บทที่ 37 - การช่วยให้รอดพ้นของเหล่าวิสุทธิชน

มันเป็นเวลาเที่ยงคืนที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะปลดปล่อยพลไพร่ของพระองค์ ในขณะที่คนชั่วกำลังเยาะเย้ยอยู่รอบพวกเขา ในทันใดนั้นดวงอาทิตย์ก็ได้ปรากฏขึ้นฉายแสงกล้าและดวงจันทร์ยังคงอยู่นิ่ง คนชั่วมองดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ หมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่าง ๆ ได้ติดตามมาอย่างรวดเร็วสืบตามลำดับ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนผิดแปลกไปจากแนวทางธรรมชาติของมัน เหล่าวิสุทธิชนมองดูเครื่องหมายแห่งการช่วยให้รอดพ้นของพวกเขาด้วยความปีติอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งGCTh 88.1

ลำธารน้ำต่างหยุดไหล กลุ่มเมฆทะมึนหนาทึบลอยขึ้นมาและปะทะกัน แต่มีสถานที่หนึ่งใสกระจ่างด้วยสง่าราศีที่ปกคลุม จากที่นั่นพระสุรเสียงของพระเจ้าได้ถูกตรัสออกมาดังกระแสน้ำมากหลาย ซึ่งได้สั่นสะท้านทั่วทั้งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก มันได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ หลุมศพทั้งหลายต่างสั่นสะท้านเปิดออก และคนเหล่านั้นผู้ที่ได้ตายไปพร้อมกับความเชื่อในข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สามและรักษาวันสะบาโต ได้ก้าวออกมาจากเตียงนอนของพวกเขาที่เต็มไปด้วยฝุ่นธุลีดินและเต็มไปด้วยการถวายสง่าราศี เพื่อมาฟังพันธะสัญญาสันติสุขที่พระเจ้าจะทรงกระทำกับคนเหล่านั้นที่ได้รักษาพระราชบัญญัติของพระองค์GCTh 88.2

ท้องฟ้าได้เปิดออก ได้ปิดไป และอยู่ในความเกรียวกราวโกลาหล ภูเขาต่างสั่นสะท้านดังไม้อ้อไหวไปตามลมและทำให้เศษก้อนหินขรุขระกระเด็นกระดอนไปทั่ว น้ำทะเลเดือดราวกับหม้อต้มน้ำและเหวี่ยงก้อนหินทั้งหลายขึ้นมาบนผืนแผ่นดิน และในขณะที่พระเจ้าทรงดำรัสถึงวันและชั่วโมงของการเสด็จมาของพระเยซู และทรงตรัสพันธะสัญญาอันเป็นนิตย์ให้แก่พลไพร่ของพระองค์นั้น พระองค์ทรงตรัสประโยคหนึ่งและทรงหยุดนิ่ง ในขณะที่พระดำรัสได้ส่งเสียงกึกก้องไปตลอดทั่วแผ่นดินโลก ชนชาติอิสราเอลของพระเจ้าได้ยืนนิ่งด้วยสายตาของพวกเขาจดจ้องอยู่เบื้องบนฟังพระดำรัส ในขณะที่ถูกตรัสออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเยโฮวาห์ และส่งเสียงกึกก้องไปตลอดทั่วแผ่นดินโลกดังเสียงกระหึ่มของสายฟ้าฟาดที่ดังที่สุด มันช่างน่าครั่นคร้ามขนพองสยองเกล้ายิ่งนัก เมื่อสิ้นสุดแต่ละประโยคเหล่าวิสุทธิชนได้พากันร้องตะโกนว่า “สง่าราศี! ฮาเลลูยาห์!” สีหน้าของพวกเขาได้ส่องสว่างออกมาด้วยพระสง่าราศีของพระเจ้า และพวกเขาได้ฉายแสงด้วยสง่าราศีรุ่งโรจน์เช่นเดียวกับใบหน้าของโมเสส ครั้งเมื่อท่านได้ลงมาจากภูเขาซีนาย คนชั่วไม่สามารถมองดูพวกเขาได้เนื่องจากสง่าราศีนั้น และเมื่อพระพรที่ไม่เคยจะหมดสิ้นนั้นได้ถูกประกาศเพื่อคนเหล่านั้นที่ได้ถวายเกียรติแก่พระเจ้าในการรักษาวันสะบาโตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ก็ได้มีเสียงร้องตะโกนกึกก้องแห่งชัยชนะเหนือสัตว์ร้ายและเหนือรูปจำลองของมันGCTh 88.3

