อ้างอิงจาก มัทธิว 13:45, 46
พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเปรียบเทียบพระพรแห่งการไถ่ด้วยความรักกับไข่มุกอันล้ำค่า พระองค์ทรงอธิบายบทเรียนนี้โดยใช้อุปมาของพ่อค้าที่ค้นหาไข่มุกอย่างดี “ และเมื่อพบไข่มุกเม็ดหนึ่งมีค่ามาก ก็ไปขายทุกสิ่งซึ่งเขามีอยู่ไปซื้อไข่มุกนั้น” มัทธิว 13:46 พระคริสต์เองทรงเป็นไข่มุกที่มีค่ามหาศาล สง่าราศีทั้งหมดของพระบิดาเก็บรวบรวมไว้ในพระองค์ คือความบริบูรณ์ของพระเจ้าสามพระภาค พระองค์ทรงเป็นความสว่างของสง่าราศีของพระบิดาและเป็นพระฉายาของพระองค์ สง่าราศีที่เป็นพระลักษณะของพระเจ้านั้นแสดงออกมาทางพระอุปนิสัยของพระองค์ พระธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ทุกหน้ามีแสงของพระองค์เปล่งออกมา ความชอบธรรมของพระคริสต์เปรียบเสมือนไข่มุกขาวบริสุทธิ์ ไร้ตำหนิและด่างพร้อย ความพยายามใดๆ ของมนุษย์แก้ไขปรับปรุงของประทานอันมีค่าและยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอันไร้ตำหนิไม่ได้ ในพระคริสต์ “คลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างซ่อนอยู่ในพระองค์” โคโลลี 2:3 พระองค์ทรง “ เป็นพระปัญญาจากพระเจ้าสำหรับเรา ทรงเป็นผู้ทำให้เราชอบธรรม ทรงเป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์และทรงเป็นผู้ไถ่บาป” 1 โครินธ์ 1:30 ทุกสิ่งที่สนองความต้องการและความหวังของจิตวิญญาณของมนุษย์ทั้งในโลกนี้และโลกที่จะมาถึงมีอยู่ในพระคริสต์ พระผู้ไถ่ของเราทรงเป็นไข่มุกที่มีค่ามาก จนทุกสิ่งที่นำมาเปรียบเทียบนั้นนับได้ว่าไร้ค่า {COL 115.1} COLTh 87.1
พระคริสต์ “ เสด็จมายังบ้านเมืองของพระองค์ แต่ชาวบ้านชาวเมืองของพระองค์ไม่ต้อนรับพระองค์” ยอห์น 1:11 ความสว่างของพระเจ้าส่องเข้าไปในความมืดของโลกและ “ความมืดไม่อาจเอาชนะความสว่างได้” ยอห์น 1:5 แต่ใช่ว่าทุกคนจะไม่สนใจของประทานแห่งสวรรค์เสียทั้งหมด พ่อค้าในคำอุปมาเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่มีความปรารถนาอย่างจริงใจที่จะรู้ความจริง ในประเทศต่างๆ ยังมีคนที่มีความจริงใจและความคิดรอบคอบศึกษาค้นหาจากวรรณกรรมและศาสตร์ต่างๆ และจากศาสนาทางฝ่ายโลก เพื่อเสาะหาสิ่งที่จะรับมาเป็นขุมทรัพย์ของจิตวิญญาณ ในหมู่ชาวยิว ยังมีคนที่พยายามแสวงหาสิ่งที่เขายังขาดอยู่ พวกเขาเบื่อหน่ายกับศาสนาที่เป็นเพียงพิธีการ หวังอยากจะเห็นสิ่งที่เป็นเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณและที่จะทำให้จิตวิญญาณสูงส่งขึ้น อัครสาวกที่พระคริสต์ทรงเลือกนั้นอยู่ในกลุ่มคนรุ่นหลัง ส่วนโครเนลีอัสและขันทีชาวเอธิโอปจัดอยู่ในคนกลุ่มแรก พวกเขารอคอยและอธิษฐานขอแสงสว่างจากสวรรค์และเมื่อได้รับการเปิดเผยให้เห็นพระคริสต์แล้ว พวกเขาก็ต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี {COL 116.1} COLTh 88.1
