Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

สงครามครั้งยิ่งใหญ่

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 8 - การพิจารณาไต่สวนของพระคริสต์

    ในขณะที่เหล่าทูตสวรรค์ออกจากฟ้าสวรรค์นั้น พวกท่านได้ปลดมงกุฎอันวาววับของพวกท่านลงด้วยความโศกเศร้า พวกท่านไม่สามารถจะสวมมันต่อไปได้ในขณะที่ผู้บังคับบัญชาของพวกท่านกำลังทนทุกข์ทรมานและกำลังจะต้องสวมมงกุฎหนาม ซาตานและทูตสมุนของมันกำลังวุ่นวายอยู่ในห้องพิพากษาเพื่อทำลายมนุษยธรรมและความเห็นอกเห็นใจ แม้แต่บรรยากาศก็ยังหนักหน่วงและเต็มไปด้วยมลพิษแห่งอิทธิพลของพวกมัน บรรดาปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่ทั้งหลายถูกดลใจโดยพวกมันให้หมิ่นประมาทและเหยียดหยามพระเยซูในลักษณะที่ยากที่สุดที่ธรรมชาติของมนุษย์จะทนได้ ซาตานหวังว่าการดูถูกเหยียดหยามและการทุกข์ทรมานเช่นนั้นจะทำให้พระบุตรของพระเจ้าโอดครวญและพร่ำบ่นออกมา หรือจะทำให้พระองค์ทรงสำแดงฤทธานุภาพอันมาจากพระเจ้าของพระองค์ออกมาและกระชากพระองค์เองให้ออกมาจากการฉวยคว้าของเหล่าฝูงชน และด้วยเหตุฉะนั้นแผนการแห่งความรอดก็จะได้ล้มเหลวลงในที่สุดGCTh 21.1

    เปโตรได้ติดตามพระผู้เป็นเจ้าของเขาไปหลังจากที่ทรงถูกทรยศ เขาเป็นทุกข์ร้อนใจว่าพระเยซูจะทรงถูกกระทำอย่างไรบ้าง และเมื่อเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในบรรดาสาวกของพระองค์นั้น เขาก็ได้ปฏิเสธ เขากลัวว่าตัวเองจะเสียชีวิต และเมื่อถูกกล่าวฟ้องว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้น เขาจึงได้ประกาศไปว่าไม่รู้จักชายผู้นั้นเลย บรรดาเหล่าสาวกเป็นที่กล่าวขานถึงเรื่องความบริสุทธิ์ของคำพูดของพวกเขา และเพื่อที่จะโกหกและทำให้พวกเขาเชื่อว่าเขามิได้เป็นหนึ่งในบรรดาเหล่าสาวกของพระคริสต์นั้น เปโตรก็ได้ปฏิเสธเป็นครั้งที่สามพร้อมทั้งสบถและสาบาน พระเยซูซึ่งอยู่ห่างจากเปโตรด้วยระยะห่างประมาณหนึ่งได้หันไปที่เปโตรด้วยสายพระเนตรที่เสียพระทัยเป็นเชิงต่อว่า แล้วเขาก็จำพระดำรัสที่พระเยซูทรงตรัสกับเขาในห้องชั้นบนนั้นได้ อีกทั้งคำยืนยันอันกระตือรือร้นของเขาเองที่ว่า “แม้คนทั้งปวงจะสะดุดเพราะพระองค์ ข้าพระองค์จะสะดุดก็หามิได้เลย” เขาได้ปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าของเขา แม้แต่ด้วยคำสบถและสาบานต่าง ๆ หากแต่สายพระเนตรของพระเยซูครั้งนั้นได้หลอมให้เปโตรละลายในทันทีทันใดและช่วยเขาให้รอด เขาร่ำไห้ด้วยความขมขื่นและได้กลับใจจากความบาปอันยิ่งใหญ่ของเขาและได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้รับการเตรียมพร้อมที่จะหนุนกำลังบรรดาพี่น้องของเขาGCTh 21.2

