหวังเพียงเพื่อสร้างเกียรติให้แก่ตนเอง คนเหล่านี้หวังจะได้ผลจากสวนองุ่น พวกเขาลงแรงก็เพื่อดึงดูดให้ผู้อื่นสนใจและเคารพยกย่องตัวพวกเขาเอง {COL 292.1} COLTh 255.2
ความผิดของผู้นำชนชาติอิสราเอลเหล่านี้จะไม่เหมือนความผิดของคนบาปทั่วไป บุคคลเหล่านี้ยืนอยู่ภายใต้ภาระผูกพันอันสำคัญยิ่งต่อพระเจ้า พวกเขาปฏิญาณตนว่าจะสั่งสอนสิ่งที่ “พระเจ้าตรัสว่า” และจะดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้าอย่างเคร่งครัด แต่แทนที่จะปฏิบัติตัวเช่นนี้ พวกเขากลับบิดเบือนพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาจัดวางภาระหนักไว้บนมนุษย์และบังคับให้ผู้อื่นปฏิบัติตามพิธีกรรมต่างๆ ในทุกย่างก้าวของชีวิต ประชาชนมีชีวิตที่ไร้ความสงบ เพราะคนเหล่านั้นปฏิบัติตามคำสั่งสอนอันเคร่งครัดของพวกอาจารย์ไม่ได้ พวกเขามองเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามบัญญัติที่มนุษย์ตราขึ้น พวกเขาจึงไม่ใส่ใจในพระบัญญัติของพระเจ้าด้วยเช่นกัน {COL 292.2} COLTh 256.1
พระยาห์เวห์ทรงสอนประชากรของพระองค์ว่า พระองค์ทรงเป็นเจ้าของสวนองุ่นและทุกสิ่งที่ประทานให้นั้นฝากไว้เพื่อให้นำไปใช้ในกิจการของพระองค์ แต่ปุโรหิตและอาจารย์ทั้งหลายไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมอบหมายให้สมกับที่เป็นสมบัติของพระเจ้า พวกเขากำลังปล้นทรัพย์สมบัติและสิ่งของทั้งหลายที่พระองค์ทรงมอบให้พวกเขาดูแลเพื่อความก้าวหน้าในพระราชกิจของพระองค์ ความโลภและความเห็นแก่ตัวของพวกเขาทำให้แม้แต่ชนต่างชาติก็รังเกียจ ด้วยเหตุนี้คนต่างชาติจึงมองพระลักษณะของพระเจ้าและพระบัญญัติแห่งแผ่นดินของพระองค์ผิดไป {COL 292.3} COLTh 256.2
ด้วยหัวใจของบิดาคนหนึ่ง พระเจ้าทรงอดทนต่อประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงอ้อนวอนพวกเขาด้วยพระกรุณาที่ประทานให้และพระกรุณาที่ถอนคืน พระองค์ทรงนำบาปของพวกเขาตั้งไว้ต่อหน้า และทรงรอคอยด้วยความอดทนให้พวกเขายอมรับ พระองค์ทรงส่งผู้สื่อข่าวและผู้เผยพระวจนะมาอ้อนวอนคนเช่าสวนหลายครั้ง แต่แทนที่พวกเขาจะต้อนรับผู้รับใช้ที่พระองค์ส่งมา พวกเขากลับปฏิบัติต่อผู้รับใช้เหล่านี้เยี่ยงศัตรู คนเช่าสวนข่มเหงและฆ่าพวกเขาเสียและเมื่อพระองค์ทรงส่งผู้สื่อข่าวมาอีก คนเหล่านี้ก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับคนก่อน ยิ่งไปกว่านั้นชาวสวนกลับเพิ่มความเกลียดชังมากยิ่งขึ้น {COL 293.1} COLTh 256.3
ในที่สุด พระองค์ก็ทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาเอง ตรัสว่า “พวกเขาจะเคารพลูกของเรา” แต่การต่อต้านของพวกเขากลับทำให้พวกเขามีเจตนาร้ายขึ้น จึงพูดระหว่างกันเองว่า “คนนี้แหละเป็นทายาท ฆ่าเขาเสีย แล้วเราก็จะได้มรดกของเขา” แล้วเราก็จะอยู่ในสวนนี้อย่างเป็นสุขไม่มีใครมารบกวนอีกและเราจะทำอย่างไรกับผลองุ่นในสวนก็ได้ มัทธิว 21:37, 38 {COL 293.2} COLTh 257.1
