อ้างอิงจาก ลูกา 16:19-31
ในอุปมาเรื่องเศรษฐีและลาซารัส พระคริสต์ทรงอธิบายให้เห็นว่ามนุษย์ตัดสินบั้นปลายชีวิตของเขาเอง ช่วงเวลาแห่งพระกรุณาคุณของพระเจ้าเปิดไว้สำหรับจิตวิญญาณทุกดวง แต่หากมนุษย์ใช้โอกาสนั้นไปเพื่อแสวงหาความสำราญส่วนตัว เขาตัดตัวเองออกไปจากชีวิตนิรันดร์ หลังจากพระกรุณาปิดลงแล้วจะไม่มีโอกาสให้เข้าอีกต่อไป เขาสร้างเหวอันใหญ่ตั้งขวางระหว่างเขากับพระเจ้าด้วยการเลือกของเขาเอง {COL 260.1} COLTh 221.1
อุปมานี้นำให้เราเห็นภาพความแตกต่างระหว่างคนมั่งมีที่ไม่มีพระเจ้าเป็นที่พึ่งของตนกับคนยากจนผู้มีพระเจ้าเป็นที่พึ่งของเขา พระคริสต์ทรงเปิดเผยให้เห็นว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อสถานภาพของคนทั้งสองกลุ่มจะสลับที่กัน ในวันหนึ่งข้างหน้าคนยากจนในทรัพย์สิ่งของโลกนี้แต่วางใจในพระเจ้าและอดทนในความยากลำบากจะได้รับการยกชูเหนือผู้ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งสูงสุดที่โลกนี้ยกให้แต่ไม่ได้มอบถวายชีวิตให้พระเจ้า {COL 260.2} COLTh 221.2
พระคริสต์ตรัสว่า “มีเศรษฐีคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดี อยู่อย่างรื่นเริงฟุ่มเฟือยทุกๆ วัน และมีคนยากจนคนหนึ่งชื่อลาซารัส เป็นแผลทั้งตัว นอนอยู่ที่ประตูรั้วบ้านของเศรษฐี เขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีคนนั้น” ลูกา 16:19-21 {COL 260.3} COLTh 222.1
เศรษฐีผู้นี้ไม่ได้จัดอยู่ในพวกเดียวกันกับผู้พิพากษาอยุติธรรม ที่กล่าวอย่างเปิดเผยว่าตนเองไม่ได้เห็นแก่หน้าพระเจ้าและมนุษย์ เขาอ้างว่าตนเป็นบุตรของอับราฮัม เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อขอทานด้วยความรุนแรงหรือบังคับเขาไปเสียให้พ้นหน้าเพราะสภาพที่ไม่น่าดูของขอทาน ถ้าชายขอทานนี้ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของมนุษย์ผู้น่ารังเกียจ ได้รับความเล้าโลมใจโดยการมองดูเศรษฐีขณะที่เขาเดินเข้าประตู เศรษฐีก็เต็มใจให้ขอทานนี้อยู่ที่นั่น แต่เขาเห็นแก่ตัวโดยไม่เอาใจใส่ต่อความต้องการของพี่น้องที่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก {COL 261.1} COLTh 222.2
ในสมัยนั้นไม่มีโรงพยาบาลดูแลคนเจ็บคนป่วย คนที่ตกทุกข์ได้ยากและขัดสนมักถูกนำมาให้อยู่ใกล้ผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงมอบทรัพย์สมบัติไว้ให้ครอบครอง เพื่อพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือและความเห็นอกเห็นใจ กรณีของขอทานกับเศรษฐีก็เช่นกัน ลาซารัสตกอยู่ในสภาพที่ต้องการความช่วยเหลือมากเพราะเขาไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีบ้านเรือน เงินทองหรืออาหาร กระนั้นเขายังคงอยู่ในสภาพเช่นนั้นวันแล้ววันเล่า โดยที่เศรษฐีนั้นมีทุกสิ่งอย่างบริบูรณ์ แต่คนที่มีทุกสิ่งบริบูรณ์สามารถปลดเปลื้องความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์นั้น กลับมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองฝ่ายเดียว ดังเช่นที่หลายคนในปัจจุบันนี้กำลังกระทำอยู่ {COL 261.2} COLTh 222.3
ทุกวันนี้ ยังมีคนรอบข้างใกล้ชิดเราหลายคนที่ยังหิวโหย เปลือยกายและไร้ที่อยู่ การละเลยไม่แบ่งปันปัจจัยของเราให้ผู้ที่ขัดสนทุกข์ทรมานเหล่านี้ก่อให้เกิดภาระแห่งความรู้สึกผิดในตัวเราเอง ซึ่งในวันหนึ่งเราจะหวาดกลัวที่จะเผชิญกับมัน ความโลภทั้งหลายถูกประณามว่าเป็นดังการกราบไหว้รูปเคารพ การหลงใหลในความเห็นแก่ตัวทั้งปวงเป็นที่เกลียดชังในสายพระเนตรของพระเจ้า {COL 261.3} COLTh 222.4
พระเจ้าทรงให้เศรษฐีผู้นี้เป็นผู้อารักขาทรัพย์สินของพระองค์ และเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องให้ความดูแลต่อคนอื่นดังเช่นขอทานคนนี้ พระบัญชามีมาว่า “ท่านจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลังของท่าน” เฉลยธรรมบัญญัติ 6:5 และ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” เลวีนิติ 19:18 เศรษฐีผู้นี้เป็นชาวยิวและเขาคุ้นเคยกับพระบัญชาของพระเจ้า แต่เขาลืมว่าจะต้องให้การต่อพระเจ้าในเรื่องการใช้ทรัพย์สินและกำลังความสามารถซึ่งได้ทรงมอบหมายไว้ให้เขาเป็นผู้ดูแล พระพรของพระเจ้าหลั่งลงมายังเขามากมาย แต่เขาใช้ไปด้วยความเห็นแก่ตัวเพื่อยกย่องตัวเอง ไม่ใช่เพื่อถวายเกียรติแด่พระผู้สร้างของเขา เขามีหน้าที่ตามสัดส่วนของสิ่งของอันบริบูรณ์ที่เขามีอยู่เพื่อใช้ของประทานเหล่านั้นอุ้มชูเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นี่เป็นพระบัญชาของพระยาห์เวห์ แต่เศรษฐีผู้นี้หาได้คิดถึงหน้าที่ที่เขามีต่อพระเจ้าไม่ เขาให้กู้เงินและคิดดอกเบี้ยจากเงินที่ให้กู้ แต่เขาหาได้คืนดอกเบี้ยให้กับพระเจ้าผู้ประทานให้เขายืมไม่ เขามีความรู้และพรสวรรค์ แต่ไม่ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น เขาหลงลืมว่าพระเจ้าจะทรงคิดบัญชีกับเขา เขากลับทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อความเพลิดเพลิน ทุกสิ่งที่อยู่รอบกายเขาไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนานหรือคำสรรเสริญเยิรยอของมิตรสหาย ล้วนมีไว้เพื่อความสนุกสนานอย่างเห็นแก่ตัว เขาหมกมุ่นอยู่ในสังคมของมิตรสหายของเขาจนกระทั่งสูญเสียความรู้สึกรับผิดชอบในการร่วมมือกับพระเจ้าเพื่อพันธกิจแห่งการช่วยเหลือด้วยเมตตาธรรมไปจนหมดสิ้น เขามีโอกาสที่จะเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าและนำคำสอนเหล่านั้นมาปฏิบัติ แต่สังคมรักความสนุกสนานที่เขาเลือกอยู่ด้วยนั้นปล้นเวลาของเขาไปจนกระทั่งเขาหลงลืมพระเจ้าแห่งนิรันดร์กาล {COL 261.4 COLTh 223.1
เวลามาถึงเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในสถานภาพของบุรุษทั้งสอง ชายที่ยากจนได้ทนทุกข์ทรมานวันแล้ววันเล่า แต่เขาก็เพียรอดทนและนิ่งเงียบ ในที่สุดเขาก็ได้เสียชีวิตและถูกฝังไป ไม่มีผู้ใดโศกเศร้าเพื่อเขา แต่เพราะความเพียรอดทนในขณะที่ได้รับทุกข์ทรมานเขาได้เป็นพยานเพื่อพระคริสต์ เขาผ่านการทดสอบความเชื่อของเขาและเมื่อเขาตายก็ได้เปรียบเทียบว่าทูตสวรรค์รับเขาไปที่อกของอับราฮาม {COL 262.1} COLTh 223.2
ลาซารัส เป็นตัวแทนของคนยากจนทนทุกข์ทรมานผู้ซึ่งมีความเชื่อในพระคริสต์ เมื่อเสียงแตรดังขึ้นและคนทั้งหมดที่อยู่ในหลุมฝังศพได้ยินพระสุรเสียงของพระคริสต์จะเป็นขึ้นจากตาย พวกเขาจะได้รับบำเหน็จเพราะความเชื่อในพระเจ้าของพวกเขา เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฎีแต่เป็นความจริง {COL 262.2} COLTh 224.1
“ส่วนเศรษฐีคนนั้นก็ตายด้วยและถูกฝังไว้ และเมื่อเขาเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในแดนคนตาย เขาแหงนหน้าดู เห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกลและลาซารัสก็อยู่กับท่าน เศรษฐีจึงร้องว่า ฮับราฮัม บิดาเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น เพราะข้าพเจ้าต้องทุกข์ระทมอยู่ในเปลวไฟนี้’” ลูกา 16:22-24 {COL 263.1} COLTh 224.2
ในอุปมานี้ พระคริสต์ตรัสกับประชาชนตามความเชื่อพื้นฐานที่พวกเขามีอยู่ หลักคำสอนเรื่องสภาพความรู้สึกในช่วงระหว่างหลังจากตายและก่อนการเป็นขึ้นจากตายยังคงเป็นที่ยอมรับสำหรับหลายคนที่ฟังคำของพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงทราบถึงความคิดเห็นของพวกเขาดี และพระองค์ทรงผูกเรื่องอุปมาของพระองค์เพื่อประทับความจริง โดยผ่านความเชื่อพื้นฐานของคนเหล่านี้ พระองค์ทรงยกกระจกเงาขึ้นมาต่อหน้าผู้ฟังเพื่อพวกเขาจะมองเห็นตัวเองในความสัมพันธ์อันแท้จริงของพวกเขากับพระเจ้า พระองค์ทรงใช้แนวความคิดที่ยอมรับกันในขณะนั้นของพวกเขาเพื่อถ่ายทอดความคิดซึ่งพระองค์ทรงปรารถนาจะกระทำให้เป็นที่ปรากฏแจ้งต่อทุกคน นั่นคือ ไม่มีมนุษย์ผู้ใดถูกตีราคาด้วยทรัพย์สมบัติที่พวกเขามีอยู่ เพราะทุกสิ่งที่พวกเขามีอยู่เป็นของพวกเขาก็เพียงเพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้ให้ยืม การใช้ของประทานเหล่านี้ไปในทางที่ผิดก็จะทำให้พวกเขาตกต่ำยิ่งกว่าคนที่ยากจนที่สุดและทุกข์ทรมานที่สุดที่รักพระเจ้าและวางใจในพระองค์ {COL 263.2} COLTh 224.3
พระคริสต์ทรงปรารถนาให้ผู้ฟังของพระองค์เข้าใจว่า การที่มนุษย์เสาะหาความรอดเพื่อจิตวิญญาณหลังจากที่ตายไปแล้วนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คำพูดของอับราฮัมนั้นเป็นตัวแทนของคำตอบที่ว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่าเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้สิ่งที่ดีสำหรับตัว และลาซารัสได้แต่สิ่งเลว เวลานี้เขาได้รับการปลอบโยนแล้ว แต่เจ้าได้รับความทุกข์ระทม ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างเรากับพวกเจ้าก็มีมีเหวใหญ่ตั้งขวางอยู่ เพื่อว่าถ้าใครอยากจะข้ามจากที่นี่ไปถึงพวกเจ้าทำไม่ได้ หรือถ้าจะข้ามจากที่นั่นมาถึงเราก็ทำไม่ได้ ” ลูกา 16:25-26 จากเรื่องนี้พระคริสต์ทรงชี้ให้เห็นว่าไม่มีความหวังสำหรับคนที่แสวงหาพระกรุณาครั้งที่สอง ชีวิตนี้เท่านั้นที่มนุษย์ได้รับเพื่อใช้เตรียมตัวสำหรับชีวิตนิรันดร์ {COL 263.3} COLTh 224.4
เศรษฐียังไม่ทิ้งความคิดว่าตัวเองเป็นบุตรของอับราฮัม และในความทุกข์ เขาแสดงออกด้วยการร้องหาอับราฮัมเพื่อขอความช่วยเหลือ เขาอธิษฐานว่า “อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพเจ้าเถิด” ลูกา 16:24 เขาไม่ได้อธิษฐานขอต่อพระเจ้าแต่ต่ออับราฮัม ด้วยการทำเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเขายกย่องอับราฮัมเหนือพระเจ้าและพึ่งในความสัมพันธ์ของเขาที่มีต่ออับราฮัมเพื่อความรอด โจรบนกางเขนอธิษฐานต่อพระคริสต์ “ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในแผ่นดินของพระองค์ ” ลูกา 23:42 และคำตอบมาในทันใดว่า แท้จริงเราบอกเจ้าวันนี้ว่า (ขณะที่เราถูกตรึงอยู่บนกางเขนด้วยความน่าอับอายและความทุกข์ทรมาน) เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม แต่เศรษฐีนั้นอธิษฐานต่ออับราฮัม และคำร้องขอของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง พระคริสต์เพียงองค์เดียวที่ควรได้รับการยกย่องให้เป็น “องค์พระผู้นำและองค์พระผู้ช่วยให้รอด เพื่อจะให้ชนอิสราเอลกลับใจใหม่ แล้วจะทรงอภัยบาปของเขาทั้งหลาย” กิจการ 5:31 “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย” กิจการ 4:12 {COL 263.4} COLTh 225.1
ชายผู้มั่งมีคนนี้ใช้ชีวิตเพื่อความสุขของตนเอง และพบเมื่อสายเกินไปแล้วว่าที่เขาไม่ได้จัดเตรียมอะไรไว้สำหรับนิรันดร์กาล เขาตระหนักถึงความโง่เขลาของตนเองและคิดถึงพี่น้องของเขาที่ใช้ชีวิตเหมือนกับที่เขาเคยเป็น คือดำรงชีวิตเพื่อแสวงหาความสุขเพื่อตนเอง เขาจึงร้องขอว่า “ ถ้าอย่างนั้น บิดาเจ้าข้า ขอท่านใช้ลาซารัสไปที่บ้านบิดาของข้าพเจ้า เพราะว่าเข้าพเจ้ามีพี่น้องห้าคน ให้ลาซารัสไปเตือนพวกเขา เพื่อไม่ให้เขาต้องมาอยู่ในที่ทุกข์ทรมานแห่งนี้ แต่อับราฮัมตอบเขาว่า เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังคนเหล่านั้นเถิด เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ไม่ได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่ อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสส และพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังไม่เชื่อ” ลูกา 16: 27-31 {COL 264.1} COLTh 225.2
เมื่อเศรษฐีขอหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแจ้งแก่พี่น้องของเขานั้น เขาได้รับคำตอบว่าถึงแม้พี่น้องของเขาจะมีหลักฐานดังกล่าว พวกเขาก็ยังจะไม่เชื่อ คำร้องขอของเขาสะท้อนกลับมายังพระเจ้า ดูราวกับเศรษฐีกำลังกล่าวว่าหากท่านได้ตักเตือนละเอียดกว่านี้ ข้าพเจ้าคงจะไม่ต้องอยู่ที่นี่ คำตอบที่อับราฮัมมอบให้นั้นแสดงให้เห็นว่า พวกพี่น้องของท่านได้รับคำเตือนอย่างเพียงพอแล้ว มีการให้ความสว่างแก่พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมเข้าใจ มีการเสนอความจริงให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง {COL 264.2} COLTh 226.1
“ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็จะยังไม่เชื่อ” ลูกา 16:31 ถ้อยคำเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงในประวัติศาสตร์ของชนชาติยิว การอัศจรรย์ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ของพระคริสต์ด้วยการเรียกลาซารัสแห่งหมู่บ้านเบธานีให้กลับเป็นขึ้นมาจากตาย หลังจากที่เขาตายไปแล้วสี่วัน หลักฐานพิสูจน์อันมหัศจรรย์ถึงความเป็นพระเจ้าขององค์พระผู้ช่วยให้รอดได้มอบไว้ให้ชนชาวยิว แต่พวกเขาปฏิเสธ ลาซารัสเป็นขึ้นมาจากความตายและเป็นพยานต่อหน้าพวกเขา แต่พวกเขากลับทำให้จิตใจแข็งกระด้างต่อหลักฐานทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้นยังหาทางที่จะเอาชีวิตของพระองค์อีกด้วย (ยอห์น 12:9-11) {COL 265.1} COLTh 226.2
พระบัญญัติและผู้เผยพระวจนะคือตัวแทนที่พระเจ้าทรงตั้งไว้สำหรับความรอดของมนุษย์ พระคริสต์ตรัสว่าให้เขาเหล่านั้นเอาใจใส่ต่อคำพยานเหล่านี้ ถ้าพวกเขาไม่ได้ฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าคือพระวจนะของพระองค์ คำพยานจากผู้ที่เป็นขึ้นมาจากความตายพวกเขาก็จะไม่ฟัง {COL 265.2} COLTh 226.3
คนทั้งหลายที่ฟังโมเสสและผู้เผยพระวจนะจะไม่เรียกร้องขอแสงสว่างมากไปกว่าที่พระเจ้าประทานมาให้แล้ว แต่หากมนุษย์ปฏิเสธแสงสว่างนั้นและไม่ซาบซึ้งในคุณค่าของโอกาสที่ประทานให้แก่พวกเขา แม้ว่าจะมีใครสักคนเป็นขึ้นมาจากตายและนำข่าวมาบอก พวกเขาก็จะไม่ฟังข่าว แม้จะมีหลักฐานดังกล่าว พวกเขาก็จะไม่ยอมฟัง เพราะผู้ที่ปฏิเสธพระบัญญัติและผู้เผยพระวจนะก็ทำให้จิตใจของตนแข็งกระด้างไป จนปฏิเสธแสงสว่างทั้งหมด {COL 265.3} COLTh 227.1
คำสนทนาระหว่างอับราฮัมและชายผู้เคยเป็นคนมั่งมีเป็นอุปมา บทเรียนที่พึงได้รับคือแสงสว่างนั้นประทานมาให้มนุษย์ทุกคนเพียงพอที่จะให้เขาปฏิบัติหน้าที่ที่ควรปฏิบัติของตน ความรับผิดชอบของมนุษย์คือตอบสนองโอกาสและสิทธิพิเศษที่แต่ละคนได้รับ พระเจ้าประทานแสงสว่างและพระคุณให้ทุกคนเพียงพอที่จะทำหน้าที่ซึ่งพระองค์ทรงมอบหมายไว้ให้ ถ้ามนุษย์ละเลยที่จะกระทำตามแสงสว่างจำนวนน้อยที่สำแดงหน้าที่ของเขาให้ทราบแล้ว แสงสว่างที่มากขึ้นกว่านี้ก็จะเพียงเปิดเผยให้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์ของพวกเขาเท่านั้น รวมถึงการละเลยไม่ปรับปรุงพระพรที่ได้รับ “คนที่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อยจะซื่อสัตย์ในของมากด้วย และคนที่ไม่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะไม่ซื่อสัตย์ในของมากเช่นกัน” ลูกา 16:10 คนที่ปฏิเสธแสงสว่างแห่งคำสั่งสอนของโมเสสและผู้เผยพระวจนะและเรียกร้องหาการอัศจรรย์มากยิ่งกว่านี้ แม้ว่าคำร้องขอของเขาได้รับการตอบสนองเขาก็จะยังไม่ยอมรับอยู่ดี {COL 265.4} COLTh 227.2
อุปมาเรื่องเศรษฐีและลาซารัสแสดงให้เห็นถึงตัวแทนของคนสองประเภทว่าโลกที่มองไม่เห็นกำลังประเมินคุณค่าตัวของพวกเขาอย่างไร การเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยไม่ใช่บาปถ้าความมั่งคั่งนั้นไม่ได้หามาด้วยความไม่ยุติธรรม คนมั่งมีไม่ได้ถูกตำหนิเพราะความร่ำรวยของเขา แต่การตำหนินั้นจะมาถึงเมื่อเขาใช้ทุกสิ่งที่ได้มาในความเห็นแก่ตัว เขาจะทำได้ดียิ่งกว่านั้นถ้าเขาจะสะสมทรัพย์นั้นไว้ใกล้พระที่นั่งของพระเจ้าด้วยการใช้ทรัพย์นั้นเพื่อทำการดี ความตายทำให้คนใดเป็นคนยากจนไม่ได้เมื่อเขาอุทิศตัวเพื่อแสวงหาความมั่งมีอันนิรันดร์ แต่ผู้ที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเองจะนำสิ่งนี้ไปสวรรค์ไม่ได้ เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเขาเองนั้นเป็นคนดูแลที่ไม่ซื่อสัตย์ ในเวลาที่เขามีชีวิตอยู่นั้นเขาได้รับสิ่งดี แต่เขากลับลืมหน้าที่ของเขาที่มีต่อพระเจ้า เขาละเลยที่จะแสวงหาทรัพย์สมบัติในสวรรค์ {COL 266.1} COLTh 227.3