    ฝูงชนต่างโห่ร้องเกรียวกราดเพื่อเอาโลหิตของพระเยซู พวกเขาเฆี่ยนตีพระองค์อย่างโหดร้ายทารุณ นำชุดคลุมเก่าสีม่วงอย่างกษัตริย์มาสวมให้แก่พระองค์ และผูกมัดพระเศียรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ด้วยมงกุฎหนาม พวกเขาเอาไม้อ้อใส่มือของพระองค์และคุกเข่าคำนับพระองค์ด้วยอาการเยาะเย้ย พร้อมกล่าวทักทายพระองค์ว่า “กษัตริย์ของพวกยิวเจ้าข้า ขอทรงพระเจริญ” แล้วพวกเขาก็เอาไม้อ้อนั้นจากพระหัตถ์ของพระองค์และตีไปที่เศียรของพระองค์ทำให้หนามทิ่มไปที่ขมับของพระองค์ จนเลือดไหลอาบมาตามพระพักตร์และเคราของพระองค์GCTh 21.3

    มันยากที่เหล่าทูตสวรรค์จะทนมองดูได้ พวกท่านคงจะได้ปลดปล่อยพระเยซูให้เป็นอิสระจากน้ำมือของคนเหล่านั้นไปแล้ว หากแต่ทูตสวรรค์บัญชาการได้ห้ามพวกท่านไว้และกล่าวว่ามันเป็นค่าไถ่ที่ยิ่งใหญ่นักที่จะต้องถูกชำระเพื่อมนุษย์ แต่มันจะสำเร็จ และจะนำความตายให้มาสู่เจ้าผู้มีอำนาจแห่งความตาย พระเยซูทรงทราบดีว่าเหล่าทูตสวรรค์ต่างกำลังเป็นพยานในฉากแห่งความอัปยศอดสูของพระองค์ ข้าพเจ้าได้เห็นว่าทูตสวรรค์องค์ที่อ่อนแอที่สุดนั้นก็ยังสามารถทำให้เหล่าฝูงชนล้มลงหมดสิ้นอำนาจและปลดปล่อยพระเยซูให้เป็นอิสระได้ พระองค์ทรงทราบดีว่าถ้าหากพระองค์ทรงปรารถนาสิ่งนี้จากพระบิดาแล้วล่ะก็ บรรดาทูตสวรรค์ก็จะมาปลดปล่อยพระองค์ได้ในทันทีทันใด หากแต่มันเป็นสิ่งจำเป็นที่พระเยซูจะต้องทรงทนทุกข์ต่อหลายสิ่งที่มนุษย์ชั่วร้ายจะกระทำกับพระองค์ เพื่อที่จะดำเนินแผนการแห่งความรอดนี้ให้ลุล่วงไปได้GCTh 21.4

    ที่นั่นพระเยซูทรงยืนประทับอย่างอ่อนสุภาพและถ่อมพระองค์ต่อหน้าฝูงชนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใขณะที่พวกเขากลับให้การลบหลู่อันต่ำช้าที่สุดต่อพระองค์ พวกเขาถ่มน้ำลายรดพระพักตร์ของพระองค์ — พระพักตร์ที่สักวันหนึ่งพวกเขาอยากจะหลบซ่อนหนีไป พระพักตร์ที่จะประทานแสงว่างให้แก่อาณาจักรของพระเจ้าและฉายแสงสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ — หากแต่พระองค์มิได้ทรงจ้องมองผู้ล่วงละเมิดด้วยความโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว พระองค์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอย่างอ่อนโยนแล้วเช็ดมันออกไป พวกเขาคลุมพระเศียรของพระองค์ด้วยผ้าเก่าผืนหนึ่งปิดพระเนตรของพระองค์ แล้วตบพระพักตร์ของพระองค์พลางร้องออกมาว่า “จงพยากรณ์ให้เรารู้ว่าใครตบเจ้า” เหล่าทูตสวรรค์ต่างชุลมุนวุ่นวาย พวกท่านคงจะเข้าไปช่วยชีวิตพระองค์ในทันทีทันใดแล้ว หากแต่ทูตสวรรค์บัญชาการได้รั้งพวกท่านไว้GCTh 22.1

