Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

สงครามครั้งยิ่งใหญ่

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    บท 28 - เผชิญหน้ากับหนังสือบันทึกแห่งชีวิต

    ผู้เผยพระวจนะดาเนียลกล่าวว่า “ขณะที่ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ มีหลายบัลลังก์มาตั้งไว้ และผู้หนึ่งซึ่งเจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ ฉลองของพระองค์ขาวอย่างหิมะ พระเกศาบนพระเศียรเหมือนขนแกะขาวสะอาด พระบัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวเพลิง กงจักรของบัลลังก์นั้นเป็นไฟลุก ธารไฟพุ่งออกและไหลออกมาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ คนนับแสนๆ ปรนนิบัติพระองค์ คนนับล้านๆ เข้าเฝ้าพระองค์ ผู้พิพากษาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์ บรรดาหนังสือก็เปิดออก” ดาเนียล 7:9, 10 {GC 479.1}GCth17 416.1

    นี่คือภาพในนิมิตที่แสดงให้ผู้เผยพระวจนะเห็นถึงวันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวเมื่ออุปนิสัยและชีวิตของมนุษย์ทุกคนจะถูกนำมาตรวจสอบต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้ทรงพิพากษาของทั่วสากลโลก และมนุษย์ทุกคนจะได้รับผลตอบแทน “ตามการกระทำของเขา” มัทธิว 16:27 ผู้เจริญด้วยวัยวุฒิท่านนั้นคือพระเจ้าพระบิดา ผู้ประพันธ์สดุดีกล่าวไว้ว่า “ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายเกิดขึ้นมา ก่อนที่พระองค์ทรงให้กำเนิดแผ่นดินโลกและพิภพ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล” สดุดี 90:2 พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งชีวิตของคนทั้งหลายและเป็นบ่อเกิดแห่งกฎเกณฑ์ทั้งปวงที่จะใช้ในการพิพากษา และทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มากมายนับจำนวนเป็นแสนๆ เป็นล้านๆ ซึ่งเป็นผู้คอยดูแลช่วยเหลือและเป็นพยานจะเข้าร่วมในการพิพากษายิ่งใหญ่นี้ {GC 479.2}GCth17 416.2

    “นี่แน่ะ มีท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์มาพร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์ และท่านมาหาผู้เจริญด้วยวัยวุฒินั้น มีคนนำท่านมาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราชอาณาจักรทรงมอบไว้กับท่าน เพื่อชนทุกชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษาจะปรนนิบัติท่าน ราชอาณาจักรของท่านเป็นราชอาณาจักรนิรันดร์ซึ่งจะไม่มีที่สิ้นสุด” ดาเนียล 7:13, 14 การเสด็จมาของพระคริสต์ตามที่บรรยายไว้ในที่นี้ ไม่ใช่เป็นการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ พระองค์เสด็จมาหาผู้เจริญด้วยวัยวุฒิในสวรรค์เพื่อรับราชอำนาจและศักดิ์ศรีและราชอาณาจักรซึ่งจะทรงโปรดประทานให้พระองค์เมื่อพระราชกิจในฐานะคนกลางสิ้นสุดลง การเสด็จมาที่กล่าวถึงในที่นี้ไม่ใช่เป็นการเสด็จกลับมายังโลกครั้งที่สอง แต่เป็นการเสด็จมาซึ่งถูกทำนายไว้ล่วงหน้าในคำพยากรณ์ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 2300 วันสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1844 มหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ของเราเสด็จมาพร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์เพื่อเข้าไปยังอภิสุทธิสถานและ ณ ที่นั่น พระองค์ทรงปรากฏต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าเพื่อทำภารกิจสุดท้ายของการประกอบพิธีเพื่อมนุษย์ ซึ่งคือพระราชกิจแห่งการพิจารณาพิพากษาและการลบบาปให้แก่คนทั้งปวงที่ถูกแสดงให้เห็นว่าสมควรจะได้รับประโยชน์จากพระราชกิจของพระองค์ {GC 479.3}GCth17 416.3

    ในพิธีจำลองที่เป็นสัญลักษณ์นั้น เฉพาะคนเหล่านั้นที่เข้ามาอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าด้วยการสารภาพบาปและการกลับใจและบาปทั้งหลายของเขาถูกโอนไปยังสถานนมัสการผ่านทางเลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปแล้วเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในพิธีของวันลบมลทินบาปได้ ในวันยิ่งใหญ่แห่งการลบมลทินบาปและการพิจารณาพิพากษาสุดท้ายก็เป็นเช่นเดียวกัน เฉพาะผู้ที่แสดงตนว่าเป็นประชากรของพระเจ้าเท่านั้นจึงจะถูกนำเข้ามาสู่การพิจารณา ส่วนการพิพากษาคนชั่วเป็นอีกงานหนึ่งที่แยกออกไปอย่างชัดเจนและจะเกิดขึ้นในช่วงหลัง “การพิพากษาจะเริ่มต้นที่ครอบครัวของพระเจ้า และถ้าเริ่มต้นที่พวกเราก่อน ปลายทางของคนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร” 1 เปโตร 4:17 {GC 480.1}GCth17 417.1

