Go to full page →

พระคัมภีร์กับวิทยาศาสตร์ MYPTh 149

มนุษย์จำเป็นต้องศึกษาพระคัมภีร์ทั้งภาคพันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญาใหม่ทุกวัน ความรู้และพระปัญญาของพระเจ้าจะเกิดขึ้นกับผู้ที่หมั่นศึกษาวิธีและพระหัตถกิจของพระองค์ตลอดเวลา พระคัมภีร์ต้องเป็นความกระจ่างและครูสอนของเรา เมื่อเยาวชนเรียนรู้ที่จะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานน้ำค้าง ฝน แสงแดดจากสวรรค์ เพื่อทำให้พืชผักและมวลพฤกษชาติงอกงาม เมื่อพวกเขาตระหนักว่าพระพรทั้งปวงมาจากพระองค์ และเราเป็นหนี้พระคุณและหนี้การสรรเสริญตอบแทนพระองค์ พวกเขาจะยอมรับพระเจ้าในทุกเรื่องที่ประสบ และพร้อมที่จะทำหน้าที่แต่ละวันของเขาอย่างซื่อสัตย์ พระเจ้าจะอยู่ในความคิดของพวกเขาตลอดเวลา. . . . {MYP 189.2} MYPTh 149.2

เยาวชนมากมายมักเข้าใจว่าตนเองมีความเข้าใจมากกว่าสิ่งที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ โดยนำความเข้าใจอันจำกัดทางวิทยาศาสตร์ของตนมาพิสูจน์แย้งกับพระราชกิจต่างๆ ของพระองค์ แต่ก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า หลักวิทยาศาสตร์ที่จริงแท้กับการทรงดลใจของพระเจ้านั้นประสานและสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ วิทยาศาสตร์จอมปลอมเป็นสิ่งที่แยกออกจากพระเจ้า เป็นการไม่ยอมรับรู้ที่เสแสร้งแกล้งโง่ {MYP 189.3} MYPTh 149.3

ความเลวร้ายใหญ่หลวงที่สุดอย่างหนึ่งที่มาข้องแวะกับการแสวงหาความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์คือการที่ผู้ทำการค้นคว้าวิจัยมักจะมองไม่เห็นพระลักษณะของพระเจ้าแห่งศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์และไม่มีด่างพร้อย ผู้คงแก่เรียนทางโลกทั้งหลายต่างลงแรงอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ถึงอิทธิพลของพระวิญญาณของพระเจ้าที่มีต่อจิตใจ การเดินไปบนเส้นทางนี้เพียงเล็กน้อยที่สุดก็จะนำสติปัญญาของคนนั้นให้เกิดความสงสัยในศาสนาขึ้นแล้ว ศาสนาตามพระคัมภีร์นั้นคือความลี้ลับของเทวภาพของพระเจ้า ซึ่งสติปัญญาของมนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้อย่างครบถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจที่ไม่ยอมรับการฟื้นฟูยิ่งเข้าใจไม่ได้ {MYP 190.1} MYPTh 149.4