    เหล่าสาวกได้เพิ่มความเชื่อมั่นที่จะเข้าไปในสถานที่ที่พระเยซูทรงประทับอยู่และเป็นพยานในการพิจารณาไต่สวนของพระองค์ พวกเขาหวังว่าพระองค์จะทรงสำแดงฤทธานุภาพอันมาจากพระเจ้าของพระองค์และปลดปล่อยพระองค์เองออกจากน้ำมือของศัตรูของพระองค์ แล้วลงโทษพวกเขาต่อการกระทำอันเหี้ยมโหดที่ได้ปฏิบัติต่อพระองค์ ความหวังของพวกเขาได้สูงขึ้นและพังลงมาในขณะที่ฉากต่าง ๆ ได้เกิดขึ้น บางครั้งพวกเขาก็เกิดความสงสัยและกลัวว่าพวกเขาคงจะถูกหลอกเสียแล้ว แต่เสียงที่พวกเขาได้ยินบนยอดเขาที่ทรงจำแลงพระกายและสง่าราศีที่พวกเขาได้เป็นพยานนั้น ทำให้พวกเขาเข้มแข็งเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พวกเขาได้ระลึกถึงฉากอันน่าตื่นเต้นที่พวกเขาได้เป็นพยาน การอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พวกเขาได้เห็นพระเยซูทรงกระทำในการรักษาคนป่วย เปิดดวงตาของคนตาบอด เปิดหูให้แก่คนหูหนวก ตำหนิและขับไล่ผีปีศาจ ปลุกให้คนตายฟื้นคืนชีพ และแม้แต่กล่าวห้ามลมแล้วมันก็เชื่อฟังพระองค์ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ พวกเขาหวังว่ากระนั้นพระองค์จะทรงลุกขึ้นในฤทธานุภาพ แล้วจะทรงขับไล่ฝูงชนที่กระหายเลือดให้แยกย้ายกันไปด้วยพระสุรเสียงแห่งการบัญชาของพระองค์ ดังที่พระองค์ทรงเสด็จเข้าไปในพระวิหารและขับไล่ผู้คนที่ทำให้พระนิเวศของพระเจ้าเป็นสถานที่ค้าขาย ในขณะที่พวกเขาถูกไล่ไปนั้นมันดูราวกับว่ากองกำลังทหารติดอาวุธได้กำลังตามขับไล่พวกเขาไปด้วยทีเดียว เหล่าสาวกหวังว่าพระเยซูจะทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ และทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลGCTh 22.2