    หนังสือบันทึกต่างๆ ในสวรรค์ที่บันทึกชื่อและการกระทำของมนุษย์จะเป็นตัวกำหนดการพิพากษาตัดสิน ผู้เผยพระวจนะดาเนียลกล่าวไว้ว่า “ผู้พิพากษาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์ บรรดาหนังสือก็เปิดออก” ผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์บรรยายภาพเดียวกันนี้เพิ่มเติมไว้ว่า “หนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ถูกเปิดออกด้วยคือหนังสือแห่งชีวิต คนตายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น” วิวรณ์ 20:12 {GC 480.2}GCth17 417.2

    หนังสือแห่งชีวิตประกอบด้วยรายชื่อของคนทั้งหมดที่เคยร่วมรับใช้พระเจ้า พระเยซูทรงบอกกับสาวกทั้งหลายให้ “จงชื่นชมยินดีที่ชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์” ลูกา 10:20 เปาโลกล่าวกับผู้ร่วมงานที่ซื่อสัตย์ว่า เขามี “ชื่อ….อยู่ในหนังสือแห่งชีวิตแล้ว” ฟีลิปปี 4:3 ในขณะที่ดาเนียลมองไปยังภายภาคหน้า เมื่อ “เวลายากลำบากอย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น” และประกาศว่า “ชนชาติของท่านจะได้รับการช่วยกู้คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ” และผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์กล่าวว่า ผู้ที่จะเข้าไปยังเมืองของพระเจ้า จะต้อง “มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิตของพระเมษโปดก” ดาเนียล 12:1 วิวรณ์ 21:27 {GC 480.3}GCth17 417.3

    “หนังสือม้วนหนึ่งสำหรับบันทึกความจำเฉพาะพระพักตร์” เป็นหนังสือบันทึกการกระทำดีของ “ผู้ที่เกรงกลัวพระยาห์เวห์และยกย่องพระนามของพระองค์” มาลาคี 3:16 คำพูดแห่งความเชื่อและการกระทำแห่งความรักของพวกเขาถูกบันทึกไว้ในสวรรค์ เนหะมีย์กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อพูดว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์…..ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์และขออย่าทรงลบล้างการดีทั้งหลายของข้าพระองค์ที่ข้าพระองค์ได้ทำเพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์” เนหะมีย์ 13:14 ในหนังสือสำหรับบันทึกความจำเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าเล่มนี้ ทุกการกระทำที่ทำด้วยความชอบธรรมจะถูกบันทึกไว้ชั่วนิรันดร์ การต่อต้านทุกการทดลอง การเอาชนะทุกความชั่ว การกล่าวทุกคำพูดแห่งความเมตตาจะถูกบันทึกในหนังสือเล่มนี้ไว้อย่างสัตย์ซื่อ ทุกการกระทำที่ทำด้วยความเสียสละ ทุกการอดทนต่อความเจ็บปวดและความโศกเศร้าเพื่อเห็นแก่พระคริสต์จะถูกบันทึกไว้ ผู้ประพันธ์สดุดีกล่าวไว้ว่า “พระองค์ทรงนับการระหกระเหินของข้าพระองค์ ทรงเก็บน้ำตาของข้าพระองค์ใส่ขวดของพระองค์ไว้ น้ำตานั้นไม่อยู่ในบัญชีของพระองค์หรือพระเจ้าข้า” สดุดี 56:8 {GC 481.1}GCth17 418.1

    มีการบันทึกบาปทั้งหลายของมนุษย์ไว้ด้วยเช่นกัน “พระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกอย่างเข้าสู่การพิพากษาพร้อมด้วยสิ่งเร้นลับทุกอย่าง ไม่ว่าดีหรือชั่ว” “คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดชอบถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา” พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “พวกท่านจะพ้นผิดหรือถูกตัดสินลงโทษก็เพราะคำพูดของท่าน” ปัญญาจารย์ 12:14 มัทธิว 12:36, 37 ความตั้งใจต่างๆ อันเร้นลับและเป้าหมายลับต่างๆ จะถูกบันทึกไว้อย่างไม่ผิดพลาด เพราะพระเจ้า “จะทรงเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด และจะทรงเผยความมุ่งหมายของจิตใจทั้งหลาย” 1 โครินธ์ 4:5 “ดูสิ มีการบันทึกไว้ต่อหน้าเรา…..ความชั่วของพวกเขาและความชั่วของบรรพบุรุษของเขารวมกัน พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้” อิสยาห์ 65:6, 7 {GC 481.2}GCth17 418.2

    ทุกการกระทำของมนุษย์จะถูกนำมาตรวจสอบต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและลงบันทึกไว้ว่าเป็นการกระทำที่ซื่อสัตย์หรือไม่ซื่อสัตย์ อีกด้านหนึ่งที่ตรงกับชื่อของแต่ละคนในบันทึกของสวรรค์เหล่านี้จะมีทุกคำพูดที่พูดผิด ทุกการกระทำที่เห็นแก่ตัว ทุกหน้าที่ที่ทำด้วยความไม่สัตย์ซื่อและบาปทุกๆ บาปที่ซ่อนเร้นและปิดบังไว้อย่างมีชั้นเชิง สิ่งเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ด้วยความแม่นยำอย่างน่าสะพรึงกลัว คำเตือนต่างๆ จากสวรรค์และบรรดาคำเตือนสอนจากสวรรค์ที่ถูกละเลย เวลาที่สูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ โอกาสที่ไม่ได้พัฒนาให้ดีขึ้น อิทธิพลที่มีผลต่อผู้อื่นทั้งในทางที่ดีหรือชั่ว ทูตสวรรค์จะจดบันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ตามลำดับเวลา {GC 482.1}GCth17 419.1

    ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นมาตรฐานของการพิพากษาเพื่อตรวจสอบอุปนิสัยและชีวิตของมนุษย์ นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า “จงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เพราะสิ่งนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทั้งปวง เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกอย่างเข้าสู่การพิพากษา” ปัญญาจารย์ 12:13, 14 อัครทูตยากอบเตือนสอนพี่น้องของท่านว่า “พวกท่านจงพูดและทำเหมือนอย่างคนที่จะถูกพิพากษาด้วยหลักเกณฑ์แห่งเสรีภาพ” ยากอบ 2:12 {GC 482.2}GCth17 419.2

    คนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินในการพิพากษาว่า “สมควร” จะเป็นผู้ที่มีส่วนในการเป็นขึ้นจากความตายของผู้ชอบธรรม พระเยซูตรัสว่า “คนที่นับว่าสมควรกับการอยู่ในยุคหน้า และการเป็นขึ้นจากความตาย .....เขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า คือบุตรของการเป็นขึ้นจากตาย” ลูกา 20:35, 36 และอีกครั้งหนึ่งพระองค์ทรงเปิดเผยว่า “คนที่ประพฤติดีก็เป็นขึ้นมาสู่ชีวิต” ยอห์น 5:29 ผู้ชอบธรรมที่ตายไปแล้วจะไม่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นมาจนกว่าการเสร็จสิ้นของการพิพากษาซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นคู่ควรต่อการ “เป็นขึ้นมาสู่ชีวิต” ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่ได้มาปรากฏตัวด้วยตนเองต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาเมื่อบันทึกต่างๆ ของพวกเขาถูกนำมาพิจารณาตรวจสอบและคดีของพวกเขาถูกตัดสิน {GC 482.3}GCth17 419.3

    พระเยซูจะทรงเป็นทนายของพวกเขา เพื่อแก้ต่างแทนพวกเขาต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า “ถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น” 1 ยอห์น 2:1 “เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ ซึ่งถอดแบบจากของจริง แต่พระองค์เสด็จเข้าไปในสวรรค์นั้นเอง เพื่อทรงปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อพวกเรา” “เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนทั้งหลายที่เข้ามาใกล้พระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นอย่างเต็มที่ เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ทุกเวลา เพื่อทูลเผื่อคนเหล่านั้น” ฮีบรู 9:24; 7:25 {GC 482.4}GCth17 419.4

    เมื่อหนังสือบันทึกต่างๆ ถูกเปิดออกในวันพิพากษา ชีวิตของมนุษย์ทุกคนที่เชื่อพระเยซูจะมาปรากฏต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า โดยเริ่มจากคนแรกที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ พระองค์ผู้ทรงเป็นทนายของเราจะนำเสนอคนที่มีชีวิตในยุคต่อๆ มา และจบการพิพากษาด้วยคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ชื่อของมนุษย์ทุกคนจะถูกเอ่ยถึง ทุกรายจะถูกพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน มีชื่อที่สอบผ่านและมีชื่อที่ถูกปฏิเสธ ใครก็ตามที่ยังมีบาปปรากฏเหลืออยู่ในหนังสือบันทึกซึ่งเป็นบาปที่ยังไม่ได้กลับใจและยังไม่ได้รับการอภัย ชื่อของพวกเขาเหล่านั้นจะถูกลบออกไปจากหนังสือแห่งชีวิต และบันทึกการดีของพวกเขาจะถูกลบออกไปจากหนังสือสำหรับบันทึกความจำเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยแก่โมเสสว่า “ผู้ใดทำบาปต่อเรา เราก็จะลบชื่อผู้นั้นจากหนังสือของเรา” อพยพ 32:33 และผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลกล่าวไว้ว่า “แต่เมื่อคนชอบธรรมหันจากความชอบธรรมของเขา และทำบาป.....ความชอบธรรมซึ่งเขาได้ทำมาแล้วนั้นจะไม่ถูกจดจำไว้อีก” เอเสเคียล 18:24 {GC 483.1}GCth17 420.1

    ทุกคนที่กลับใจจากบาปด้วยความจริงใจและยอมรับพระโลหิตของพระคริสต์เป็นเครื่องบูชาลบมลทินบาปด้วยความเชื่อ จะมีคำจารึกไว้ตรงชื่อของพวกเขาในหนังสือของสวรรค์ว่าบาปของพวกเขาได้รับอภัยแล้ว เมื่อพวกเขากลายมาเป็นผู้มีส่วนร่วมในความชอบธรรมของพระคริสต์และอุปนิสัยต่างๆ ของพวกเขาถูกค้นพบว่ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมบัญญัติของพระเจ้าแล้ว บาปต่างๆ ของพวกเขาจะถูกลบออกไปและจะถูกจัดว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ชีวิตนิรันดร์ พระเจ้าทรงประกาศผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “เรา เราเองคือผู้นั้น ผู้ลบล้างการทรยศของเจ้าด้วยเห็นแก่เราเอง และเราจะไม่จดจำบาปของเจ้า” อิสยาห์ 43:25 พระเยซูตรัสว่า “คนที่ชนะก็จะสวมเสื้อสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะรับรองชื่อของเขาเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์” “เพราะฉะนั้นทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นต่อเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ แต่ผู้ใดจะไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่ยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ด้วย” วิวรณ์ 3:5 มัทธิว 10:32, 33 {GC 483.2}GCth17 420.2

    คำพิพากษาของศาลในโลกนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ให้ความสนใจด้วยใจจดจ่อที่สุด แต่ความสนใจนี้เทียบไม่ได้กับที่ปรากฏออกมาให้เห็นในบัลลังก์พิพากษาของสวรรค์เมื่อรายชื่อที่บันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิตถูกนำขึ้นมาพิจารณาต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้ทรงพิพากษาโลกทั้งหลาย พระผู้ทรงเป็นทนายเสนอขอให้ทุกคนที่มีชัยชนะโดยความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์รับการอภัยจากการล่วงละเมิดเพื่อพวกเขาจะกลับเข้าไปอยู่ในบ้านสวนเอเดนของพวกเขาและถูกสถาปนาขึ้นเป็นผู้ร่วมรับมรดกซึ่งเป็น “อาณาจักรดั้งเดิม” ร่วมกับพระองค์ มีคาห์ 4:8 ซาตานคิดทำลายแผนการของพระเจ้าในการสร้างมนุษย์ด้วยความพยายามของมันในการหลอกและล่อลวงเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่บัดนี้พระคริสต์ทูลขอให้แผนการของพระเจ้าดำเนินต่อไปให้ถึงที่สุดราวกับว่ามนุษย์ไม่เคยล้มลงในบาป พระองค์ทรงทูลขอให้ประชากรของพระองค์ไม่เพียงแต่ได้รับการอภัยและการชำระบาปทั้งปวงอย่างหมดสิ้นเท่านั้น แต่ให้มีส่วนร่วมกับพระสิริของพระองค์และได้นั่งบนบัลลังก์ของพระองค์ด้วย {GC 483.3}GCth17 420.3

    ในขณะที่พระเยซูทรงแก้ต่างให้แก่ประชากรแห่งพระคุณของพระองค์ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า ซาตานกล่าวหาพวกเขาว่าเป็นผู้ล่วงละเมิด จอมหลอกลวงตัวยงลงแรงนำพวกเขาให้รู้สึกสงสัย เพื่อให้พวกเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในพระเจ้า หวังที่จะแยกพวกเขาออกไปจากความรักของพระองค์และทำผิดต่อธรรมบัญญัติของพระองค์ บัดนี้ มันชี้ไปยังหนังสือบันทึกชีวิตของพวกเขา ชี้ไปยังจุดบกพร่องต่างๆ ในอุปนิสัยที่หลู่พระเกียรติพระผู้ไถ่ของพวกเขาซึ่งมีความแตกต่างไปจากอุปนิสัยของพระคริสต์ มันชี้ไปยังบาปทั้งหมดที่มันล่อลวงให้พวกเขาทำ และจากทั้งหมดนี้ มันจึงอ้างว่า คนเหล่านี้อยู่ภายใต้การปกครองของมัน {GC 484.1}GCth17 421.1

    พระเยซูไม่ได้ทรงหาข้อแก้ตัวให้กับบาปทั้งหลายของพวกเขา แต่ทรงชี้ให้เห็นการสำนึกผิดและความเชื่อของพวกเขาและทรงอ้างสิทธิ์ที่พวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ พระองค์ทรงชูพระหัตถ์ที่มีรอยแผลขึ้นต่อเบื้องพระพักตร์พระบิดาและทูตสวรรค์บริสุทธิ์ทั้งหลาย พระองค์ตรัสว่า เรารู้จักชื่อของพวกเขา เราได้สลักพวกเขาไว้บนฝ่ามือของเรา “เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงปรารถนาคือจิตใจที่แตกสลาย ใจที่แตกสลายและสำนึกผิดนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงดูถูก” สดุดี 51:17 และพระองค์ทรงประกาศต่อผู้ที่กล่าวโทษประชากรของพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มทรงว่ากล่าวเจ้า นี่เป็นดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟไม่ใช่หรือ” เศคาริยาห์ 3:2 พระคริสต์จะทรงสวมความชอบธรรมของพระองค์เองให้แก่ผู้ที่สัตย์ซื่อของพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงนำพวกเขาเข้ามาหาพระบิดาเป็น “คริสตจักรที่มีศักดิ์ศรี ไม่มีด่างพร้อย ริ้วรอยหรือมลทินใดๆ เลย” เอเฟซัส 5:27 ชื่อของคนเหล่านั้นยังคงจารึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตและมีบันทึกเกี่ยวกับพวกเขาว่า “พวกเขาจะดำเนินไปกับเราในชุดสีขาว เพราะว่าเขาเป็นคนที่คู่ควร” วิวรณ์ 3:4 {GC 484.2}GCth17 421.2