เศรษฐีผู้ได้รับสิทธิพิเศษมากมายผู้นี้แสดงให้เราทั้งหลายเห็นว่าเขาควรพัฒนาของประทานที่ได้มาให้ดีขึ้นเพื่อการงานต่างๆ บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด และเพื่อจะเกิดประโยชน์ทางฝ่ายจิตวิญญาณ จุดมุ่งหมายของการไถ่นั้นไม่ใช่เพียงเพื่อขจัดบาปออกไป แต่เพื่อนำของประทานฝ่ายจิตวิญญาณที่สูญหายไปเพราะอำนาจของบาปกลับคืนมายังมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เงินทองนั้นนำติดตัวไปสู่ชีวิตหน้าไม่ได้ ที่นั่นไม่จำเป็นต้องใช้ แต่การประพฤติดีที่กระทำเพื่อนำวิญญาณทั้งหลายมาหาพระคริสต์จะติดตามเราไปยังพระราชวังแห่งสวรรค์ แต่ผู้ที่ใช้ของประทานของพระเจ้าอย่างเห็นแก่ตัวเพื่อตนเองนั้น ปล่อยเพื่อนมนุษย์ผู้ขัดสนทิ้งไว้โดยไม่ยอมช่วยเหลือและไม่ทำอะไรเพื่อช่วยให้พระราชกิจของพระเจ้าในโลกนี้ก้าวหน้าไป คนเช่นนี้ทำให้พระผู้สร้างของเขาได้รับการหลู่พระเกียรติ ชื่อของเขาจะถูกบันทึกลงในหนังสือในสวรรค์ฐานเป็นผู้ฉ้อโกงพระเจ้า {COL 266.2} COLTh 228.1
เศรษฐีมีทุกสิ่งที่เงินทองซื้อได้ แต่เขาไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินที่มีบัญชีถูกต้องกับของพระเจ้า เขาใช้ชีวิตราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาครอบครองอยู่เป็นของเขาเอง เขาละเลยคำเรียกร้องของพระเจ้าและคำเรียกร้องของคนขัดสนที่ตกทุกข์ได้ยาก แต่ในที่สุดคำเรียกร้องที่เขาเพิกเฉยไม่ได้ก็มาถึง โดยอำนาจซึ่งเขาสงสัยหรือขัดขืนไม่ได้ เขารับคำสั่งให้ยุติหน้าที่ เขาจึงไม่ได้ทำหน้าที่ผู้อารักขาอีกต่อไป ชายผู้ซึ่งเคยเป็นคนมั่งมีก็กลับกลายเป็นคนยากจนที่หมดหวัง อาภรณ์แห่งความชอบธรรมของพระคริสต์ที่ทอจากกี่ในสวรรค์ห่อหุ้มเขาไม่ได้ เขาผู้เคยสวมเสื้อสีม่วงที่ร่ำรวย ทอจากผ้าเนื้อดีที่สุดต้องกลับเปลือยเปล่า ประตูแห่งพระกรุณาถูกปิดลง เขาไม่ได้นำสิ่งใดเข้ามาในโลกและเขาก็นำสิ่งใดออกไปจากโลกไม่ได้เช่นกัน {COL 267.1} COLTh 228.2
พระคริสต์ทรงยกม่านที่ปิดบังขึ้น และแสดงภาพเหล่านี้ให้ปรากฏต่อหน้าพวกปุโรหิตและผู้ปกครองรวมถึงพวกธรรมจารย์และพวกฟาริสีเพื่อจะบอกว่า จงดูสิเจ้าเป็นพวกผู้มั่งมีในทรัพย์สมบัติของโลกนี้ แต่ไม่ได้มั่งมีในพระเจ้า เจ้าจะไม่ใคร่ครวญถึงภาพเหล่านี้หรือ สิ่งซึ่งเป็นที่ชื่นชมสูงสุดในสายตาของมนุษย์กลับเป็นที่เกลียดชังในสายพระเนตรของพระเจ้า พระคริสต์ตรัสถามว่า “เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไรถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน คนนั้นจะเอาอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับคืนมา” มาระโก 8:36, 37 {COL 267.2} COLTh 228.3