    ส่วนยูดาสนั้นเต็มไปด้วยความสำนึกผิดอันขมขื่นและอับอายยิ่งนักต่อการหักหลังของเขาในการทรยศพระเยซู และเมื่อเขาได้เป็นพยานเห็นการลบหลู่ที่พระองค์ทรงต้องทนทุกข์แล้ว เขาก็หมดแรงกำลังไป เขารักพระเยซู หากแต่รักเงินทองมากกว่า เขาไม่คิดว่าพระเยซูจะทรงยอมให้ฝูงชนที่เขาพามานั้นจับกุมตัวไปได้ เขาคิดว่าพระเยซูจะทรงทำการอัศจรรย์และปลดปล่อยพระองค์เองจากพวกเขา แต่เมื่อเขาได้เห็นฝูงชนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟในห้องพิพากษานั้นหื่นกระหายพระโลหิตของพระองค์ เขาก็สำนึกถึงความผิดของเขาอย่างสุดซึ้ง และในขณะที่คนทั้งหลายกำลังรุมกล่าวหาพระเยซูอย่างดุเดือดนั้นเอง ยูดาสก็ได้รุกฝ่าฝูงชนเข้าไปและสารภาพว่าเขาได้กระทำบาปที่ได้ทรยศต่อพระโลหิตอันบริสุทธิ์ เขาได้ให้เงินคืนให้แก่คนพวกนั้นและขอร้องให้ปล่อยพระเยซูพร้อมทั้งประกาศว่าพระองค์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ทุกประการ ความรู้สึกขุ่นเคืองใจและความสับสนนี้ทำให้เหล่าปุโรหิตตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาไม่ต้องการให้ประชาชนรู้ว่าพวกเขาได้จ้างผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นสาวกของพระเยซูคนหนึ่งให้ทรยศอายัดพระองค์ให้อยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาต้องการปิดซ่อนเรื่องการตามล่าพระเยซูดังตามล่าหัวขโมยและจับกุมพระองค์มาอย่างลับ ๆ นั้นไว้แต่การสารภาพของยูดาสและสีหน้าที่ซีดเผือดและรู้สึกผิดของเขาได้เปิดโปงเหล่าปุโรหิตต่อหน้าฝูงชนสำแดงให้เห็นว่ามันคือความเกลียดชังที่เป็นสาเหตุให้พวกเขาจับพระเยซู ในขณะที่ยูดาสประกาศลั่นว่าพระเยซูทรงเป็นผู้บริสุทธิ์บรรดาปุโรหิตได้ตอบกลับมาว่า “มันเกี่ยวอะไรกับเรา มันเป็นเรื่องของเจ้าเอง” พวกเขาได้พระเยซูมาอยู่ในอำนาจของพวกเขาแล้วและพวกเขามุ่งมั่นว่าจะยึดพระองค์ไว้ให้อยู่หมัดอย่างแน่นอน ยูดาสรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เขาโยนเงินที่ขณะนี้รู้สึกรังเกียจยิ่งนักไปที่เท้าของผู้ที่จ้างวานเขา และด้วยความปวดร้าวและหวาดกลัวในอาชญากรรมของเขา เขาได้จากไปและแขวนคอตายGCTh 22.3

    ยังมีผู้ที่เห็นใจสงสารพระเยซูอยู่หลายคนในคนกลุ่มนั้น และการที่ไม่ทรงตอบอะไรเลยต่อคำถามทั้งหลายนั้นทำให้ฝูงชนต่างประหลาดใจยิ่งนัก ไม่มีท่าทางที่แสดงอาการโกรธขึ้งและความลำบากใจบนพระพักตร์ของพระองค์ต่อการดูหมิ่นเหยียดหยามและการเยาะเย้ยถากถางใด ๆ ทั้งสิ้น พระองค์ทรงสง่าผ่าเผยและสงบเยือกเย็น พระองค์ทรงมีพระลักษณะที่ประเสริฐและสูงศักดิ์ ผู้เห็นเหตุการณ์ต่างมองไปที่พระองค์ด้วยพิศวง พวกเขาเปรียบเทียบพระลักษณะที่ดีพร้อมของพระองค์ ความอดทนที่แน่วแน่ของพระองค์และความสง่าผ่าเผยของพระองค์กับคนเหล่านั้นที่นั่งอยู่ในการพิพากษาของพระองค์ และพูดกันว่าพระองค์ทรงมีพระลักษณะท่าทางที่เหมือนกับกษัตริย์ที่กำลังจะขึ้นครองราชย์มากกว่าผู้ปกครองบ้านเมืองใด ๆ ที่อยู่ที่นั่นเลย พระองค์ไม่ทรงมีเครื่องหมายของการเป็นอาชญากรเลย พระเนตรของพระองค์อ่อนโยน ชัดเจน และไม่หวาดหวั่น หน้าผากของพระองค์กว้างและสูง ทุกท่วงท่าสำแดงพระกรุณาและสง่างาม ความอดทนและอดกลั้นของพระองค์นั้นไม่เหมือนประหนึ่งมนุษย์ธรรมดาที่หลายคนต้องสั่นกลัว แม้แต่เฮโรดและปีลาดยังรู้สึกลำบากใจอย่างหนักในท่าทางอันเหมือนดังพระเจ้าและช่างสง่างามของพระองค์GCTh 23.1