ในอุปมานี้ ไข่มุกไม่ได้หมายถึงสิ่งของที่ให้เปล่าๆ พ่อค้าซื้อไข่มุกนั้นไว้ด้วยสิ่งของทั้งหมดที่เขามีอยู่ มีคนจำนวนมากตั้งข้อสงสัยถึงความหมายของเรื่องนี้ เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าพระคริสต์หมายถึงของประทาน พระองค์เป็นของประทานเฉพาะสำหรับผู้ที่มอบถวายจิตใจ ร่างกายและจิตวิญญาณแด่พระองค์โดยสิ้นเชิงเท่านั้น เราจะต้องถวายตัวแด่พระคริสต์เพื่อดำรงชีวิตที่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทั้งหมดของพระองค์ด้วยความเต็มใจ ทุกอย่างที่เรามี ทั้งตะลันต์และความสามารถที่เรามีอยู่ทั้งหมดเป็นของพระเจ้า ที่จะต้องถวายเพื่อการรับใช้พระองค์ เมื่อเราถวายทุกสิ่งให้กับพระองค์แล้ว องค์พระคริสต์พร้อมด้วยขุมทรัพย์ทั้งหมดของสวรรค์ก็จะทรงโปรดประทานพระองค์เองให้แก่เรา เราจึงได้รับไข่มุกที่มีค่ามหาศาล {COL 116.2} COLTh 88.2
ความรอดเป็นของขวัญที่ได้รับโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถึงกระนั้นก็ตามเป็นสิ่งที่ต้องซื้อและขาย ในตลาดที่มีพระกรุณาธิคุณของพระเจ้าเป็นผู้จัดการนั้น เปรียบการซื้อไข่มุกอันมีค่านี้โดยไม่ต้องใช้เงินและไม่มีราคา ในตลาดแห่งนี้ทุกคนรับสินค้าจากสวรรค์ได้ คลังสมบัติเพชรนิลจินดาแห่งความจริงได้ถูกเปิดออกให้แก่ทุกคน พระองค์ตรัสว่า “ เราจัดวางประตูที่เปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครสามารถปิดได้” ไม่มียามถือดาบเฝ้าทางผ่านไปยังประตูนี้ เสียงจากทั้งภายในและที่ประตูกล่าวว่า เชิญมาเถิด เสียงของพระผู้ช่วยเชิญชวนพวกเราด้วยความจริงใจและความรักว่า “เราแนะนำเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมด้วยไฟจากเรา เพื่อเจ้าจะได้มั่งมี” วิวรณ์ 3:8, 18 {COL 116.3} COLTh 89.1
พระกิตติคุณของพระคริสต์เป็นพระพรที่ทุกคนรับเป็นเจ้าของได้ แม้คนยากจนที่สุดก็เท่าเทียมคนที่มั่งมีที่สุดในการซื้อความรอดเพราะไม่มีความร่ำรวยใดๆ ของโลกที่จะซื้อได้ ความรอดได้มาโดยการเชื่อฟังอย่างเต็มใจและโดยการมอบถวายตัวเราให้กับพระคริสต์เพื่อเป็นสมบัติของพระองค์ที่ได้ทรงซื้อเรามา การศึกษาแม้สูงส่งเพียงใดก็ไม่อาจนำมนุษย์ให้เข้าใกล้พระเจ้าได้ พวกฟาริสีได้เปรียบในทุกแง่ทั้งทางฝ่ายโลกและทางฝ่ายจิตวิญญาณและพวกเขาพูดด้วยความโอ้อวดว่า “ข้าเป็นเศรษฐีและข้าร่ำรวยแล้ว ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเลย” แต่กระนั้นพวกเขา “ เป็นคนน่าสมเพช น่าสังเวช เจ้ายากจน ตาบอดและเปลือยกาย” วิวรณ์ 3:17 พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อนพวกท่าน” มัทธิว 21:31 {COL 117.1} COLTh 89.2
