Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

ปลายทาง แห่งความหวัง

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    การปรากฏของจอมกษัตริย์

    พระสุรเสียงของพระเจ้าประกาศให้ได้ยินบอกวันและชั่วโมงที่ พระคริสต์จะเสด็จมา ชาวอิสราเอลของพระเจ้ายืนฟัง ใบหน้าของทุกคน อิ่มเอิบไปด้วยพระสิริของพระองค์ ไม่นานต่อมามีเมฆสีดำก้อนเล็กๆ ปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออกเป็นก้อนเมฆที่ห้อมล้อมพระผู้ช่วยให้รอดไว้ ท่ามกลางความเงียบสงัด ประชากรของพระเจ้าเงยหน้าจ้องมองขึ้นไปยัง เบื้องบน ขณะที่เมฆก้อนนั้นค่อยๆ ลอยใกล้เข้ามา จนในที่สุดกลายเป็น เมฆสีขาวใหญ่โต ฐานของเมฆนั้นมีรัศมีรุ่งโรจน์เหมือนเปลวไฟที่เผาผลาญ และเหนือเมฆนั้นมีรุ้งแห่งคำสัญญา บัดนี้พระองค์มิใช่ “คนที่ได้รับความ เจ็บปวด” พระเยซูเสด็จมาในฐานะผู้มีช้ยชนะ ทูตสวรรค์จำนวนมากมาย เหลือคณานับ ได้ติดตามพระองค์ใป “นับเป็นโกฏิๆ แสนๆ” นัยน์ตาทุก ดวงมองเห็นเจ้าแห่งชีวิต มีมงกุฎที่มีรัศมีสุกปลั่งบนพระเศียร พระพักตร์ ของพระองค์มีรัศมีสุกใสยิ่งกว่าความสว่างของดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน “พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ด้นพระอุรุ [คำ ราชาศัพท์หมายถึง โคนขา] ของพระองค์ว่า กษัตริย์เหนือกษัตริย์ ทั้งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย” (วิวรณ์ 19:16)GrHTh 106.1

    กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย เสด็จลงมาบนก้อนเมฆที่มีเปลวไฟห่อหุ้มไว้ แผนดินโลกลั่นสะเทือน สะท้านเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ “พระเจ้าของเราเสด็จมาพระองค์ มิได้ทรงเงียบอยู่ เพสิงเผาผลาญมาข้างหน้าพระองค์ รอบพระองค์คือ วาตะอันทรงมหิทธิฤทธิ้ พระองค์ทรงเรียกถึงฟ้าสวรรค์เบื้องบนและ ถึงแผ่นดินโลก เพื่อพระองค์จะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์” (สดุดี 50:3, 4) “แล้วกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต นาย ทหารใหญ่ เศรษฐีผู้มีอำนาจ และทุกคนที่เป็นทาสและเป็นอิสระ ก็ซ่อน ตัวอยู่ในถํ้าและโขดหินตามภูเขา พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหิน ว่า จงล้มกับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ ผู้ประกับอยู่บนพระที่นั่ง และให้พ้นจากพระพิโรธของเมษโปดกนั่น เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้วและผู้ใดจะทน อยู่ได้เล่า” (วิวรณ์ 6:16-17)GrHTh 106.2

    เสียงพูดเยาะเย้ยสงบลง ปากที่พูดมุสานั่งเงียบ ไม่มีเสียงใดให้ ได้ยินเสียงนอกจากเสียงอธิษฐานและเสียงร้องไห้ครั้าครวญ คนชั่วร้าย วิงวอนขอให้หินบนภูเขาตกกับเขาเสียเพื่อจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับ พระองค์ผู้ที่พวกเขาเคยหมิ่นประมาทGrHTh 107.1

    เสียงซึ่งตังถึงหูของคนที่ตายแล้วพวกเขารู้ดี บ่อยครั้งส้กเท่าใด ที่สุรเสียงอันอ่อนโยนนั่นได้เรียกเขาให้กล้บใจ บ่อยครั้งส้กเท่าใดที่มี ผู้ใด้ยินเสียงนั่นในคำวิงวอนขอร้องของมิตรสหาย ของพี่น้องและจาก พระผู้ไถ่ เสียงนั่นฟ้นความทรงจำของผู้เหยียดหยามคำตักเตือน และ ผู้ที่ปฏิเสธคำเชื้อเชิญเหล่านั่นGrHTh 107.2

    บรรดาคนที่เคยเยาะเย้ยพระคริสต์เมื่อพระองค์ใด้ร้บการดูหมิ่น พระองค์ผู้ทรงเคยตรัสว่า “ในเวลาเบื้องหน้านั่นท่านทั้งหลายจะได้เห็น บุตรมนุษย์นั่งอยู่เบื้องขวาพระห้ตถ์ของผู้ทรงฤทธานุภาพ และเสด็จมา บนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์” (ม้ทธิว 26:64) เวลานี้พวกเขาได้เห็นพระองค์ ผู้ทรงพระสิริเป็นอันมาก พวกเขาจะยังไม่เหินพระองค์ประกับอยู่ที่เบื้อง ขวาของผู้ทรงฤทธานุภาพ เฮโรดผู้เย่อหยิ่งเคยเยาะเย้ยตำแหน่งของ พระองค์ คนที่เคยเอามงกุฎหนามสวมพระเศียรของพระองค์และเอาคทา เลียนแบบใส่ในพระหัตถ์ ประณามและเยาะเย้ยพระองค์ คนที่เคยถ่ม นั่าลายรดเจ้าแห่งชีวิต คนเหล่านี้หาทางหนีจากพระพักตร์ของพระองค์ คนที่เอาตะปูตอกพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์ได้เห็นรอยแผลเป็น เหล่านี้แล้วรู้สึกหวาดกล้วและเสียใจGrHTh 107.3