    ปีลาดได้ปักใจเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าพระองค์ทรงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแต่ทรงเป็นผู้ที่ประเสริฐมาก เขาเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ทูตสวรรค์ผู้ได้เป็นพยานเห็นทุกฉากได้สังเกตการณ์รู้อยู่แก่ใจของปีลาด และได้สังเกตเห็นความเห็นอกเห็นใจและจิตใจที่เมตตากรุณาของเขาที่มีต่อพระเยซู และเพื่อที่จะช่วยเขาให้พ้นจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งพระเยซูไปตรึงกางเขนซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายนี้ ทูตสวรรค์องค์หนึ่งถูกส่งไปยังภรรยาของปีลาดและบอกกับเธอทางนิมิตฝันว่า ผู้ที่ปีลาดกำลังตัดสินคดีความอยู่นั้นทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ถูกทรมานโดยที่ไม่มีความผิดใด ๆ เธอได้ใช้ให้คนไปเรียนปีลาดโดยทันทีว่าเธอไม่สบายใจอย่างมากเนื่องด้วยความฝันที่เกี่ยวกับพระเยซู และเตือนเขาว่าอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนชอบธรรมนั้นเลย ผู้นำข่าวที่ถือคำสนทนานั้นได้ฝ่าฝูงชนไปอย่างรีบด่วนและส่งข้อความให้แก่ปีลาด ในขณะที่เขาอ่านข้อความนั้นเขาก็สั่นกลัวและสีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ฉับพลันเขาคิดว่าเขาไม่ควรเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ถ้าหากคนพวกนั้นต้องการพระโลหิตของพระเยซู เขาก็ไม่ควรมีส่วนร่วมใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาควรจะปลดปล่อยพระองค์ให้เป็นอิสระGCTh 23.2

    เมื่อปีลาดได้ยินว่าเฮโรดอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาก็มีความยินดียิ่งนัก และหวังว่าตัวเองจะเป็นอิสระจากเรื่องทั้งปวงที่ไม่พึงปรารถนานี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิพากษาประหารชีวิตพระเยซู เขาจึงได้ส่งพระองค์กับโจทก์ผู้กล่าวหาพระองค์ไปให้เฮโรด เฮโรดเป็นผู้ที่หยาบช้าแข็งกระด้าง การฆาตกรรมยอห์นได้ทิ้งรอยด่างไว้ที่สติสำนึกผิดชอบชั่วดีที่เขาเองก็ไม่สามารถปลดตัวเองให้เป็นอิสระได้ และเมื่อเขาได้ยินถึงพระเยซูและพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงกระทำ เขาก็คิดว่าพระองค์คือยอห์นเป็นขึ้นมาจากความตาย เขารู้สึกเกรงกลัวและตัวสั่นเทา เพราะเขาได้แบกความสำนึกที่ผิดไว้ ปีลาดได้ส่งพระเยซูไปยังมือของเฮโรด เฮโรดคิดว่าการกระทำของปีลาดนี้แสดงว่าปีลาดตระหนักถึงพลัง สิทธิอำนาจ และการพิพากษาของเขา ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นศัตรูกัน แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้คืนดีกัน เฮโรดรู้สึกดีใจที่ได้เห็นพระเยซู เพราะเขาคาดหวังว่าจะได้เห็นพระองค์สำแดงการอัศจรรย์อันโอ่อ่าตระการให้เขาพึงพอใจบ้าง หากแต่พระราชกิจของพระเยซูนั้นมิได้มีไว้เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเขา ฤทธานุภาพอันมาจากพระเจ้าและการอัศจรรย์ของพระองค์นั้นมีไว้สำหรับความรอดของผู้อื่น มิใช่เพื่อผลประโยชน์ของพระองค์เองGCTh 23.3