    ด้วยประการฉะนี้ พระสัญญาแห่งพันธสัญญาใหม่จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ว่า “เราจะให้อภัยความผิดบาปของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป” “พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้นจะหาความผิดบาปในอิสราเอลไม่พบเลย จะหาบาปในยูดาห์ก็จะไม่พบเลย” เยเรมีย์ 31:34; 50:20 “ในวันนั้นกิ่งของพระยาห์เวห์จะงดงามและรุ่งโรจน์ และผลิตผลของแผ่นดินจะเป็นความภูมิใจ และเป็นเกียรติของผู้รอดตายในอิสราเอล และคนที่เหลืออยู่ในศิโยนและตกค้างอยู่ในเยรูซาเล็มจะถูกเรียกว่าบริสุทธิ์ คือทุกคนที่ถูกบันทึกว่ามีชีวิตในเยรูซาเล็ม” อิสยาห์ 4:2, 3 {GC 485.1}GCth17 422.1

    พระราชกิจแห่งการพิจารณาพิพากษาและการลบบาปออกไปนั้นจะต้องทำให้เสร็จก่อนการเสด็จกลับมาครั้งที่สองขององค์พระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากคนที่ตายไปแล้วจะถูกพิพากษาตามสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือ จึงเป็นไปไม่ได้ที่บาปทั้งหลายของมนุษย์จะถูกลบออกไปจนกว่าการพิพากษาจะเสร็จสิ้นซึ่งในการพิพากษานี้กรณีของพวกเขาจะได้รับการตรวจสอบ แต่อัครทูตเปาโลกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า บาปของผู้เชื่อจะถูกลบทิ้งไป “วาระพักผ่อนหย่อนใจจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า” และพระเจ้า “จะประทานพระคริสต์ที่ทรงกำหนดไว้นั้น” กิจการ 3:19, 20 TBS 1971, THSV เมื่อการพิจารณาพิพากษาตรวจสอบเสร็จสิ้น พระคริสต์จะเสด็จมาพร้อมกับบำเหน็จของพระองค์เพื่อประทานให้กับทุกคนตามการกระทำของเขา {GC 485.2}GCth17 422.2

    ในพิธีจำลองที่เป็นสัญลักษณ์นั้น เมื่อมหาปุโรหิตทำพิธีลบบาปให้ชนชาติอิสราเอลแล้ว เขาจะก้าวออกมาและอวยพรแก่คนที่ร่วมชุมนุมกันอยู่ ในทำนองเดียวกัน เมื่อพระราชกิจในฐานะคนกลางของพระเยซูสิ้นสุดลงแล้ว พระองค์จะเสด็จออกมาปรากฏในสภาพที่ปราศจากบาปเพื่อ “นำความรอดมาให้” (ฮีบรู 9:28) เพื่อประทานพระพรแห่งชีวิตนิรันดร์ให้แก่ประชากรที่รอคอยพระองค์ เช่นเดียวกับปุโรหิตที่นำบาปออกมาจากสถานนมัสการแล้วสารภาพลงบนหัวของแพะของอาซาเซล พระคริสต์ก็จะทรงนำบาปเหล่านี้ทั้งหมดวางลงบนซาตานซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดและส่งเสริมบาป แพะของอาซาเซลที่รับบาปของชนชาติอิสราเอลจะถูกนำไปปล่อย “ยังที่เปลี่ยว.....ถิ่นทุรกันดาร” (เลวีนิติ 16:22) ในทำนองเดียวกัน ซาตานจะรับมลทินบาปต่างๆ ทั้งหมดที่มันเป็นผู้ก่อเหตุให้ประชากรของพระเจ้าทำความผิด มันจะถูกขังเป็นระยะเวลาหนึ่งพันปีอยู่ในโลกซึ่งจะกลายเป็นที่ร้างไม่มีผู้คนอาศัย และในที่สุดมันจะรับโทษเต็มขนาดของบาปในไฟที่จะทำลายคนชั่วทั้งหมด ด้วยประการฉะนี้ แผนการไถ่อันยิ่งใหญ่จะสำเร็จเมื่อบาปถูกทำลายให้สูญสิ้นไป และทุกคนที่เต็มใจละทิ้งความชั่วจะได้รับความรอด {GC 485.3}GCth17 422.3

    เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการพิพากษาคือเมื่อเวลา 2300 วันสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1844 การพิจารณาตรวจสอบและการลบบาปต่างๆ ได้เริ่มต้นขึ้น ทุกคนที่เคยรับพระนามของพระคริสต์มาไว้กับตัว จะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตและผู้ที่ตายไปแล้วจะถูกพิพากษา “ ตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น” วิวรณ์ 20:12 {GC 486.1}GCth17 423.1

    บาปทั้งหลายที่ยังไม่ได้กลับใจและละทิ้งไปจะไม่ได้รับการอภัยและจะไม่ถูกลบออกจากหนังสือที่จดบันทึกไว้ แต่จะคงอยู่เพื่อเป็นพยานปรักปรำคนบาปในวันของพระเจ้า เขาอาจทำบาปนั้นในความสว่างของเวลากลางวันหรือในความมืดของยามค่ำคืน แต่สิ่งเหล่านี้จะถูกเปิดเผยและปรากฏให้เห็นต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ผู้ซึ่งเราต้องเผชิญหน้าด้วย ทูตสวรรค์ของพระเจ้ามองเห็นบาปทุกอย่างและบันทึกสิ่งเหล่านั้นไว้ในหนังสือบันทึกซึ่งไม่ผิดพลาด บาปนั้นอาจถูกทำอย่างซ่อนเร้น ถูกปฏิเสธ ถูกปกปิดจากพ่อ แม่ ภรรยา ลูก หรือเพื่อนๆ ความผิดที่อาจไม่มีผู้ใดสงสัยนอกจากตัวเขาเอง แต่กลับถูกเปิดออกอย่างหมดเปลือกต่อหน้าสายลับชาวสวรรค์ ความมืดของยามค่ำคืนที่มืดมิดที่สุด การอำพรางอย่างมีศิลปะแห่งการหลอกลวงทั้งปวง ไม่พอเพียงที่จะปกปิดแม้สักความคิดหนึ่งจากการรับรู้ของพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ พระเจ้าทรงมีบันทึกที่แม่นยำของทุกการกระทำที่ไม่เป็นธรรมและทุกการซื้อขายที่ไม่ยุติธรรม การประพฤติที่แสดงออกว่าเคร่งศาสนาไม่สามารถหลอกพระองค์ได้ พระองค์ไม่เคยประเมินอุปนิสัยของใครผิด มนุษย์อาจถูกผู้ที่มีใจคดโกงหลอก แต่พระเจ้าทรงเจาะผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่ซ่อนเร้นไว้ และอ่านความในใจของชีวิตได้ {GC 486.2}GCth17 423.2

    ช่างเป็นแนวคิดที่น่าเคร่งขรึมเกรงขามเพียงไร วันแล้ววันเล่าเรื่อยไปจนถึงนิรันดร์กาลที่หนังสือแห่งสวรรค์ยังคงทำการบันทึกตลอดมา คำพูดต่างๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยพูดออกไปและกิจกรรมที่ครั้งหนึ่งเคยทำจะถูกเรียกกลับคืนไม่ได้ ทูตสวรรค์จดบันทึกทั้งสิ่งที่ดีและชั่ว ผู้พิชิตยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไม่อาจเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วคืนมาได้แม้เพียงสักวันเดียว การกระทำต่างๆ ของเรา คำพูดทั้งหลายของเรา แม้แต่แรงจูงใจต่างๆ ที่เร้นลับที่สุดของเรา ทั้งหมดนี้มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมของเราว่าเราจะได้พบกับความผาสุกหรือความทุกข์ ถึงแม้เราอาจลืมสิ่งที่เราทำไปแล้ว แต่สิ่งเหล่านั้นจะเป็นพยานเพื่อนำไปสู่ความบริสุทธิ์หรือเพื่อนำไปสู่การลงโทษ {GC 486.3}GCth17 423.3

    ดั่งจิตรกรที่วาดสัดส่วนของใบหน้าด้วยความแม่นยำลงบนผืนผ้าใบที่สะอาด หนังสือเบื้องบนก็จะบันทึกอุปนิสัยอย่างสัตย์ซื่อด้วย แต่กระนั้น ช่างไม่ค่อยมีใครรู้สึกกังวลใจที่ชาวสวรรค์จะมองเห็นบันทึกการกระทำเหล่านั้น ถ้าผ้าม่านที่แยกระหว่างสิ่งที่ตามองเห็นกับที่ตามองไม่เห็นจะถูกเปิดออก และเหล่าบุตรของมวลมนุษย์จะมองเห็นทูตสวรรค์ที่กำลังคอยจดบันทึกคำพูดทุกคำและการกระทำทุกอย่างที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้าอีกครั้งในวันพิพากษาแล้ว ในแต่ละวันจะมีคำพูดสักกี่คำที่พวกเขาจะไม่พูด และมีการกระทำสักกี่อย่างที่พวกเขาจะไม่ทำ {GC 487.1}GCth17 424.1

    ในการพิพากษา ทุกตะลันต์ความสามารถจะถูกนำมาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนว่ามีการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร เราใช้ต้นทุนที่สวรรค์ให้เรายืมมานั้นอย่างไร เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมา พระองค์จะทรงได้รับต้นทุนของพระองค์กลับคืนพร้อมดอกเบี้ยหรือไม่ เราพัฒนาความสามารถที่ทรงฝากเราไว้ในมือและในใจและในสมองของเราเพื่อถวายเกียรติพระเจ้าและเพื่อเป็นพระพรแก่โลกอย่างไร เราใช้เวลาของเรา ปากกาของเรา เสียงของเรา เงินทองของเรา และอิทธิพลของเราอย่างไร เราทำถวายพระคริสต์เพื่อคนยากจน คนทุกข์ยาก คนกำพร้าหรือแม่ม่ายอย่างไร พระเจ้าทรงแต่งตั้งให้เราเป็นผู้ดูแลพระวจนะอันบริสุทธิ์ของพระองค์ เราทำอะไรกับแสงสว่างและความจริงที่ทรงโปรดประทานให้เราเพื่อนำคนอื่นให้ได้รู้ถึงความรอด การอ้างตนว่าเชื่อพระคริสต์นั้นไม่มีคุณค่าใดๆ แต่ความรักที่แสดงออกมาให้เห็นเป็นการกระทำเท่านั้นที่ถือว่ามีคุณค่าที่แท้จริง แต่กระนั้น ในสายตาของชาวสวรรค์ มีเพียงความรักที่ทำให้การกระทำเกิดคุณค่าขึ้นมา ไม่ว่าการกระทำใดๆ ที่ทำด้วยความรัก การกระทำนั้นอาจเล็กน้อยที่สุดในสายตาของมนุษย์ แต่พระเจ้าทรงยอมรับและตอบแทนการกระทำนั้น {GC 487.2}GCth17 424.2

    ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ซ่อนอยู่จะถูกเปิดเผยไว้ในหนังสือของสวรรค์ มีบันทึกของการละเลยหน้าที่ต่างๆ ที่ต้องทำให้กับเพื่อนมนุษย์และการละลืมการทรงเรียกร้องของพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาจะได้เห็นจากหนังสือเล่มนี้ว่าพวกเขาใช้เวลา ความคิด และพละกำลังที่ควรเป็นของพระคริสต์ไปให้กับซาตานบ่อยแค่ไหน เป็นบันทึกน่าเศร้าที่ทูตสวรรค์ต้องนำไปยังสวรรค์ มนุษย์ที่มีปัญญาและแสดงตนว่าติดตามพระคริสต์กลับหมกมุ่นอยู่กับการสะสมทรัพย์สมบัติทางฝ่ายโลกหรือสนุกสนานกับความเพลิดเพลินทางโลก พวกเขาสังเวยเงินทอง เวลาและกำลังให้กับการโอ้อวดและสนองตัณหาของตนเอง แต่ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการอธิษฐาน การศึกษาพระคัมภีร์ การถ่อมตนและการสารภาพบาป {GC 487.3}GCth17 424.3

    ซาตานค้นหากลวิธีอย่างนับไม่ถ้วนเพื่อครอบครองความคิดของเรา จนทำให้เราไม่ใส่ใจกับงานที่เราควรทำความคุ้นเคยมากที่สุด จอมหลอกลวงเกลียดชังความจริงยิ่งใหญ่ต่างๆ ที่เปิดเผยให้เห็นเครื่องบูชาลบมลทินบาปและคนกลางผู้มีอำนาจอย่างเต็มล้น มันรู้ดีแก่ใจว่า ในการที่จะได้ผลตามที่มันต้องการนั้น มันจะต้องหันเหความคิดให้ออกไปจากพระเยซูและจากความจริงของพระองค์ {GC 488.1}GCth17 425.1

    ผู้ที่ต้องการรับผลประโยชน์จากการทรงเป็นคนกลางของพระผู้ช่วยให้รอดจะต้องไม่ยอมให้สิ่งใดมาขัดขวางความพยายามของเขาที่จะไปให้ถึงความบริสุทธิ์ที่สมบูรณ์แบบด้วยความยำเกรงพระเจ้า เขาจะต้องใช้เวลาอันมีค่าเพื่อการศึกษาความจริงของพระคำด้วยความจริงใจและด้วยการอธิษฐาน แทนที่จะใช้ไปกับความสนุกสนานเพลิดเพลิน การโอ้อวดหรือการแสวงหาผลกำไร ประชากรของพระเจ้าจะต้องเข้าใจเรื่องสถานนมัสการและการพิจารณาพิพากษาอย่างถ่องแท้ ทุกคนต้องมีความรู้เรื่องตำแหน่งและพระราชกิจของมหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ หาไม่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะนำความเชื่อซึ่งจำเป็นสำหรับช่วงเวลานี้ออกมาใช้หรือเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้เขาไปอยู่ ทุกคนมีจิตวิญญาณที่จะต้องช่วยให้รอดหรือปล่อยให้พินาศ แต่ละคนมีคดีที่จะต้องขึ้นศาลของพระเจ้า แต่ละคนจะต้องเผชิญหน้ากับพระผู้พิพากษาผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญมากเพียงไรที่สมองของทุกคนจะต้องไตร่ตรองอยู่เสมอถึงภาพเหตุการณ์อันสำคัญเคร่งขรึมเมื่อการพิพากษาจะเกิดขึ้นและหนังสือบันทึกต่างๆ จะถูกเปิดออก เมื่อทุกคนพร้อมกับดาเนียลจะยืนขึ้นในส่วนที่กำหนดไว้ เมื่อสิ้นสุดวันทั้งหลายนั้น ดาเนียล 12:13 TKJV {GC 488.2}GCth17 425.2

    ทุกคนที่ได้รับแสงสว่างในหัวข้อเรื่องเหล่านี้จะต้องเป็นพยานให้กับความจริงอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้พวกเขา สถานนมัสการในสวรรค์เป็นจุดศูนย์กลางการปฏิบัติพระราชกิจของพระคริสต์เพื่อมนุษย์ มันเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณทุกดวงที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ สถานนมัสการในสวรรค์เปิดให้เห็นถึงแผนการไถ่ให้รอดซึ่งกำลังนำเราไปสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของการสิ้นยุคและกำลังเปิดเผยให้เห็นเรื่องราวแห่งชัยชนะของการต่อสู้ระหว่างความชอบธรรมและบาป เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องตรวจสอบหัวข้อเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดและสามารถให้คำตอบแก่ทุกคนที่ถามถึงเหตุผลของความหวังที่มีอยู่ในนั้นได้ {GC 488.3}GCth17 425.3

