Go to full page →

บทกี่ 39 - ความรู้กี่ได้จากพร:วจน: ของพร:เจ้า MHTh 518

พระคัมภีร์ทั้งเล่มเป็นการสำแดงถึงพระสิริของพระเจ้าที่ปรากฏอยู่ ในพระคริสต์ เมื่อเรายอมรับ รับเชื่อและปฏิบัติตาม พระคัมภีร์จะเป็น อุปกรณ์สำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย พระคัมภีร์เป็นแรงบนดาลใจ ที่ยิ่งใหญ่ เป็นพลังยับยั้งที่เร่งให้กำลังกาย กำลังสติปัญญาตลอดจนอำนาจ ในฝ่ายจิตวิญญาณและนำทางชีวิตไปตามเส้นทางอันชอบธรรม {MH 458.1} MHTh 518.1

สาเหตุที่คนหนุ่มสาวและแม้แต่ผู้ใหญ่ที่มากในวัยวุฒิถูกชักจูงให้ตก อยู่ในการทดลองและความผิดบาปได้อย่างง่ายดาย ก็เพราะคนเหล่านี้ไม่ ได้ศึกษาพระวจนะของพระเจ้าและไม่ไดใคร่ครวญถึงถ้อยคำเหล่านั้นเท่า ที่ควร การที่จิตใจขาดความหนักแน่นและมั่นคง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากชีวิต และอุปนิสัยนั้นเป็นผลจากการเพิกเฉยละเลยต่อคำสอนอันบริสุทธิ์ที่มีอยู่ ในพระวจนะของพระเจ้า คนเหล่านี้ไม่มีความพยายามอย่างจริงจังที่จะ บังคับสติไปสู่สิ่งที่จะดลใจให้เกิดความคิดที่บริสุทธิ์และชอบธรรม อีกทั้ง หันเหสติออกไปจากความคิดที่ไม่บริสุทธิ์และไม่เป็นความจริง มีน้อยคน ที่เลือกสิ่งที่ดีงามกว่า ที่นั่งลงแทบพระบาทของพระเยซูเช่นเดียวกับนาง มาริย์ เพื่อเรียนรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า มีน้อยคนที่ภายใน จิตใจของเขาทั้งหลายซาบซึ้งในพระวจนะของพระองค์และนำมาปฏิบัติใน ชีวิต {MH 458.2} MHTh 518.2

เมื่อเรายอมรับความจริงที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ ความจริงนั้นจะช่วยยก ชูจิตใจและจิตวิญญาณของเราให้สูงขึ้น หากเราชื่นชมคุณค่าของพระวจนะ ของพระเจ้าอย่างที่สมควรจะได้รับแล้ว ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้ชราก็จะเป็น ผู้ที่มีภูมิธรรมในจิตใจและจักมีความเข้มแข็งในหลักคำสอนพร้อมที่จะ ทำให้เขาทั้งหลายสามารถต่อด้านต่อการทดลองได้ {MH 459.1} MHTh 519.1

จงให้มนุษย์สั่งสอนและเขียนถึงสิ่งต่างๆ อันลํ้าค่าที่มีอยู่ใน พระคัมภีร์ศักดิสิทธิ์ จงทุ่มเทความคิด ความฉลาดในการเรียนรู้ ความ กระตือรีอร้นในการใช้สมองเพื่อศึกษาเล่าเรียนถึงนํ้าพระทัยของพระเจ้า จงอย่าศึกษาหลักปรัชญาที่เป็นเพียงความคิดเห็นของมนุษย์ แต่จงศึกษา เล่าเรียนในหลักคำสอนของพระองค์ผู้ทรงเป็นความจริง ไม่มีวรรณกรรม ใดที่มีตุณค่าเทียบเคียงได้กับพระคัมภีร์ {MH 459.2} MHTh 519.2