เราซื้อความรอดไม่ได้ แต่เราต้องแสวงหาความรอดด้วยความสนใจและด้วยความเพียรพยายามเสมือนหนึ่งต้องละทิ้งทุกสิ่งในโลกเพื่อความรอดนั้น {COL 117.2} COLTh 89.3
เราจะต้องแสวงหาไข่มุกราคาแพงเม็ดนั้น แต่ไม่ใช่ในตลาดทางฝ่ายโลกหรือด้วยวิธีการแบบชาวโลก ราคาที่เราต้องหามาจ่ายนั้นไม่ใช่เป็นทองหรือเงินเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของพระเจ้า ให้ละทิ้งความคิดที่ว่าผลประโยชน์ทางฝ่ายโลกหรือฝ่ายจิตวิญญาณจะทำให้ท่านได้รับความรอด พระเจ้าทรงเรียกร้องการเชื่อฟังอย่างเต็มใจจากท่าน พระองค์ทรงเรียกร้องให้ท่านละทิ้งบาปทั้งหมด พระคริสต์ตรัสว่า “ คนที่ชนะ เราจะให้เขานั่งกับเราบนพระที่นั่งของเราเหมือนอย่างที่เรามีชัยชนะแล้ว และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนพระที่นั่งของพระองค์” วิวรณ์ 3:21 {COL 117.3} COLTh 89.4
มีบางคนทำตัวราวกับว่าค้นหาไข่มุกแห่งสวรรค์อยู่ตลอดเวลา แต่ พวกเขาไม่ได้ทิ้งนิสัยที่ไม่ดีโดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้ตายแก่ตัวเองเพื่อให้พระคริสต์เสด็จเข้ามาอยู่ในเขา ดังนั้นพวกเขาจึงค้นหาไข่มุกอันมีค่าเม็ดนั้นไม่พบ พวกเขาไม่ได้เอาชนะความทะเยอทะยานอันไม่บริสุทธิ์ และความรักที่มีต่อโลก พวกเขาไม่ได้แบกกางเขนและติดตามพระคริสต์ในเส้นทางแห่งการเสียสละและการมอบถวายตนเอง พวกเขาเกือบเป็นคริสเตียนแต่ก็ไม่ใช่คริสเตียนที่แท้จริง พวกเขาดูเหมือนว่ากำลังเข้าใกล้แผ่นดินสวรรค์ แต่ก็เข้าไปไม่ได้ พวกเขาเกือบจะได้รับความรอดแต่ก็ไม่ได้รอดอย่างแท้จริง ประโยคนี้มีความหมายว่าไม่ใช่เกือบหลงหายแต่คือหลงหายไปอย่างแท้จริง {COL 118.1} COLTh 90.1
อุปมาเรื่องพ่อค้าแสวงหาไข่มุกมีค่ามีความหมายสำคัญอยู่สองประการ คือไม่เพียงหมายถึงคนที่แสวงหาแผ่นดินสวรรค์เท่านั้น แต่หมายถึงพระคริสต์ทรงกำลังแสวงหามรดกที่หายไป พระคริสต์คือนายวานิชแห่งสวรรค์กำลังแสวงหาไข่มุกอันมีค่า ทรงทอดพระเนตรเห็นมนุษย์ที่หลงหายนั้นเป็นไข่มุกที่มีค่า มนุษย์ผู้แปดเปื้อนด้วยมลทินและถูกทำลายด้วยบาป พระองค์ทรงเห็นความเป็นไปได้ที่จะช่วยให้รอด หัวใจที่เคยเป็นสนามรบของการต่อสู้กับซาตาน และได้รับการช่วยเหลือด้วยอำนาจแห่งความรักนั้นมีค่าสำหรับพระผู้ไถ่มากยิ่งกว่าผู้ที่ยังไม่เคยล้มลงในบาป พระเจ้าไม่ได้ทรงมองดูมนุษย์ชาติว่าพวกเขาเป็นคนเลวทรามต่ำช้าและไร้ค่า พระองค์ทอดพระเนตรผ่านทางพระคริสต์ ทรงมองเห็นสื่งที่พวกเขาควรจะเป็นเมื่อผ่านการไถ่ด้วยรัก แล้วพระองค์ทรงรวบรวมสมบัติทั้งหมดของจักรวาลและวางลงไปเพื่อที่จะซื้อไข่มุกเม็ดนี้ และเมื่อพระเยซูทรงพบไข่มุกแล้ว