แล้วงานฉลองสมโภชก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อแผ่นดินควรจะได้หยุดพักผ่อน ข้าพเจ้าได้เห็นทาสผู้เคร่งครัดในศาสนาลุกขึ้นมาด้วยชัยชนะ และสลัดโซ่ตรวนที่ได้หน่วงเหนี่ยวเขาไว้ ในขณะที่นายทาสผู้ชั่วร้ายของเขานั้นกำลังอยู่ในความสับสนและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เนื่องจากคนชั่วไม่สามารถเข้าใจพระดำรัสแห่งพระสุรเสียงของพระเจ้าได้ ในไม่ช้าก็ได้ปรากฏกลุ่มเมฆขาวใหญ่ยิ่งนัก บุตรมนุษย์ทรงประทับอยู่บนเมฆนั้นGCTh 88.4

เมฆกลุ่มนี้เมื่อปรากฏในตอนแรกในระยะทางไกลนั้น ดูมีขนาดเล็กมาก ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวว่านั่นคือหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์ และในขณะที่เมฆนั้นได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้แผ่นดินโลกยิ่งขึ้น พวกเราสามารถมองดูสง่าราศีอันประเสริฐและความโอ่อ่าตระการของพระเยซูในขณะที่พระองค์ทรงประทับมาเพื่อปราบเอาชนะ ข้าราชบริพารทูตสวรรค์อันบริสุทธิ์สวมมงกุฎวาววับบนศีรษะของพวกท่าน ได้พิทักษ์คุ้มกันพระองค์ตลอดหนทาง ไม่มีภาษาใดที่จะสามารถบรรยายสง่าราศีแห่งฉากนั้นได้ เมฆแห่งความโอ่อ่าตระการที่มีชีวิตและสง่าราศีที่ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่านี้แล้ว ได้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น และพวกเราสามารถมองดูพระเยซูองค์เที่ยงแท้ผู้น่ารักใคร่ได้อย่างชัดเจน พระองค์มิได้ทรงสวมมงกุฎหนาม แต่ทรงสวมมงกุฎแห่งสง่าราศีที่ปกหน้าผากอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ที่ฉลองพระองค์และที่ต้นพระอูรุ (ต้นขา) ของพระองค์ มีพระนามจารึกว่า “ระมหากษัตริย์แห่งมหากษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวง” พระเนตรของพระองค์ดุจเปลวเพลิง พระบาทของพระองค์ดุจทองสัมฤทธิ์เงางาม พระสุรเสียงของพระองค์ดุจเสียงน้ำมากหลาย สีพระพักตร์ของพระองค์สว่างเจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์ในเวลาเที่ยงวัน แผ่นดินโลกสั่นไหวต่อพระพักตร์พระองค์ และท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่เขาม้วนขึ้นไปหมด และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็เลื่อนไปจากที่เดิม และกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต เศรษฐี นายทหารใหญ่ ผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสและเป็นอิสระ ก็ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภูเขา และพวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า “จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และให้พ้นจากพระพิโรธของพระเมษโปดกนั้น เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และผู้ใดจะทนอยู่ได้เล่า”GCTh 88.5

คนเหล่านั้นที่ไม่นานก่อนหน้านี้กำลังจะทำลายลูกหลานที่สัตย์ซื่อของพระเจ้าได้ให้ออกไปจากแผ่นดินโลกอยู่แล้วนั้น จำต้องเป็นพยานเห็นพระสง่าราศีของพระเจ้าที่ได้ปกคุลมเขาทั้งหลาย พวกเขาได้เห็นลูกหลานของพระเจ้าได้รับสง่าราศีรุ่งโรจน์ และท่ามกลางบรรดาฉากอันน่ากลัวยิ่งนักนี้ พวกเขาได้ยินเสียงของเหล่าวิสุทธิชนในท่วงทำนองที่เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีกล่าวว่า “ดูเถิด นี่คือพระเจ้าของเราทั้งหลาย เราได้รอคอยพระองค์ เพื่อว่าพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด” แผ่นดินโลกสั่นสะท้านกัมปนาทในขณะที่พระสุรเสียงของพระบุตรของพระเจ้าได้ตรัสเรียกเหล่าวิสุทธิชนที่กำลังหลับอยู่นั้น พวกท่านได้ร้องตอบการทรงเรียก และออกมาด้วยสวมความเป็นอมตะอันรุ่งเรืองร้องว่า “ชัยชนะ! ชัยชนะ! เหนือความตายและหลุมฝังศพ โอ ความตาย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน โอ หลุมฝังศพ ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน” แล้วเหล่าวิสุทธิชนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว และได้ถูกรับขึ้นไปกับบรรดาผู้ที่เป็นขึ้นมาจากความตาย และเขาทั้งหลายไปพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาในฟ้าอากาศพร้อมกัน โอ ช่างเป็นการพบกันที่เปี่ยมไปด้วยสง่าราศีอะไรเช่นนี้ มิตรสหายผู้ซึ่งความตายได้พรากจากกัน ก็ได้กลับมารวมกันเป็นหนึ่ง ไม่พรากจากกันอีกเลยGCTh 89.1

แต่ละข้างของราชรถแห่งเมฆนั้นได้มีปีก และภายใต้รถม้านั้นก็มีวงล้อวิ่งที่มีชีวิต และในขณะที่ราชรถแห่งเมฆได้แล่นขึ้นไปนั้น วงล้อเหล่านั้นก็ร้องขึ้นว่า “บริสุทธิ์” และบรรดาปีกเหล่านั้นในขณะที่บินไปก็ได้ร้องว่า “บริสุทธิ์” และข้าราชบริพารทูตสวรรค์อันบริสุทธิ์รอบเมฆนั้นก็ได้ร้องขึ้นว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า พระองค์ผู้ทรงศักดานุภาพใหญ่ยิ่ง” และเหล่าวิสุทธิชนในเมฆก็ได้ร้องว่า “สง่าราศี ฮาเลลูยา” แล้วราชรถก็ได้แล่นขึ้นไปสู่นครอันบริสุทธิ์ ก่อนที่จะเข้าไปสู่นครบริสุทธิ์นั้น เหล่าวิสุทธิชนได้ถูกจัดเรียงขึ้นในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสบริบูรณ์ มีพระเยซูทรงประทับอยู่ตรงกลาง พระองค์ทรงเป็นพระเศียรและบ่าเหนือเหล่าวิสุทธิชน และทรงเป็นพระเศียรและบ่าเหนือเหล่าทูตสวรรค์ พระฉายอันทรงสง่าผ่าเผยของพระองค์และสีพระพักตร์อันน่ารักใคร่นั้น ทุกคนที่อยู่ในสี่เหลี่ยมจัตุรัสต่างมองเห็นได้อย่างชัดเจนGCTh 89.2

โปรดอ่าน 2 พงษ์กษัตริย์ 2:11; อิสยาห์ 25:9; 1 โครินธ์ 15:51-55; เธสะโลนิกา 4:13-17; วิวรณ์ 1:13-16, 6:14-17, 19:16GCTh 89.3