จิตใจที่ฝักใฝ่ในทางโลกไม่อาจพบความสุขจากการไตร่ตรองพระ วจนะของพระเจ้า แต่สำหรับจิตใจที่ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยพระวิญญาณ บริสุทธิ์นั้น จะพบความงดงามของพระเจ้าเจิดจ้าแจ่มจรัสส่องออกมาจาก หน้าหนังสืออันศักดิสิทธิ์นี้ สิ่งที่เป็นแผ่นดินรกร้างกันดารสำหรับจิตใจ ที่ฝักใฝ่ในทางโลก จะกลับกลายเป็นแผ่นดินแห่งธารนํ้าหล่อเลี้ยงชีวิต สำหรับจิตใจที่เป็นฝ่ายจิตวิญญาณ {MH 460.1} ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าที่ปรากฏอยู่ในพระวจนะของพระองค์ เป็น ความรู้ที่เราต้องถ่ายทอดให้แก่ลูกๆ ของเรา เมื่อเริ่มรู้จักเหตุและผล จูกๆ ควรได้รับการแนะนำให้รู้จักคุ้นเคยกับพระนามและชีวิตของพระเยซู บท เรียนแรกที่เราควรสอนให้ลูกๆ คือ พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเขาทั้ง หลาย การแกอบรมในลำดับแรกของลูกๆ ควรเป็นเรื่องของการเชื่อฟัง พระเจ้าด้วยความรัก เราควรอ่านพระวจนะของพระเจ้าให้ลูกๆ ฟังด้วย ความเคารพยำเกรงในพระองค์และมีความสุภาพอ่อนโยน และเราควร เลือกเอาข้อความที่เหมาะสมกับความเข้าใจของลูกๆ โดยดัดแปลงเพื่อ กระตุ้นความสนใจ มาอ่านซํ้าหลายๆ ครั้งให้เขาทั้งหลายฟัง เหนือสิ่งอื่น ใด ให้ลูกๆ เรียนรู้ถึงความรักของพระองค์ที่ทรงสำแดงให้ปรากฏในพระ คริสต์และบทเรียนอันยิ่งใหญ่ของความรักนั้น {MH 460.2} MHTh 519.3

“ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเข่นนั้น เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกัน ด้วย” 1 ยอห์น 4:1 1 {MH 460.3} MHTh 520.1

จงให้คนหนุ่มสาวยึดถือพระวจนะของพระเจ้าเป็นอาหารบำรุงเลี้ยง จิตใจและจิตวิญญาณ ให้กางเขนของพระคริสต์เป็นศาสตร์แห่งการศึกษา ทั้งปวงและเป็นศูนย์กลางของการสอนตลอดทั้งการศึกษาเล่าเรียนที่มีอยู่ ทั้งหมด และนำมาใช้เป็นประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อ พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงเป็นมิตรสหายของคนหนุ่มสาวในทุกๆ วัน ความ คิดทั้งปวงก็จะอยู่ภายใต้การเชื่อฟังของพระคริสต์ เพื่อที่เขาทั้งหลายจะ สามารถกล่าวเช่นเดียวกับอัครสาวกเปาโลว่า {MH 460.4} MHTh 520.2

“ข้าพเจ้าไม่ขออวดอะไรนอกจากเรื่องกางเขนของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ซึ่งโดยกางเขนนั้นโลกได้ตายจากข้าพเจ้า และ ข้าพเจ้าก็ได้ตายจากโลก” กาลาเทีย 6:14 (THSV) {MH 460.5} MHTh 520.3

ด้วยประการฉะนี้ โดยความเชื่อ หนุ่มสาวทั้งหลายจึงรู้จักพระเจ้า โดยความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ เขาทั้งหลายได้พิสูจน์ด้วยตนเองถึง ความเป็นจริงที่มีอยู่ในพระวจนะของพระองค์และความจริงในพระสัญญา ของพระเจ้า เขาทั้งหลายได้ประสบและได้ประจักษในพระคุณความดีของ องค์พระผู้เป็นเจ้า {MH 461.1} MHTh 520.4

ยอห์นสาวกที่พระองค์ทรงรักได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เขา ประสบมาด้วยตนเอง เขาจึงเป็นพยานได้ว่า {MH 461.2} MHTh 521.1

“ซึ่งได้ทรงเป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งเราทั้งหลายได้ยิน ซึ่งเราได้เห็น กับตา ซึ่งเราได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรา เกี่ยวกับพระวาทะแห่ง ชีวิต (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศ ชีวิตนิรันดรนั้นแก่ท่านทั้งหลาย ชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดา และได้ ปรากฎแก่เราทั้งหลาย) ซึ่งเราได้เห็นและได้ยินนั้นเราก็ได้ประกาศแก่ท่าน ทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา แท้จริงเราทั้ง หลายก็ร่วมสามัคคีธรรมกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของ พระองค์” 1 ยอห์น 1:1-3 {MH 461.3} MHTh 521.2

ด้วยเหตุนี้ทุกคนที่ได้ “รับคำพยานของพระองค์ ก็ประทับตราลงว่า พระเจ้าทรงสัตย์จริง” ยอห์น 3:33 โดยอาศัยสิ่งที่ประสบมาด้วยตนเอง เขาจึงสามารถเป็นพยานในสิ่งที่เขาเองได้เห็น ได้ยินและได้สัมผัสถึงฤทธิ้ อำนาจของพระคริสต์ เขาจึงสามารถเป็นพยานได้ว่า {MH 461.4} MHTh 521.3

’’ข้าพเจ้าต้องการความช่วยเหลือ และข้าพเจ้าก็ไต้รับความช่วย เหลือในพระเยซู ความขาดแคลนในทุกสิ่งทุกอย่างนั้นพระองค์ก็ได้ทรง อุปถัมภ์ค้ำชู’ข้าพเจ้า จิตวิญญาณที่หิวกระหายของข้าพเจ้าก็ได้รับความ อิ่มใจ เพราะพระคัมภีร์ใต้ส่าแดงพระคริสต์ให้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อ ในพระเยซู เพราะพระองค์ใต้ทรงดำรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อในพระคัมภีร์ เพราะข้าพเจ้าได้คันพบแล้วว่า นั่นเป็นพระ สุรเสียงของพระเจ้าที่ได้ตรัสแก่จิตวิญญาณของข้าพเจ้า” {MH 461.5} ผู้ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์โดยประ- สบการณ์ของตัวเองย่อมพร้อมจะศึกษาถึงความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกับธรรมชาติ พระวจนะไต้เขียนถึงพระคริสต์ไว้ว่า “พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิต นั้นเป็นความสว่างของมนุษย์” ยอห์น1:4 ก่อนที่ความผิดบาปจะเข้ามา ในโลก อาดัมและเอวาต่างอยู่ภายใต้ห้อมล้อมของแสงสว่างที่สุกใสงดงาม อันเป็นพระสิริของพระเจ้า แสงสว่างนี้ส่องต้องทุกสิ่งที่เขาทั้งสองเข้าไป ใกล้และทำให้สิ่งเหล่านั้นพลอยสว่างไปด้วย ไม่มีสิ่งใดมาปิดบงเขาทั้งสอง ไม่ให้เห็นถึงพระลักษณะนิสัยหรือพระหัตถกิจของพระเจ้า แต่เมื่ออาต้ม และเอวายอมพ่ายแพ้ต่อมารผู้ล่อลวง แสงสว่างนี้จึงไต้อันตรธานไปจาก พวกเขา การที่เขาทั้งสองสูญเสียอาภรณ์แห่งความบริสุทธิ์ชอบธรรม นี้ไป เขาทั้งสองจึงสูญเสียแสงสว่างที่ให้ความสว่างแก่สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ ไปด้วย เขาทั้งสองไม่อาจเข้าใจถึงความหมายของสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ใน ธรรมชาติได้อย่างถูกต้องอีกต่อไป ไม่อาจมองเห็นถึงพระลักษณะของ พระเจ้าในพระหัตถกิจของพระองค์ ด้งนั้น ทุกวันนี้ มนุษย์จึงไม่สามารถ เข้าใจถึงบทเรียนที่มีอยู่ในธรรมชาติอย่างลูกต้องไต้ด้วยตัวของเขาเอง ถ้าไม่มีพระปัญญาของพระเจ้าเป็นผู้ชี้ทางให้ มนุษย์ก็หลงยกย่องธรรมชาติ และกฎแห่งธรรมชาติอยู่เหนือพระเจ้าผู้ทรงสรรสร้างธรรมชาติ เพราะเหตุ นี้ ความคิดของมนุษย์ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จึงขัดแย้งกับคำสอนของ พระวจนะของพระเจ้าอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับคนทั้งหลายที่ได้รับแสงสว่าง แห่งชีวิตของพระคริสต์ พระสิริของพระเจ้าก็จะกลับมาปรากฏอยู่ใน ธรรมชาติอีกครั้ง ในแสงสว่างที่ส่องฉายมาจากกางเขนเราจึงเข้าใจความ หมายในคำสอนที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติได้อย่างลูกต้อง {MH 461.6} ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์โดยประ- สบการณ์ของตนเองจะมีความเชื่ออย่างมั่นคงในหนังสือพระคริสตธรรม คัมภีร์อันศักดิ์สีทธิ์ที่มาจากพระเจ้า เขาไต้พิสูจน์แล้วว่าพระวจนะของ พระเจ้านั้นเป็นความจริงและเขาทราบดีว่า ความจริงจะไม่มีวันขัดแย้งกับ ตัวเอง เขาจะไม่พิสูจน์ความจริงของพระคัมภีร์กับความคิดเห็นในเชิง วิทยาศาสตร์ของมนุษย์ แต่เขาจะนำความคิดเหล่านี้ไปพิสูจน์กับกฎเกณฑ์ ที่ไม่มีวันผิดพลาด เขาทราบดีว่าวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงนั้น จะไม่มีสิ่งใด ขัดแย้งกับคำสอนที่มีอยู่ในพระวจนะ เพราะผู้ที่บันดาลสิ่งทั้งสองให้เกิดขึ้น นั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน ความเข้าใจที่ลูกต้องของเรื่องทั้งสองนี้จึงต้องมี ความสอดคล้องต้องกันเป็นหนึ่งเดียว สิ่งใดก็ตามที่เรียกว่าเป็นวิชาความ รูในด้านวิทยาศาสตร์ที่ขัดแย้งกับคำพยานที่มีอยู่ใ นพระวจนะของพระเจ้า ล้วนเป็นแต่เพียงความคาดเดาของมนุษย์เท่านั้น {MH 462.1} MHTh 521.4

สำหรับผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนทางด้านนี้ การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ จะเปิดความคิดและข้อมูลที่กว้างไกลยิ่งขึ้น ขณะที่เขาใคร่ครวญถึงสิ่ง ต่างๆ ในธรรมชาติ เขาก็จะเรียนรู้และเข้าใจถึงความจริงใหม่ๆ สิ่งที่ ปรากฏอยู่ในธรรมชาติและพระคัมภีร์ที่มีพระวจนะของพระเจ้าเขียนไว้จะ ส่องสว่างให้แก่กันและกัน ทั้งสองสิ่งจะช่วยเขาให้มีความรู้ที่เกี่ยวกับ พระเจ้าได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยสอนเขาให้เรียนรู้ถึงพระลักษณะของ พระองค์และพระบัญญัติที่พระองค์ทรงใช่ในพระหัตถกิจที่พระองค์ทรง กระทำ {MH 462.2} MHTh 523.1

ประสบการณ์ของผู้ประพันธ์หนังสือสดุดีจะเป็นประสบการณ์ที่เรา ทุกคนจะได้รับโดยการยอมรับในพระวจนะของพระเจ้าผ่านทางธรรมชาติ และจากสิ่งที่พระองค์ทรงสำแดง ผู้ประพันธ์หนังสือสดุดีกล่าวว่า MHTh 523.2

“พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์ยินดี
ด้วยพระราชกิจของพระองค์
ข้าพระองค์ร้องเพลงด้วยความชื่นบาน
เนื่องในพระราชกิจของพระองค์”

“ความเมตตาของพระองค์อยู่ในฟ้าสวรรค์
ความสัตย์ซื่อของพระองค์ไปถึงเมฆ
ความขอบธรรมของพระองค์เหมือนภูเขาทั้งหลายของพระเจ้า
คำพิพากษาของพระองค์เหมือนที่ลึกยิ่ง...