    บรรดาปุโรหิตและผู้ปกครองพาก้นหวนระลึกถึงเหตุการณ์ที่เนินเขา คาลวารีด้วยความหวาดกลัว พวกเขาเคยส่ายศีรษะแฝงด้วยความยินดี อ้นชั่วร้ายและร้องขึ้นว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้แต่ช่วยตัวเองไม่ได้” (มัทธิว 27:24) เสียงนั้นตังยิ่งกว่าเสียงตะโกนว่า “ตรึงเขาเสีย ตรึงเขา เสีย” ที่เคยตังก้องไปทั่วท้องถนนในกรุงเยรูซาเล็ม มีเสียงร้องคราครวญ ว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า” คนเหล่านั้นพยายามหลบช่อน ให้พ้นจากกษัตริย์เหนือกษ้ตริย์ทั่งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายนี้เสียGrHTh 108.1

    ในชีวิตของบรรดาผู้ปฏิเสธความจริง มีชั่วขณะหนึ่งที่ความสำนึก ผิดและชอบตื่นขึ้น เมื่อจิตวิญญาณของเขาถูกรบกวนด้วยความเศร้า เสียใจ สิ่งเหล่านี้จะนำไปเปรียบเทียบก้บความหวาดกลัวของวันนั้นได้ อย่างไร พวกเขาได้ยินบรรดาธรรมิกชนเหล่านั้นเปล่งเสียงร้องด้วยความ ยินดีว่า “นี่แหละนึ่คือพระเจ้าของเราทั่งหลาย เราได้คอยท่าพระองค์เพื่อ ว่าพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด” (อิสยาห์ 25:9)GrHTh 108.2

    พระสุรเสียงของพระบุตรพระเจ้าตรัสเรียกบรรดาธรรมิกชน คนที่ ตายแล้วทั่วแผ่นดินโลกจะได้ยินเสียงพระสุรเสียง และผู้ใดที่ได้ยินจะได้ ชีวิต ทั่งกองทัพใหญ่ของทุกชาติ ทุกเผ่าพ้นธุ ทุกภาษา และประชาชน คนเหล่านี้จะออกมาจากคุกแห่งความตาย สวมด้วยรัศมีอมตะ ต่างร้องว่า “โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน? โอ ความตาย เหล็กไนของเจ้า อยู่ที่ไหน?” (1 โครินธ์ 15:55)GrHTh 108.3

    ทุกคนออกมาจากหลุมฝังศพ ด้วยร่างกายอย่างเดียวเหมือนเมื่อ เขาเข้าสู่ความตาย แต่ทุกคนจะคืนชีพด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และมีกำลังแข็งแรงตังคนหนุ่มตลอดไป พระคริสต์เสด็จมาเพื่อนำสิ่งที่ สูญเสียไปนั้นกลับคืนมา พระองค์จะทรงเปลี่ยนร่างที่พิการของเขาและ บ้นดาลให้มีรัศมีเหมือนพระกายของพระองค์ สภาพที่ด้องตาย ที่ต้องเน่า เปีอย ซึ่งครั้งหนึ่งต้องมลทินด้วยบาป จะกลายเป็นร่างที่สมบูรณ์ งดงาม และเป็นอมตะ ความด่างพร้อยและความพิการทุกอย่างถูกทิ้งไว้ใน หลุมศพ บรรดาคนที่พระเจ้าทรงไถ่ให้รอดจะ “กระโดดโลดเต้น” (มาลาคี 4:2) มีร่างกายที่ได้สัดส่วนเต็มบริบูรณ์และเป็นสง่า เหมือน ครั้งที่พระเจ้าไต้ทรงสร้างเขาแด่แรกเริ่มนั้น ริ้วรอยของความผิดบาป ที่เป็นคำสาปแช่งไต้สูญสิ้นไป บรรดาประชากรที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์ จะมีความคิด จิตใจ และร่างกายสะท้อนให้เห็นฉายาที่สมบูรณ์แบบของ พระผู้เป็นเจ้าของเขาGrHTh 108.4

    บรรดาคนชอบธรรมที่มีชีวิตอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลง “ในชั่วกระพริบ ตาเดียว” เมื่อไต้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าดังขึ้น ทุกคนก็จะมีร่างกาย อมตะ และถูกรับขึ้นไปพร้อมบรรดาธรรมิกชนที่คืนชีพเพื่อพบก้บองค์ พระผู้เป็นเจ้าบนท้องฟ้า หมู่ทูตสวรรค์ “ให้รวบรวมคนทิ้งปวงที่พระองค์ ทรงเลือกสรรไว้แล้วทิ้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้าง โน้น” (มิทธิว 24:31) เหล่าทูตสวรรค์ที่บริสุทธิ๋อุ้มเด็กเล็ก มามอบใน อ้อมแขนของมารดา มิตรสหายที่พลัดพรากจากกันมาข้านานเพราะ ความตาย จะมาอยู่รวมกันไม่มีวันพรากจากกันอีกเลย คนเหล่านั้นลอย ขึ้นไปยังนครของพระเจ้าด้วยเสียงร้องเพลงแสดงความชื่นชมยินดีGrHTh 109.1

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents