อ้างอิงจากลูกา 18:9-14
พระคริสต์ตรัสอุปมาเรื่องฟาริสีและคนเก็บภาษีไว้ “สำหรับบางคนที่เชื่อมั่นในตัวเองว่าเป็นคนชอบธรรม และดูหมิ่นคนอื่น” ลูกา 18:9 ฟาริสีคนนี้ขึ้นไปยังวิหารเพื่อนมัสการไม่ใช่เพราะเขารู้สึกว่าตนเป็นคนบาป ต้องการการอภัยโทษ แต่เนื่องจากความคิดที่ว่าเขาป็นคนชอบธรรมและหวังที่จะได้รับคำเยินยอ เขาคิดว่าการนมัสการของเขานั้นเป็นการกระทำคุณงามความดีเพื่อเป็นการเสนอตัวเองต่อพระเจ้า ในขณะเดียวกันก็จะทำให้คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวเขาในแง่บวกว่าเขาเป็นคนเคร่งศาสนา เขาหวังที่จะได้รับความชอบพระทัยของพระเจ้าและความพึงพอใจจากมนุษย์ การนมัสการของเขาได้รับแรงกระตุ้นจากผลประโยชน์ส่วนตัว {COL 150.1} COLTh 121.1
เขาคนนี้เต็มล้นไปด้วยการยกยอตนเอง เห็นได้จากการแสดงออกด้วยท่าทางของเขา การเดินของเขาและการอธิษฐานของเขา เขาแยกตัวเองออกจากผู้อื่น ทำตัวเสมือนหนึ่งที่จะพูดว่า “ อย่าเข้ามาใกล้ เพราะข้าบริสุทธิ์กว่าเจ้า” อิสยาห์ 65:5 เขายืนและอธิษฐาน “ อยู่คนเดียว” เขามีความพึงพอใจในตัวเองหมดทุกสิ่งทุกอย่าง และคิดว่าพระเจ้าและมนุษย์ก็มีความพึงพอใจในตัวเขาเช่นเดียวกัน {COL 150.2} COLTh 122.1
เขาอธิษฐานว่า “ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นคนฉ้อโกง เป็นคนอธรรมและคนล่วงประเวณี และไม่เหมือนคนเก็บภาษีคนนี้” ลูกา 18: 11 เขาตรวจสอบอุปนิสัยของตัวเองโดยไม่ได้ใช้พระลักษณะนิสัยของพระเจ้าเป็นเกณฑ์ แต่เอาอุปนิสัยของผู้อื่นมาเป็นเกณฑ์ ความคิดของเขาหันเหจากพระเจ้าไปทางมนุษย์ นี่คือเคล็ดลับของความพึงพอใจในตนเองของเขา {COL 150.3} COLTh 122.2
เขาสาธยายคุณงามความดีของตนเองต่อไปว่า “ ข้าพระองค์ถืออดอาหารสองวันต่อสัปดาห์ และสิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์หาได้ ข้าพระองค์ก็เอาทศางค์มาถวายเสมอ” ลูกา 18:12 ศาสนาของพวกฟาริสีสัมผัสจิตวิญญาณไม่ได้ พวกเขาไม่ได้แสวงหาอุปนิสัยที่เหมือนกับของพระเจ้า ผู้ทรงมีพระทัยที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา เขาพึงพอใจกับศาสนาที่แสดงออกมาภายนอก ความชอบธรรมของเขาเป็นของเขาเอง เป็นผลของการกระทำของตนเองและใช้มาตรฐานของมนุษย์กล่าวโทษผู้อื่น {COL 151.1} COLTh 122.3
ผู้ใดที่วางใจในตัวเองว่าเป็นผู้ชอบธรรมจะดูหมิ่นผู้อื่น เหมือนเช่นฟาริสีคนนี้ที่เอาคนอื่นมาวัดเปรียบเทียบกับตัวเอง เขาก็กล่าวโทษผู้อื่นด้วยมาตรฐานของตัวเขาเอง เขาประเมินความชอบธรรมของเขาเองด้วยความชอบธรรมของผู้อื่น ถ้าคนเหล่านั้นเลวร้ายตัวเขาก็จะยิ่งดูชอบธรรมมากขึ้น ความรู้สึกชอบธรรมในตัวเองทำให้เขากล่าวโทษผู้อื่น เขากล่าวโทษ “ คนอื่น” ว่าเป็นผู้ล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า ฉะนั้นเขากำลังแสดงลักษณะวิญญาณที่แท้จริงของซาตานออกมา เป็นผู้ที่กล่าวโทษพี่น้อง ด้วยสภาพของจิตวิญญาณเช่นนี้เขาจึงไม่อาจสื่อสารกับพระเจ้าได้ เขาจึงกลับบ้านโดยที่ไม่ได้รับพระพรของพระเจ้า {COL 151.2} COLTh 122.4
คนเก็บภาษีไปยังวิหารพร้อมกับคนนมัสการอื่นๆ แต่เขาปลีกตัวออกห่างไปโดยเร็ว รู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะที่เข้าใกล้ผู้ที่ร่วมนมัสการ เขายืนอยู่ห่างออกไป “ ไม่ยอมแม้แต่แหงนหน้าดูฟ้า แต่ตีอกชกตัว” ลูกา 18:13 ด้วยความขมขื่นใจและเกลียดชังตนเอง เขารู้สึกว่าเขาละเมิดต่อพระเจ้าและเป็นคนบาปและเต็มไปด้วยมลทิน เขาไม่อาจที่จะหวังความสงสารจากผู้ที่อยู่รอบตัวเขา เพราะคนเหล่านั้นมองดูเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เขารู้ว่าตนเองไม่มีคุณงามความดีอะไรที่จะเสนอตัวเองแก่พระเจ้าได้ และด้วยสภาพที่สิ้นหวังเช่นนี้เขาทูลว่า “ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตาแก่ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปเถิด” ลูกา 18:13 เขาไม่ได้เปรียบเทียบตัวเขาเองกับผู้อื่น เขาถูกทับถมด้วยความรู้สึกผิดราวกับว่าเขายืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า ความหวังเดียวที่เขาต้องการคือได้รับอภัยและสันติสุข คำทูลขอเพียงประการเดียวคือขอพระเมตตาจากพระเจ้า และเขาก็ได้รับพระพร พระคริสต์ตรัสว่า “ เราบอกพวกท่านว่าคนนี้แหละเมื่อกลับลงไปถึงบ้านของตนก็ถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรม ไม่ใช่อีกคนหนึ่งนั้น” ลูกา 18:14 {COL 151.3} COLTh 123.1
ฟาริสีและชายเก็บภาษีเปรียบได้กับการแบ่งคนที่เข้ามานมัสการพระเจ้าเป็นสองกลุ่มใหญ่ บุตรชายสองคนแรกที่เกิดมาในโลกเป็นตัวแทนของคนสองประเภทนี้ คาอินคิดว่าตนเองชอบธรรมและเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยของถวายขอบพระคุณเท่านั้น เขาไม่ได้สารภาพบาป และไม่ยอมรับว่าตนเองต้องการความเมตตา แต่อาเบลเข้ามาเฝ้าพร้อมกับเลือดของสัตว์ที่ชี้ไปยังพระเมษโปดกของพระเจ้า เขามาในสภาพของคนบาป สารภาพว่าตนเองหลงทางไป ความหวังเดียวของเขาคือความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า พระองค์ทรงให้เกียรติแก่ของถวายของเขา แต่สำหรับคาอินและของถวายของเขาพระเจ้าไม่ทรงยอมรับ ความรู้สึกถึงความต้องการและการรู้สำนึกถึงความขัดสนและบาปเป็นคุณสมบัติอันดับที่หนึ่งของการยอมรับจากพระเจ้า “ คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย” มัทธิว 5:3 ฟาริสีและชายเก็บภาษีที่เป็นตัวแทนของคนในแต่ละกลุ่มนี้มีบทเรียนที่ได้จากประวัติของอัครทูตเปโตรด้วย ในช่วงแรกของชีวิตการติดตามพระองค์นั้น COLTh 123.2
เปโตรคิดว่าตนเองเข้มแข็ง เหมือนฟาริสีคนนั้น เขาประเมินว่าตัวเอง “ไม่เหมือนคนอื่น” ในคืนที่พระคริสต์ถูกทรยศนั้น พระองค์ทรงเตือนสาวกทั้งหลายว่า “ ในคืนวันนี้พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา” มัทธิว 26:31 เปโตรประกาศด้วยความเชื่อมั่นสูงว่า “ แม้ว่าทุกคนจะทิ้งพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์” มาระโก14:29 เปโตรไม่เคยทราบถึงภัยอันตรายของตัวเอง ความมั่นใจในตัวเองทำให้เขาหลงผิดไป เขาคิดว่าเขาจะยืนหยัดต่อการทดลองได้ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อการทดสอบมาถึง เขาก็ปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาด้วยคำสาปแช่งและคำสาบาน {COL 152.2} COLTh 124.1
ครั้นเมื่อไก่ขันเตือนเขาให้นึกถึงพระดำรัสของพระคริสต์ เขารู้สึกตกตะลึงและแทบช็อคต่อสิ่งที่กระทำไป เขาหันและมองไปยังพระอาจารย์ของเขา ในเวลานั้นพระคริสต์ทรงทอดพระเนตรเปโตร และภายใต้สายพระเนตรที่โศกเศร้าระคนด้วยความเมตตาและความรักต่อเขา เปโตรเข้าใจในตัวเอง เขาออกไปและร้องไห้ด้วยความขมขื่นใจ พระเนตรของพระคริสต์ที่ทรงเพ่งมานั้นทำให้หัวใจของเปโตรแตกสลายไป เปโตรมาถึงจุดเปลี่ยนแปลง และเขากลับใจจากบาปด้วยความขมขื่น เขาเปรียบได้กับคนเก็บภาษีในสภาพของการเสียใจและการกลับใจ และเป็นเหมือนคนเก็บภาษีก็ได้รับความเมตตา การมองของพระคริสต์ให้ความมั่นใจว่าเขาได้รับการอภัยแล้ว {COL 152.3} COLTh 124.2
บัดนี้ความเชื่อมั่นในตัวเองสูญสิ้นไป การโอ้อวดในอดีตจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก {COL 154.1} COLTh 124.3
หลังจากที่พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากตายแล้ว พระองค์ทรงทดสอบเปโตรถึงสามครั้ง พระองค์ตรัสว่า “ซีโมน บุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกนี้หรือ” ขณะนั้นเปโตรไมได้ยกตัวเองขึ้นเหนือพี่น้องทั้งหลาย เขาอ้อนวอนขอพระองค์ผู้ทรงอ่านใจของเขาได้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” ยอห์น 21:15, 17 {COL 154.2} COLTh 124.4
แล้วเขาก็ได้รับพระบัญชา เขาได้รับมอบหมายหน้าที่อันกว้างขวางกว่าและละเอียดซับซ้อนกว่าที่เขาเคยรับมาก่อน พระคริสต์ทรงเรียกให้เขาเลี้ยงแกะและลูกแกะ ซึ่งเป็นการอารักขาเลี้ยงดูจิตวิญญาณทั้งหลายที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสละพระชนม์เพื่อพวกเขา พระคริสต์ทรงให้หลักฐานยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เปโตรเพื่อให้เขาเห็นว่าได้รับการทรงเรียกกลับมาให้อยู่ในสภาพเดิมด้วยความมั่นใจ สาวกที่ครั้งหนึ่งเป็นคนฉุนเฉียว โอ้อวด มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง บัดนี้กลายเป็นคนสงบและถ่อมตน จากนี้ไปเขาติดตามพระเป็นเจ้าของเขาด้วยการละทิ้งตนเองและการถวายตัว เขาเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมทนทุกข์กับพระคริสต์ และเมื่อพระคริสต์จะประทับบนบัลลังก์แห่งพระสิริ เปโตรก็จะร่วมรับสง่าราศีของพระองค์ด้วย {COL 154.3} COLTh 125.1
ความชั่วที่ทำให้เปโตรล้มลงและปิดกั้นคนฟาริสีจากการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้านั้นยังเป็นตัวการที่กำลังทำลายคนจำนวนมากในปัจจุบัน ไม่มีสิ่งใดที่สะอิดสะเอียดต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าหรือเป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณของมนุษย์ได้เท่ากับความหยิ่งยโส และการทะนงตน ในบรรดาบาปทั้งหลาย บาปนี้เป็นบาปที่สิ้นหวังที่สุด เป็นบาปที่รักษายากที่สุด {COL 154.4} COLTh 125.2
การล้มลงของเปโตรไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เกิดขึ้นมาอยู่อย่างต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นในตัวเองทำให้เขาคิดว่าเขารอดแล้ว และในแต่ละก้าวเขาเดินลงสู่ทางแห่งความตกต่ำจนเขาปฏิเสธพระอาจารย์ของตนเองได้ เราไม่ควรที่จะวางใจในตัวเองหรือมีความรู้สึกว่าปลอดภัยจากการทดลองแล้ว ตราบใดที่เราอยู่อีกฟากหนึ่งของสวรรค์ ผู้ที่รับพระผู้ช่วยให้รอดไม่ว่าจะมีความจริงใจต่อการกลับใจเพียงไร ไม่ควรได้รับการสอนให้พูดหรือรู้สึกว่าเขารอดแล้ว นี่จะทำให้เราเข้าใจผิดได้ ทุกคนควรได้รับการสอนให้ยึดมั่นในความหวังและความเชื่อ แต่ถึงแม้ว่าเราถวายตัวให้พระคริสต์แล้วและรู้ว่าพระองค์ยอมรับเราแล้วก็ตาม เราก็ยังไม่พ้นจากการทดลอง พระวจนะของพระเจ้าประกาศว่า “คนเป็นอันมากจะชำระตนเอง ทำให้ตนเองสะอาดหมดจดและถูกถลุง” ดาเนียล 12:10 สำหรับผู้ที่อดทนต่อการทดลองเท่านั้นจะรับมงกุฎแห่งชีวิต (ยากอบ 1:12) {COL 155.1} COLTh 125.3
ผู้รับพระคริสต์และในความเชื่อมั่นเป็นครั้งแรกพูดขึ้นว่า ฉันรอดแล้วจะตกอยู่ในอันตรายของการวางใจในตนเอง พวกเขาหลงไปในความอ่อนแอของตนเองและยังต้องการกำลังของพระเจ้าอยู่เสมอ พวกเขาไม่พร้อมต่อเล่ห์กลของซาตานและเหมือนกับเปโตร เมื่อการทดลองมาถึงเขาก็ตกลงในหลุมแห่งบาป เราได้รับคำเตือนว่า “ คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง” 1โครินธ์ 10:12 ความปลอดภัยประการเดียวของเราที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องคือ ไม่วางใจตนเอง แต่หวังพึ่งในพระคริสต์เท่านั้น {COL 155.2} COLTh 126.1
สิ่งที่จำเป็นสำหรับเปโตรคือต้องเรียนรู้ความบกพร่องของอุปนิสัยในตัวของเขาเอง และความต้องการฤทธิ์อำนาจและพระคุณของพระคริสต์ พระเป็นเจ้าจะช่วยให้เขาออกจากการทดลองไม่ได้ แต่พระองค์ทรงสามารถช่วยเขาจากความพ่ายแพ้ได้ หากเปโตรยอมรับคำตักเตือนของพระคริสต์ เขาคงเฝ้าอธิษฐานอยู่ตลอดเวลา เขาคงดำเนินชีวิตไปด้วยหวั่นเกรงและตัวสั่นเกลือกว่าเท้าของเขาจะเดินพลาดไป และเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อซาตานไม่อาจเอาชัยชนะเขาได้ {COL 155.3} COLTh 126.2
ด้วยความทะนงตนที่ทำให้เปโตรล้มลง และด้วยการกลับใจและการถ่อมตนทำให้เขากลับสู่สภาพเดิม คนบาปที่กลับใจทุกคนรับกำลังใจจากบันทึกแห่งชีวิตของเปโตรได้ แม้ว่าเขาทำบาปอย่างน่าเศร้าสลดใจ เขาก็ยังไม่ถูกทอดทิ้ง พระวจนะของพระคริสต์ถูกจารึกลงในจิตใจของเขาว่า “ เราอธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด” ลูกา 22:32 ในความทุกข์อันขมขื่นเศร้าเสียใจต่อการกระทำผิด คำอธิษฐานนี้และภาพความทรงจำที่พระคริสต์ทอดพระเนตรมายังเขาด้วยความรักและสงสารนำความหวังมาให้เปโตร หลังจากพระคริสต์ทรงกลับเป็นขึ้นจากตาย พระองค์ทรงระลึกถึงเปโตรและทรงให้ทูตสวรรค์นำข่าวไปบอกพวกผู้หญิงว่า “จงไปบอกพวกสาวกของพระองค์รวมทั้งเปโตรด้วยว่า พระองค์จะเสด็จไปที่แคว้นกาลิลีก่อนพวกท่าน พวกท่านจะเห็นพระองค์ที่นั่น” มาระโก 16:7 พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงอภัยบาปทรงยอมรับการกลับใจของเปโตร และความเห็นใจเดียวกันที่ยื่นไปช่วยเปโตร {COL 155.4} COLTh 126.3
ก็ได้ยื่นไปยังจิตวิญญาณทุกดวงที่ล้มลงภายใต้การทดลอง การทำให้มนุษย์ล้มลงในการทำบาปเป็นเล่ห์กลพิเศษของซาตานและจากนั้นมันก็จะปล่อยเขาให้ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังและหวาดกลัวที่จะเสาะหาการอภัยโทษ แต่ทำไมเราต้องกลัวมันในเมื่อพระเจ้าตรัสว่า “ ให้มันยอมอยู่ใต้การปกป้องของเรา ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา” อิสยาห์ 27:5 วิถีทางทั้งหลายได้จัดวางไว้เพื่อรองรับความบอบช้ำใดๆ ของเรา การหนุนใจทุกอย่างก็เชิญชวนเราให้เข้าไปหาพระคริสต์ {COL 156.1} COLTh 126.4
พระคริสต์ทรงพลีพระวรกายฟกช้ำเพื่อซื้อมรดกของพระเจ้ากลับคืนมา เพื่อให้มนุษย์ชาติได้รับโอกาสอีกครั้ง “ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนทั้งหลายที่เข้ามาใกล้พระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นอย่างเต็มที่ เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ทุกเวลา เพื่อทูลขอเผื่อคนเหล่านั้น” ฮีบรู 7:25 พระคริสต์ทรงอุทธรณ์เพื่อมนุษยชาติที่หลงหายด้วยชีวิตที่ไร้มลทิน โดยการเชื่อฟังของพระองค์ โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนคาลวารี และขณะนี้แม่ทัพแห่งกองทัพความรอดไม่ได้เพียงแต่อุทธรณ์ให้เราเท่านั้นแต่พระองค์เสด็จมาอย่างผู้ครอบครองที่ได้รับชัยชนะ การถวายตัวเองของพระองค์สมบูรณ์แบบและในฐานะของผู้ไกล่เกลี่ย พระองค์ทรงทำงานที่พระองค์รับมาเอง ทรงถือเครื่องหอมซึ่งบรรจุคุณความดีอันไร้ตำหนิและคำอธิษฐาน คำสารภาพและคำขอบพระคุณของประชากรของพระเจ้าต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ สิ่งเหล่านี้อาบด้วยกลิ่นหอมแห่งความชอบธรรมของพระองค์ ลอยขึ้นไปยังพระเจ้าดุจความหอมหวาน เครื่องถวายบูชาได้รับการยอมรับอย่างสมบูรณ์และการอภัยครอบคลุมการล่วงละเมิดทั้งหมด{COL 156.2} COLTh 127.1
พระคริสต์ทรงปฏิญาณพระองค์เองเป็นผู้แทนและเป็นผู้ค้ำประกัน และพระองค์ไม่ทอดทิ้งผู้ใด พระองค์ผู้ไม่อาจทนดูมนุษย์เผชิญกับการถูกทำลายเป็นนิจโดยไม่ได้ทรงทุ่มเทชีวิตของพระองค์จนถึงมรณาเพื่อเขาเหล่านั้น แต่จะทอดพระเนตรด้วยความสงสารและเมตตาต่อจิตวิญญาณที่สำนึกว่าตนช่วยตนเองให้รอดไม่ได้ {COL 157.1} COLTh 127.2
พระองค์จะไม่ทอดพระเนตรผู้ที่อ้อนวอนด้วยตัวสั่น โดยไม่พยุงเขาขึ้นมา พระองค์ทรงเปิดทางไปสู่แหล่งอำนาจทางศีลธรรมเพื่อมนุษย์โดยการทรงไถ่ของพระองค์ พระองค์จะไม่ละเลยที่จะใช้อำนาจของพระองค์เพื่อเรา เรานำบาปและความทุกข์ใจไปยังพระบาทของพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงรักเรา พระเนตรและพระดำรัสของพระคริสต์เชิญชวนให้เราวางใจพระองค์ พระองค์จะทรงดัดแปลงและปั้นอุปนิสัยของเราให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ {COL 157.2} COLTh 127.3
ในกองทัพทั้งหมดของซาตานไม่มีอำนาจที่จะเอาชนะจิตวิญญาณแม้ดวงเดียวที่มอบตัวเองให้พระคริสต์ด้วยความวางใจได้ “ พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ยและผู้ไม่มีพลังนั้น พระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก” อิสยาห์ 40:29 {COL 157.3} COLTh 128.1
“ ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเราและจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” พระเป็นเจ้าตรัสว่า “ เพียงแต่ยอมรับความผิดของเจ้าว่าเจ้ากบฏต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า” “ เราจะเอาน้ำสะอาดพรมเจ้าทั้งหลาย แล้วเจ้าจะสะอาดพ้นจากมลทินทั้งหลายของเจ้า และเราจะชำระเจ้าจากรูปเคารพทั้งหลายของเจ้า” 1 ยอห์น 1:9 เยเรมีย์ 3:13 เอเคเศียล 36:25 . {COL 158.1} COLTh 128.2
ก่อนที่เราจะได้รับการอภัยและพบสันติสุข เราจะต้องรู้จักตัวเราเอง เป็นความรู้ที่จะนำเราไปสู่ความเสียใจที่ได้ทำบาป ฟาริสีไม่รู้สึกสำนึกในบาป พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานกับพวกเขาไม่ได้ จิตวิญญาณของพวกเขาสวมเสื้อเกราะแห่งความชอบธรรมของตัวเอง ลูกศรของพระเจ้าซึ่งเล็งโดยมือของทูตสวรรค์ไม่อาจแทงทะลุได้ ผู้ที่รู้ว่าตนเองเป็นคนบาปเท่านั้นที่พระคริสต์จะทรงช่วยให้รอดได้ พระองค์เสด็จมา “ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ” ลูกา 4:18 “ คนสบายไม่ต้องการหมอ” ลูกา 5:31 เราต้องรู้สภาพที่แท้จริงของตัวเราเอง ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะไม่ทราบว่าเราต้องการความช่วยเหลือจากพระคริสต์ เราต้องเข้าใจถึงภัยอันตรายของเราเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเราจะวิ่งหาที่ลี้ภัยไม่ได้ เราจะต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดของบาดแผล ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่หวังที่จะได้รับการรักษา {COL 158.1} COLTh 128.3
พระเป็นเจ้าตรัสว่า “เ พราะเจ้าพูดว่า ข้าเป็นเศรษฐีและข้าร่ำรวยแล้ว ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเลย เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนน่าสมเพช น่าสังเวช เจ้ายากจน ตาบอด และเปลือยกาย เราแนะนำเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมด้วยไฟจากเรา เพื่อเจ้าจะมั่งมี และให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าสีขาวเพื่อจะได้สวมให้พ้นจากความอับอายที่ต้องเปลือยกาย และซื้อยาหยอดตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะได้แลเห็น ” วิวรณ์ 3:17,18 ทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์คือความเชื่อที่มีการกระทำด้วยความรัก สิ่งนี้เท่านั้นที่ทำให้เราเข้าสนิทกับพระเจ้าได้ เราอาจจะมีความกระตือรือร้น เราอาจทำงานมากมาย แต่หากไม่มีความรักคือความรักที่สถิตอยู่ในพระทัยของพระคริสต์ เราก็ไม่อาจจะเข้าร่วมครอบครัวแห่งสวรรค์ได้ {COL 158.2} COLTh 129.1
ไม่มีมนุษย์คนใดเข้าใจความผิดพลาดของตนเองด้วยตัวของเขาเองได้ “ จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า ” เยเรมีย์17:9 ริมฝีปากอาจกล่าวถึงความขัดสนของจิตวิญญาณที่ใจไม่ยอมรับ ในขณะที่เขาทูลพระเจ้าว่าตนยากจนทางจิตวิญญาณ แต่ใจเขาอาจอวดดีด้วยความคิดในความถ่อมที่เหนือกว่าผู้อื่นและการยกความชอบธรรมของตนเองขึ้นสูง มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่จะได้ความรู้เรื่องสภาพที่แท้จริงของตัวเราเอง เราจะต้องมองไปยังพระคริสต์ การไม่รู้จักพระองค์ที่ทำให้มนุษย์ยกความชอบธรรมของตนเองขึ้นสูง เมื่อเราตรึกตรองถึงความบริสุทธิ์และความดีงามของพระคริสต์ เรามองเห็นความอ่อนแอและความแร้นแค้นของเราเอง และความบกพร่องที่แท้จริง เราจะมองเห็นว่าเราหลงทางและหมดหวัง สวมเสื้อแห่งความชอบธรรมของตนเองเหมือนเช่นคนบาปอื่นๆ เราจะมองเห็นว่าหากจะได้รับความรอดแล้ว ความรอดนั้นไม่ใช่ได้มาโดยความดีของเราเอง แต่โดยพระคุณอันไม่รู้สิ้นสุดของพระเจ้า {COL 159.1} COLTh 129.2
คำอธิษฐานของคนเก็บภาษีได้รับคำตอบเนื่องจากเป็นคำอธิษฐานที่แสดงถึงการพึ่งพระองค์โดยการยื่นมือไปยังพระองค์ผู้ทรงฤทธานุภาพอันไม่จำกัด สำหรับคนเก็บภาษีแล้วเขาถือว่าตัวเองไม่มีค่าอันใด นอกจากความอับอาย ทุกคนที่แสวงหาพระเจ้าจะต้องเห็นตัวเองในสภาพเช่นนี้ โดยความเชื่อเป็นความเชื่อที่จะละทิ้งการพึ่งตนเองโดยสิ้นเชิง คนที่มีความต้องการที่เฝ้าอ้อนวอนจะต้องยึดมั่นในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า {COL 159.2} COLTh 129.3
ไม่มีการกระทำที่แสดงออกใดจะทดแทนความเชื่ออย่างเรียบง่ายและการบังคับจิตใจตนเอง แต่ไม่มีผู้ใดจะละทิ้งอัตตาของเขาเองได้ เราทำสิ่งนี้ได้ก็โดยการยินยอมให้พระคริสต์เป็นผู้กระทำให้เท่านั้น และแล้วคำพูดของจิตใจก็จะกล่าวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดรับจิตใจของข้าพระองค์ เพราะเป็นสมบัติของพระองค์ ขอทรงรักษาให้บริสุทธิ์เพราะข้าพระองค์ดูแลให้พระองค์ไม่ได้ ขอทรงรักษาข้าพระองค์ไว้แม้ว่าจะเป็นคนอ่อนแอมีชีวิตที่ไม่เหมือนพระคริสต์ โปรดปั้นข้าพระองค์ ตบแต่งข้าพระองค์ พยุงข้าพระองค์ให้เข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่งมีกระแสแห่งความรักอันอุดมสามารถไหลผ่านจิตวิญญาณของข้าพระองค์ {COL 159.3} COLTh 130.1
การควบคุมจิตใจของตนเอง ไม่ใช่กระทำเมื่อเริ่มต้นชีวิตคริสเตียนเท่านั้น ในขณะมุ่งหน้าสู่สวรรค์ควรต้องทบทวนทุกขั้นตอนอยู่เสมอ การกระทำดีทั้งหมดของเราจะต้องได้รับอำนาจจากภายนอกตัวเรา ฉะนั้นจิตใจของเราจะต้องมุ่งหาพระเจ้าอยู่อย่างต่อเนื่อง การสารภาพบาปและการถ่อมจิตใจต่อพระพักตร์พระเจ้าจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง จริงใจและด้วยจิตใจที่แตกสลาย การควบคุมจิตใจของตนเอง และการพึ่งพระคริสต์เท่านั้นที่เราจะเดินไปได้อย่างปลอดภัย {COL 159.4} COLTh 130.2
เมื่อเรายิ่งเข้าใกล้พระเยซูมากขึ้นและเรามองเห็นความบริสุทธิ์ของพระอุปนิสัยของพระองค์ชัดเจนมากเท่าใด เราก็จะมองเห็นความเลวร้ายของบาปมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และเราก็จะไม่อยากที่จะยกชูตนเองขึ้น ผู้ที่สวรรค์จัดว่าเป็นคนบริสุทธิ์จะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะอวดความดีของตนเอง อัครสาวกเปโตรได้มาเป็นผู้รับใช้ซื่อสัตย์ของพระคริสต์ และเขาได้รับเกียรติด้วยแสงสว่างและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เขามีส่วนร่วมในการสร้างคริสตจักรของพระคริสต์อย่างเต็มที่ แต่เปโตรไม่เคยลืมประสบการณ์แห่งความอับอาย บาปของเขาได้รับอภัยแล้ว แต่เขาทราบว่าโดยพระคุณของพระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยอุปนิสัยที่อ่อนแอที่ทำให้เขาล้มลง เขามองไม่เห็นสิ่งใดในตัวเองที่น่าสรรเสริญ {COL 160.1} COLTh 130.3
ไม่มีอัครสาวกหรือผู้เผยพระวจนะคนใดที่จะอ้างว่าตนเองไม่มีบาป บรรดาคนที่ดำรงชีวิตติดสนิทกับพระเจ้ามากที่สุด ผู้ที่ยอมสละชีวิตของตนแทนที่จะยอมทำสิ่งที่เขารู้ว่าผิด ผู้ที่พระเจ้าประทานเกียรติด้วยความสว่างและฤทธิ์อำนาจจากพระเจ้า คือ บุคคลที่ได้สารภาพบาปหนาที่มีอยู่ตามธรรมชาติของเขา พวกเขาไม่ได้วางใจในเนื้อหนัง ไม่อ้างว่ามีความชอบธรรมของตนเองแต่ไว้วางใจในความชอบธรรมของพระคริสต์อย่างเต็มที่ ทุกคนที่มองไปยังพระคริสต์ก็จะเป็นเช่นนี้ {COL 160.2} COLTh 131.1
ทุกย่างก้าวที่มุ่งหน้าต่อไปในประสบการณ์ชีวิตคริสเตียน การกลับใจจากบาปของเราจะลึกซึ้งยิ่งขึ้น พระเจ้าตรัสกับผู้ที่พระองค์ทรงอภัยและยอมรับเป็นประชากรของพระองค์ว่า “แล้วพวกเจ้าจะระลึกถึงวิถีชั่วของเจ้าและการกระทำที่ไม่ดีของเจ้า แล้วเจ้าจะเกลียดตัวเอง” เอเสเคียล 36:31 และพระองค์ตรัสอีกว่า “ เราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้กับเจ้า และเจ้าจะทราบว่าเราคือพระยาห์เวห์ เพื่อว่าเจ้าจะจำได้และมีความละอาย เจ้าจะไม่อ้าปากพูดอีกเพราะขายหน้า เมื่อเราลบมลทินบาปในทุกสิ่งที่เจ้าได้ทำมาแล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ” เอเสเคียล 16:62, 63 และแล้วริมฝีปากของเราจะไม่เอ๋ยเพื่อยกชูตัวเองขึ้น เราจะทราบว่าความพอใจของเราอยู่ในพระคริสต์เท่านั้น เราจะรับคำสารภาพของอัครสาวกเป็นคำสารภาพของเรา “ด้วยว่าในตัวข้าพเจ้า คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้าไม่มีความดีใดอยู่เลย” โรม 7:18 “ข้าพเจ้าไม่ขออวดอะไรนอกจากเรื่องกางเขนของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ซึ่งโดยกางเขนนั้นโลกได้ตายจากข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็ได้ตายจากโลก” กาลาเทีย 6:14 {COL 160.3} COLTh 131.2
เพื่อให้สอดคล้องกับประสบการณ์นี้ คำบัญชาที่ให้มาก็คือ “ ท่านจงอุตส่าห์ประพฤติอย่างสมกับความรอดของท่านทั้งหลายด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยพระองค์” ฟีลิปปี 2:12, 13 พระเจ้าไม่ประสงค์ให้ท่านวิตกที่พระองค์จะไม่ทรงกระทำตามที่ทรงสัญญาไว้ หรือพระองค์จะทรงหมดความอดทน หรือพระองค์ขาดความเมตตา แต่จงกลัวว่าท่านไม่ยอมมอบตัวอยู่ใต้พระประสงค์ของพระคริสต์ หาไม่แล้วอุปนิสัยที่รับการถ่ายทอดมาหรือที่สั่งสมมาจะเข้าควบคุมชีวิตของท่าน “ เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์” ฟีลิปปี 2:13 จงกลัวว่าท่านเองจะเป็นอุปสรรคในการขัดขวางระหว่างจิตวิญญาณของท่านและพระองค์ผู้เป็นนายงานยิ่งใหญ่ จงกลัวความปรารถนาของตัวเอง จะเป็นสิ่งทำลายพระประสงค์อันสูงส่งที่พระเจ้าจะทรงกระทำผ่านตัวท่าน จงกลัวที่จะวางใจในพละกำลังของตนเอง จงกลัวเผื่อมือของท่านจะหลุดจากพระหัตถ์ของพระคริสต์และพยายามเดินไปตามทางแห่งชีวิตโดยไม่ยอมอยู่ภายใต้การทรงนำของพระเจ้า {COL 161.1} COLTh 131.3
เราจะต้องหลีกให้ห่างไปจากทุกสิ่งที่สนับสนุนให้เกิดความหยิ่งยโสและความทะนงตน ฉะนั้นเราจะต้องระมัดระวังการให้และการรับคำยกย่องหรือคำสรรเสริญ การยกย่องเป็นงานของซาตาน มารชอบยกยอ มันเข้าไปยุ่งเกี่ยวทั้งการยกย่องและการใส่ร้าย ด้วยวิธีนี้มันจึงหาทางทำลายจิตวิญญาณ คนที่คอยสรรเสริญผู้อื่นจะถูกซาตานใช้ให้เป็นตัวแทนของมัน ขอให้ผู้รับใช้พระคริสต์ทุกคนปัดคำยกย่องสรรเสริญออกไปให้ไกลตัว จงอย่ามองดูแต่ตัวเอง พระคริสต์เท่านั้นที่สมควรได้รับการยกย่องเชิดชู “ พระองค์ทรงรัก ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์” วิวรณ์ 1:5 {COL 161.2} COLTh 132.1