ก็ทรงจัดเก็บไว้ในคลังของพระองค์เอง “เขาจะส่องแสงในแผ่นดินของพระองค์ อย่างกับเพชรที่อยู่ในมงกุฎ” เศคาริยาห์ 9:16 “ เขาทั้งหลายจะเป็นคนของเรา เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของเรา ในวันที่เราจะประกอบกิจ และเราจะเมตตาผู้ปรนนิบัติเขา” [ฉบับเดิม “ วันที่เราจะเก็บรวบรวมสมบัติของเราไว้นั้น”] มาลาคี 3:17 {COL 118.2} COLTh 90.2
แต่เรื่องของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นไข่มุกอันล้ำค่าและโอกาสของเราที่จะรับมาเป็นเจ้าของสมบัติแห่งสวรรค์นี้เป็นหัวข้อที่เราจะต้องใส่ใจให้มากที่สุด พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้เปิดเผยให้มนุษย์เห็นไข่มุกอันมีค่านี้ เวลาแห่งอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในความหมายพิเศษคือเวลาของการแสวงหาและพบของประทานแห่งสวรรค์ ในสมัยของพระคริสต์ มีคนจำนวนมากมายได้ยินข่าวประเสริฐ แต่สมองของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยความมืดของคำสอนเทียมเท็จและพวกเขามองไม่เห็นว่าพระอาจารย์ผู้ทรงถ่อมตนแห่งกาลิลีผู้นี้เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมา แต่ภายหลังจากพระคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ การหลั่งลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสัญญาณแสดงถึงการที่พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์ในอาณาจักรของพระองค์เพื่อเป็นคนกลางด้วย พระองค์ประทานพระวิญญาณลงมาในวันเพ็นเทคอสต์ พยานของพระคริสต์ประกาศอำนาจของการเป็นขึ้นจากตายของพระผู้ช่วยให้รอด แสงแห่งสวรรค์ส่องทะลุผ่านเข้าไปสู่ความคิดอันมืดของผู้ที่ถูกศัตรูของพระคริสต์หลอกลวง ขณะนี้พวกเขาเห็นพระองค์ถูกยกขึ้นให้เป็น “องค์พระผู้นำและองค์พระผู้ช่วยให้รอดเพื่อจะให้ชนอิสราเอลกลับใจใหม่ แล้วจะทรงอภัยบาปของเขาทั้งหลาย” กิจการ 5:31 พวกเขาเห็นสง่าราศีแห่งสวรรค์ห้อมล้อมพระองค์ไว้ พร้อมด้วยสมบัติอันนับไม่ถ้วนในพระหัตถ์ของพระองค์เพื่อประทานแก่ทุกคนที่จะหันจากการกบฏของเขา ขณะที่อัครสาวกนำสง่าราศีของพระบุตรองค์เดียวของพระบิดามาประกาศนั้น จิตวิญญาณสามพันดวงได้ยอมรับ พวกเขามองเห็นว่าตนเป็นคนบาปหนาและมีมลทิน และเห็นว่าพระคริสต์ทรงเป็นมิตรสหายและพระผู้ช่วย พระคริสต์ทรงได้รับการยกชูขึ้น พระคริสต์ทรงได้รับสง่าราศีโดยผ่านอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ร่วมสถิตอยู่กับมนุษย์ ผู้เชื่อเหล่านี้มองเห็นโดยความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นผู้แบกความละอาย ความทุกข์ยากและความตายเพื่อที่พวกเขาจะไม่พินาศแต่ได้ชีวิตนิรันดร์ การเปิดเผยพระคริสต์โดยพระวิญญาณทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ของพระองค์และพวกเขายื่นมือไปหาพระองค์ด้วยความเชื่อทูลว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ” มาระโก 9:24 {COL 118.3} COLTh 91.1