“ข้าแต่พระเจ้า ความรกมั่นคงของพระองค์ประเสริฐสักเท่าใด” br/> “ลูกหลานของมนุษย์เข้าลี้ภัยอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์...
“พระองค์ประทานให้เขาดื่มจาก
แม่นํ้าแห่งความสุขเกษมของพระองค์
เพราะธารนํ้าพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์
เราเห็นความสว่างโดยความสว่างของพระองค์” “บรรดาผู้ที่ดีรอบคอบในทางของเขาก็เป็นสุข
คือผู้ที่ดำเนินตามพระธรรมของพระเจ้า
ผู้ที่รักษาบรรดาพระโอวาทของพระองค์ก็เป็นสุข
คือผู้ที่แสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ”

“หนุ่มๆ จะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร
โดยระแวดระวังตามพระวจนะของพระองค์”
“ข้าพระองค์ได้เลือกทางความสัตย์ซื่อข้าพระองค์
ตั้งกฎหมายของพระองค์ไว้ตรงหน้าข้าพระองค์”
“ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของพระองค์
ไว้ในใจของข้าพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์”
“และข้าพระองค์จะเดินอย่างเสรี
เพราะข้าพระองค์ได้แสวงข้อบงคับของพระองค์”

“ขอเบิกตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็น
สิ่งมหัศจรรย์จากพระธรรมของพระองค์”
“บรรดาพระโอวาทของพระองค์ เป็นความปีติยินดี
ของข้าพระองค์เป็นที่ปรึกษาของข้าพระองค์”
“สำหรับข้าพระองค์ พระธรรมแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์
ก็ดีกว่าทองคำและเงินพันๆ แท่ง”

“แหม ข้าพระองค์รักพระธรรมของพระองค์จริง
ๆ เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์วันยังค่ำ”
“บรรดาพระโอวาทของพระองค์ประหลาดนัก
เพราะฉะนั้นจิตใจของข้าพระองค์จึงรักษาไว้”
“กฎเกณฑ์ของพระองค์ได้เป็นบทเพลงของข้าพระองค์
ในเรือนที่ข้าพระองค์อาศัยอยู่นั้น” “พระดำรัสของพระองค์นั้นปริสุทธิ์
เพราะฉะนั้นผู้รับใช้ของพระองค์ริภพระดำรัสนั้น”

“สาระสำคัญแห่งพระวจนะของพระองค์คือความจริง
และกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์ทุกข้อดำรงอยู่เป็นนิตย์”

“ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่
เพื่อข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์
และให้กฎหมายของพระองค์ช่วยข้าพระองค์”

“บุคคลเหล่านั้นที่รักพระธรรมของพระองค์
มีสันติภาพใหญ่ยิ่ง ไม่มีสิ่งใดกระทำให้เขาสะดุดได้”

“ข้าพระองค์หวังในความรอดของพระองค์
และข้าพระองค์ทำตามพระบัญญัติของพระองค์
จิตใจของข้าพระองค์ปฏิปติตามบรรดาพระโอวาทของพระองค์
ข้าพระองค์รักพระโอวาทนั้นมากยิ่ง”

“การคลี่คลายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง
ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย
พระบัญญัตของพระองค์กระทำให้
ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์
เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เสมอ
ข้าพระองค์มีความเข้าใจมากกว่าบรรดาครูของข้าพระองค์
เพราะบรรดาพระโอวาทของพระองค์เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์
ข้าพระองค์เข้าใจมากกว่าคนสูงอายุ เพราะข้าพระองค์รกษาข้อบังคับของพระองค์
ข้าพระองค์ได้ความเข้าใจโดยข้อบังคับของพระองค์
เพราะฉะนั้นข้าพระองค์เกลียดขังวิถีเท็จทุกอย่าง”
บรรดาพระโอวาทของพระองค์ ข้าพระองค์รับไว้เป็นมรดกเป็นนิตย์
พระเจ้าข้า เป็นความชื่นบานแก่ใจข้าพระองค์” MHTh 523.3

สดุดี 92:4; 36:5-7; 36:7-9; 1 1 9:1, 2, 9, 30; 1 19:1 1, 45, 18, 24, 72,97, 129, 54, 140, 160, 175, 165-167, 1 30, 98-1 00, 1 04, 111 {MH 462.3}