ชีวิตที่ยึดมั่นความยำเกรงพระเป็นเจ้าไว้จะไม่ใช่ชีวิตที่โศกเศร้าและมืดมน การขาดพระคริสต์ต่างหากที่ทำให้ใบหน้าเศร้าหมองและการดำเนินชีวิตที่น่าเบื่อหน่าย ผู้ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองและรักแต่ตัวเองจะไม่รู้สึกต้องการเข้าสนิทกับพระคริสต์ จิตใจที่ไม่ได้ตกลงบนพระศิลาจะหยิ่งเพราะความดีพร้อมของตนเอง มนุษย์ต้องการศาสนาที่ทำให้ดูสง่าผ่าเผย พวกเขาต้องการเดินอยู่บนทางที่กว้างพอที่เขาจะใช้ความคิดเห็นของเขาเอง การรักตนเอง รักชื่อเสียงและรักคำเยินยอ จะกีดกันพระผู้ช่วยออกจากจิตใจ และหากไม่มีพระองค์ก็จะมีแต่ความมืดมนและความเศร้าหมอง แต่เมื่อพระคริสต์สถิตในจิตใจแล้วก็จะกลายเป็นบ่อน้ำพุแห่งความชื่นชมยินดี สำหรับทุกคนที่ต้อนรับพระองค์ ถ้อยคำของพระเจ้าที่จะเปล่งออกมาเสมอคือคำว่าชื่นชมยินดี {COL 162.1} COLTh 132.2
“ องค์ผู้สูงเด่นและสูงส่ง ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสดังนี้ว่า เราดำรงอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์ และอยู่กับผู้สำนึกผิดและมีวิญญาณจิตที่ถ่อม เพื่อฟื้นฟูวิญญาณจิตของผู้ที่ถ่อมและฟื้นฟูใจของผู้สำนึกผิด” อิสยาห์ 57:15 COLTh 133.1
เมื่อโมเสสซ่อนตัวอยู่ในช่องศิลา เขาจึงเห็นพระสิริของพระเจ้า เมื่อเราซ่อนตัวอยู่ในพระศิลาแล้วพระคริสต์จะทรงปกปิดเราด้วยพระหัตถ์ที่ถูกแทงและเราจะได้ยินถ้อยคำที่พระองค์ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ คือถ้อยคำที่ตรัสกับโมเสสว่า “พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระกรุณาและพระคุณ พระองค์กริ้วช้า ทรงบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์จริง ผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงจนถึงพันๆ ชั่วอายุคน ผู้ประทานอภัยการล่วงละเมิด การทรยศและบาป” อพยพ 34:6, 7 {COL 162.3} COLTh 133.2
ภารกิจแห่งการไถ่บาปรวมไปถึงผลที่มนุษย์จะเข้าใจได้ยากยิ่ง “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึงคือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” 1โครินธ์ 2:9 ขณะที่อำนาจของพระคริสต์ดึงคนบาปให้เข้ามาใกล้ไม้กางเขนและคุกเข่าต่อพระองค์ เขาจะเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ เขาจะได้รับจิตใจใหม่ เป็นผู้ที่สร้างใหม่ในพระเยซูคริสต์ ไม่ต้องไปหาความบริสุทธิ์จากที่ไหนอีกแล้ว เพราะพระเจ้าเองทรงเป็นผู้ “ ให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย” โรม 3:26 และ “ผู้ที่พระองค์ทรงให้เป็นผู้ชอบธรรมนั้น พระองค์ก็ทรงให้มีศักดิ์ศรีด้วย” โรม 8:30 บาปที่นำมาซึ่งความอับอายและความตกต่ำจะมีมากมายเพียงใด แต่ความรักแห่งการช่วยให้รอดจะนำมาซึ่งเกียรติและการยกย่องเชิดชูมากยิ่งขึ้นเท่านั้น สำหรับบรรดาผู้ที่พยายามปฏิบัติตามพระฉายของพระเจ้า พระองค์จะประทานขุมทรัพย์แห่งสวรรค์ ฤทธิ์อำนาจอันสูงส่งที่จะทำให้เขารับตำแหน่งที่สูงกว่าบรรดาทูตสวรรค์ที่ไม่เคยล้มลงในบาป {COL 162.4} COLTh 133.3
“ พระผู้ไถ่และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสกับผู้ถูกดูหมิ่นและถูกประชาชาติรังเกียจ ..... กษัตริย์ทั้งหลายจะมองดูแล้วจะยืนขึ้น และพวกเจ้านายจะกราบลงด้วยตัวเองเพราะเหตุพระยาห์เวห์ผู้สัตย์จริงองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ได้เลือกสรรเจ้า” อิสยาห์ 49:7 {COL 163.1} COLTh 133.4
“ เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกขึ้น” ลูกา 18:14 {COL 163.2} COLTh 134.1
*****