ผู้นำชาวยิวไม่รักพระเจ้า เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงตัดตนเองขาดจากพระองค์และปฏิเสธข้อเสนอทุกประการเพื่อการปรองดอง พระคริสต์ผู้ทรงเป็นที่รักของพระเจ้าเสด็จมาเพื่อมายืนยันสิทธิในฐานะเจ้าของสวน แต่ผู้เช่าสวนกลับดูถูกพระองค์ แล้วพูดว่า เราไม่ต้องการให้คนนี้มาปกครองเรา พวกเขาอิจฉาพระลักษณะนิสัยอันดีงามของพระองค์ วิธีการสอนของพระองค์ดีกว่าของพวกเขาและพวกเขาหวั่นเกรงในความสำเร็จของพระองค์ พระองค์ทรงโต้แย้งกับพวกเขา ทรงเปิดโปงความหน้าซื่อใจคดของพวกเขาและทำให้พวกเขาเห็นถึงผลลัพธ์ของการกระทำของตนเอง สิ่งเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความโกรธเคืองให้แก่พวกเขา ถ้อยคำที่ต่อว่าสร้างความเจ็บแค้นที่พวกเขาไม่อาจนิ่งเงียบได้ พวกเขาเกลียดชังมาตรฐานแห่งความชอบธรรมอันสูงส่งของพระคริสต์ที่ทรงแสดงให้เห็นอยู่ตลอดเวลา พวกเขามองเห็นว่าคำสอนของพระองค์ทำให้ความเห็นแก่ตัวของเขาถูกเปิดโปงและด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมุ่งมั่นที่จะสังหารพระองค์ พวกเขาเกลียดชังแบบอย่างความจริงใจและความเคร่งครัดเอาจริงเอาจัง และจิตวิญญาณอันสูงส่งที่สำแดงออกมาในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ตำหนิความเห็นแก่ตัวของพวกเขา และเมื่อเวลาของการทดสอบครั้งสุดท้ายมาถึง การทดสอบที่หมายถึงการเชื่อฟังที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์หรือการไม่เชื่อฟังที่นำไปสู่การตายนิรันดร์ พวกเขาปฏิเสธองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล เมื่อถามให้เลือกระหว่างพระคริสต์กับบารับบัส พวกเขาร้องว่า “จงปล่อยบารับบัสให้เรา” ลูกา 23:18 และเมื่อปีลาตถามว่า “ ถ้าอย่างนั้นเราจะทำอย่างไรกับเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์” พวกเขาร้องอย่างโหดเหี้ยมว่า “ ให้ตรึงที่กางเขน” มัทธิว 27:22 ปีลาตจึงถามพวกเขาว่า “จะให้เราตรึงกษัตริย์ของพวกท่านหรือ” พวกปุโรหิตและผู้ปกครองตอบว่า “เราไม่มีกษัตริย์อื่นนอกจากซีซาร์” ยอห์น 19:15 เมื่อปีลาตล้างมือต่อหน้าฝูงชนแล้ว จึงพูดว่า “ เราไม่มีความผิดเรื่องความตายของคนนี้ พวกเจ้าต้องรับผิดชอบเอาเองเถิด” พวกปุโรหิตจึงร่วมกับฝูงชนที่โฉดเขลาตะโกนด้วยความเคียดแค้นพยาบาทว่า “ให้ความผิดเรื่องความตายของเขาตกอยู่กับเราและลูกๆ ของเรา” มัทธิว 27:24 , 25 {COL 293.3} COLTh 257.2
ด้วยเหตุนี้พวกผู้นำชาวยิวเลือกทางของพวกเขาเอง การตัดสินใจของพวกเขาบันทึกไว้ในหนังสือที่ยอห์นเห็นในนิมิต เป็นหนังสือที่ไม่มีผู้ใดเปิดได้ซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ ด้วยความอาฆาต การตัดสินใจของพวกเขาครั้งนี้จะถูกเปิดเผยอยู่ต่อหน้าพวกเขาในวันที่สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์เปิดหนังสือเล่มนี้ {COL 294.1} COLTh 258.1
ชาวยิวยึดมั่นในแนวคิดว่าตนเป็นผู้ที่สวรรค์โปรดปราน และพวกเขาจะได้รับการเชิดชูว่าเป็นคริสตจักรของพระเจ้า พวกเขาเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม และมั่นใจในรากฐานแห่งความมั่งคั่งรุ่งเรืองของตน จนกล้าท้าทายว่าแม้แต่โลกหรือสวรรค์ก็ไม่สามารถที่จะแย่งชิงสิทธิของพวกเขาไปได้ แต่ด้วยชีวิตแห่งความไม่ซื่อสัตย์ของพวกเขา พวกเขากำลังเปิดทางให้แก่คำสาปของสวรรค์และการถูกตัดขาดจากพระเจ้า {COL 294.2} COLTh 258.2