    พระเยซูไม่ทรงตอบคำถามทั้งหลายของเฮโรดเลย ทั้งไม่ทรงใส่ใจกับศัตรูของพระเจ้าผู้ร้องเอาโทษพระองค์อย่างแรงกล้าอีกด้วย เฮโรดรู้สึกเดือดดาลเพราะพระเยซูไม่ทรงแสดงท่าทางว่าเกรงกลัวต่ออำนาจของเขาและแกล้วทหารของเขาที่กำลังเยาะเย้ย หัวเราะถากถาง และกระทำทารุณต่อพระบุตรของพระเจ้า เฮโรดรู้สึกประหลาดใจในท่าทางสูงสง่าประหนึ่งพระเจ้าของพระเยซูเมื่อทรงถูกลบหลู่อย่างน่าอับอาย และเขากลัวที่จะตัดสินประหารชีวิตพระองค์ จึงได้ส่งพระองค์ไปหาปีลาดอีกครั้งGCTh 24.1

    ซาตานและทูตสมุนของมันได้กำลังทดลองปีลาด และพยายามที่จะนำพาเขาต่อไปสู่การทำลายตัวเอง เขาทั้งหลายได้ชี้แนะท่านว่าถ้าหากเขาไม่ยอมมีส่วนในการสั่งประหารชีวิตพระเยซู คนอื่นก็จะทำแทน ฝูงชนกำลังกระหายโลหิตของพระองค์ และถ้าเขาไม่ยอมปล่อยพระเยซูให้ถูกตรึงที่กางเขนล่ะก็ เขาก็จะสูญเสียอำนาจและเกียรติยศทางโลกไป และจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่เชื่อในคนลวงโลกอย่างที่ประชาชนเรียกพระองค์ ด้วยกลัวว่าจะสูญเสียอำนาจและสิทธิหน้าที่ ปีลาดจึงยอมตัดสินประหารชีวิตพระเยซู แต่กระนั้นก็ตามเขาได้มอบพระโลหิตของพระเยซูแก่ผู้ที่กล่าวหาพระองค์และฝูงชนก็รับเอาไปร้องว่า “ให้โลหิตของเขาตกอยู่แก่เราทั้งบุตรของเราเถิด” ถึงกระนั้นปีลาดก็ไม่ใสสะอาด เขาเองก็มีความผิดด้วยเรื่องพระโลหิตของพระคริสต์ เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวเองและความรักในเกียรติยศที่มอบให้โดยผู้ปกครองยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินโลก เขาได้ส่งผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งไปหาความตาย ถ้าปีลาดได้ทำตามความปักใจเชื่อของเขาแต่แรกแล้ว เขาก็คงไม่มีส่วนอะไรในการตัดสินประหารชีวิตพระเยซูGCTh 24.2

    การพิจารณาคดีและการตัดสินประหารชีวิตของพระเยซูได้ทำงานในจิตใจของหลายคน และภาพติดตรึงใจที่เกิดขึ้นจะถูกปรากฏออกมาหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ และคริสตจักรก็กำลังจะมีจำนวนผู้คนมากขึ้น คือผู้ที่ประสบการณ์และความปักใจเชื่อของเขาทั้งหลายนั้นได้เริ่มขึ้นจากเวลาแห่งการไต่สวนคดีความของพระเยซูนี้เองGCTh 24.3

    ความบ้าคลั่งของซาตานนั้นใหญ่ยิ่งนักในขณะที่มันเห็นความโหดร้ายทั้งปวงที่มันได้นำพาให้บรรดาปุโรหิตใหญ่ก่อขึ้นแก่พระเยซูนั้นไม่ได้ทำให้พระองค์ทรงพร่ำบ่นแม้แต่คำเดียว ข้าพเจ้าได้เห็นว่าแม้พระเยซูจะทรงอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์นั้น อำนาจและความมั่นคงประหนึ่งพระเจ้าก็ค้ำจุนพระองค์ไว้ และพระองค์ไม่ได้ทรงออกห่างจากน้ำพระทัยของพระบิดาเลยแม้แต่นิดเดียวGCTh 24.4

    ดูมัทธิว 26:57-75; 27:1-31; มาระโก 14:53-72, 15:1-20; ลูกา 22:47-71, 23:1-25; ยอห์น บทที่ 18, 19:1-16GCTh 24.5