ข่าวชื่นชมยินดีของการเป็นขึ้นจากตายของพระผู้ช่วยให้รอดจึงเผยแพร่ไปยังผู้คนที่อาศัยอยู่สุดปลายของแผ่นดินโลก คริสตจักรเห็นคนกลับใจเข้าสู่คริสตจักรจากทุกสารทิศ ผู้ที่เชื่อแล้วก็กลับใจใหม่อีกครั้ง คนบาปเข้าร่วมกับคริสเตียนเพื่อแสวงหาไข่มุกที่มีค่ามหาศาล คำพยากรณ์สำเร็จแล้ว คนที่อ่อนแอก็ “ จะเป็นเหมือนดาวิด” และราชวงศ์ของดาวิดจะเป็น “ เหมือนทูตของพระยาห์เวห์” เศคาริยาห์ 12:8 คริสเตียนทุกคนมองเห็นลักษณะแห่งความเมตตาและความรักในพี่น้องของเขา สิ่งที่น่าสนใจมีเพียงอย่างเดียว เป้าหมายเดียวปิดบังเป้าหมายอื่นทั้งหมด หัวใจทุกดวงเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ความปรารถนาเพียงสิ่งเดียวที่ผู้เชื่อทั้งหลายต่างมีความต้องการคือการเปิดเผยให้เห็นถึงอุปนิสัยที่เป็นเหมือนพระลักษณะนิสัยของพระคริสต์ และเพื่อทำหน้าที่ขยายอาณาจักรของพระองค์ให้กว้างออกไป “คนทั้งหลายที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน….ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ บรรดาอัครทูตก็เป็นพยานถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคุณอันยิ่งใหญ่อยู่กับพวกเขาทุกคน” กิจการ 4:32, 33 “ องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอดเพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน” กิจการ 2:47 พระวิญญาณของพระคริสต์ร่วมสถิตอยู่ในที่ประชุม เพราะเขาเหล่านั้นพบไข่มุกอันมีค่ามากยิ่ง {COL 120.1} COLTh 92.1
ภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำอีก และด้วยฤทธานุภาพที่ยิ่งใหญ่กว่า การหลั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันเพ็นเทคอสต์เป็นฝนต้นฤดู แต่ฝนปลายฤดูจะยิ่งใหญ่อุดมสมบูรณ์กว่า พระวิญญาณทรงรอคอยที่จะให้เราร้องขอและตอบรับ พระคริสต์จะสำแดงความบริบูรณ์ของพระองค์โดยทางอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ มนุษย์จะเห็นคุณค่าของไข่มุกอันมีค่าและพวกเขาจะกล่าวพร้อมกับอัครทูตเปาโลว่า “แต่ว่าอะไรที่เคยเป็นกำไรของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ถือว่าสิ่งนั้นเป็นการขาดทุนแล้วเพราะเหตุพระคริสต์ ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้าถือว่าทุกสิ่งเป็นการขาดทุนเพราะเหตุคุณค่าอันสูงยิ่งของการได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า” ฟีลิปปี 3:7, 8 {COL 121.1} COLTh 92.2
*****