ในอุปมาเรื่องสวนองุ่น หลังจากที่พระคริสต์เปิดเผยให้พวกปุโรหิตเห็นความชั่วร้ายสุดยอดของตนแล้ว พระองค์จึงถามคนเหล่านั้นว่า “เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าของสวนมา ท่านจะทำอย่างไรกับพวกคนเช่าสวนนั้น ” พวกปุโรหิตเฝ้าฟังอุปมาของพระองค์ด้วยความสนใจมาตลอด จนไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกตน จึงตอบไปพร้อมกันกับประชาชนอื่นๆ ว่า “ท่านจะฆ่าคนร้ายเหล่านั้นให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน และจะให้สวนนั้นแก่คนเช่าอื่นที่จะแบ่งพืชผลให้ตามฤดูกาล” มัทธิว 21:40, 41 {COL 294.3} COLTh 258.3
พวกเขาประกาศความวิบัติของตนออกไปโดยไม่รู้ตัว พระเยซูทรงมองดูคนเหล่านั้น และภายใต้สายพระเนตรที่ค้นดูนั้น พวกเขาก็รู้ว่าพระองค์ทรงเห็นความลับในใจของตน ความเป็นพระเจ้าของพระองค์ส่องประกายให้เห็นด้วยฤทธานุภาพอันไม่มีผิดพลาด พวกเขามองเห็นแล้วว่าคนเช่าสวนก็คือพวกตนนั่นเอง คนเหล่านั้นจึงพูดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจว่า “ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย”ลูกา 20:16 {COL 295.1} COLTh 258.4
พระคริสต์จึงตรัสตอบพวกเขาอย่างเคร่งขรึมและเศร้าพระทัยว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือ ที่ว่าศิลาที่บรรดาช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นศิลามุมเอก สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา เพราะเหตุนี้เราบอกพวกท่านว่าแผ่นดินของพระเจ้าจะต้องเอาไปจากท่าน ยกให้แก่ชนชาติหนึ่งที่จะทำให้เกิดผลสมกับแผ่นดินนั้น [ใครล้มทับศิลานี้ คนนั้นจะต้องแตกหักไป และศิลานั้นจะตกทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียดไป] ” มัทธิว 21:42-44 {COL 295.2} COLTh 259.1
พระคริสต์ทรงช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นความวิบัติที่จะเกิดขึ้น หากชนชาติยิวยอมรับพระองค์ แต่ความอิจฉาและริษยาทำให้พวกเขาไม่โอนอ่อน พวกเขามุ่งมั่นที่จะไม่ยอมรับพระเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธเป็นพระเมสสิยาห์ พวกเขาปฏิเสธความสว่างของโลก และด้วยเหตุนี้ชีวิตจึงตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดดุจความมืดยามเที่ยงคืน ความวิบัติที่ถูกพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าได้ลงมายังชนชาติยิว กิเลศตัณหาอันร้ายกาจและการขาดความยั้งคิดของตนเองนำพาพวกเขาไปสู่หายนะ ด้วยความโกรธเคืองอย่างมืดบอดพวกเขาทำลายซึ่งกันและกัน การกบฏ ความเย่อหยิ่งและความดื้อด้านของพวกเขาทำให้ผู้ครอบครองชาวโรมันโกรธเคือง กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย และวิหารก็เหลือแต่ซากปรักหักพังเหมือนทุ่งนาถูกไถ ลูกหลานจำนวนมากของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ต้องตายอย่างน่าสะพรึงกลัว ผู้คนนับล้านถูกขายเป็นทาสให้กับชาวต่างชาติ {COL 295.3} COLTh 259.2
ในฐานะชนชาติหนึ่ง ชาวยิวทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าล้มเหลว และสวนองุ่นก็ถูกริบไปจากพวกเขา สิทธิพิเศษที่ใช้ไปในทางผิด ภาระหน้าที่ที่พวกเขาดูหมิ่นดูแคลนถูกมอบให้แก่ผู้อื่นไป {COL 296.1} COLTh 259.3