    การอุทธรณ์ของพระคริสต์เพื่อมนุษย์ในสถานนมัสการเบื้องบนเป็นสิ่งจำเป็นต่อแผนการแห่งความรอดเท่าเทียมกับการตายของพระองค์บนกางเขน โดยการตายของพระคริสต์ พระองค์ทรงเริ่มพระราชกิจนั้นซึ่งภายหลังจากการเป็นขึ้นจากความตายแล้วได้เสด็จขึ้นไปทำต่อให้สำเร็จในสวรรค์ เราจะต้องเข้าไปภายในม่านด้วยความเชื่อ “พระเยซูผู้ทรงนำหน้าเสด็จเข้าไปก่อนเพื่อเรา” ฮีบรู 6:20 ณ ที่นั่น ความสว่างจากกางเขนแห่งคาลวารีถูกสะท้อนออกมา ณ ที่นั่นเราจะเข้าใจความลึกลับของการไถ่ให้รอดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การช่วยมนุษย์ให้รอดบรรลุความสำเร็จได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ประเมินค่าไม่ได้ของสวรรค์ เครื่องบูชาที่ถวายมีค่าเทียบเท่ากับคำเรียกร้องที่เต็มขนาดของธรรมบัญญัติของพระเจ้าที่ถูกล่วงละเมิด พระเยซูทรงเปิดทางที่จะไปยังบัลลังก์ของพระบิดา และโดยการทรงเป็นคนกลางของพระองค์ ทุกคนที่ต้องการอย่างจริงใจที่จะเข้ามาหาพระองค์ด้วยความเชื่ออาจจะเข้ามาถึงเบื้องพระพักตร์พระเจ้าได้ {GC 489.1}GCth17 426.1

    “ผู้ซ่อนการละเมิดของตนไว้จะไม่เจริญ แต่ผู้สารภาพและทิ้งมันจะได้ความกรุณา” สุภาษิต 28:13 หากผู้ที่ปกปิดและหาข้อแก้ตัวให้กับความผิดต่างๆ ของตนมองเห็นว่าซาตานมีความยินดีปรีดาเพียงใด และมันเยาะเย้ยพระคริสต์และทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพราะการกระทำของพวกเขาอย่างไร พวกเขาก็คงจะเร่งรีบสารภาพบาปทั้งหลายของตนเองและขจัดมันทิ้งไป ซาตานกระทำเพื่อการควบคุมความคิดทั้งหมดโดยผ่านทางความบกพร่องต่างๆ ในอุปนิสัยและมันรู้ดีว่าหากพวกเขาเก็บสงวนความบกพร่องเหล่านี้ไว้ มันก็จะประสบชัยชนะ ด้วยเหตุนี้ มันจึงคอยหาโอกาสที่จะหลอกผู้ติดตามพระคริสต์ด้วยเล่ห์ที่ร้ายกาจของมันอยู่เสมอเพื่อพวกเขาจะไม่มีทางเอาชนะได้ แต่พระเยซูทรงทูลขอเผื่อเขาทั้งหลายด้วยพระหัตถ์ที่มีบาดแผลและพระวรกายที่ฟกช้ำ และพระองค์ทรงประกาศให้กับทุกคนที่จะติดตามพระองค์ว่า “พระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า” 2 โครินธ์ 12:9 “จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” มัทธิว 11:29, 30 อย่าให้ผู้ใดคิดว่าความบกพร่องทั้งหลายของเขารักษาให้หายไม่ได้ พระเจ้าจะประทานความเชื่อและพระคุณที่จะเอาชนะสิ่งเหล่านี้ {GC 489.2}GCth17 426.2

    เรากำลังมีชีวิตอยู่ในวันยิ่งใหญ่ของการลบมลทินบาป ในพิธีจำลองที่เป็นสัญลักษณ์นั้น เมื่อมหาปุโรหิตทูลขอการลบบาปให้ชนชาติอิสราเอล ทุกคนจะต้องบังคับใจตัวเองด้วยการสำนึกผิดจากบาปและถ่อมตนต่อเบื้องพระพักตร์องค์พระผู้เป็นพระเจ้า ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาอาจจะถูกไล่ออกจากท่ามกลางชนชาติอิสราเอล เลวีนิติ 23:27, 29 TBS 1971, THSV ในทำนองเดียวกัน ในช่วงที่เวลาแห่งพระกรุณาธิคุณของเขามีเหลือไม่มากนัก ทุกคนที่ต้องการมีชื่อคงอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตจะต้องบังคับจิตใจของตนเองต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าด้วยการเสียใจต่อบาปและการกลับใจอย่างแท้จริงนับตั้งแต่ตอนนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบจิตใจอย่างถี่ถ้วนและสัตย์ซื่อ คนจำนวนมากที่อ้างว่าตนเป็นคริสเตียนจะต้องขจัดจิตใจที่เล่นๆไม่จริงจังทิ้งไป มีการต่อสู้ที่สำคัญอยู่เบื้องหน้าของทุกคนที่ต้องการเอาชนะความโน้มเอียงชั่วที่พยายามควบคุมพวกเขา การเตรียมพร้อมเป็นงานที่แต่ละคนต้องทำด้วยตนเอง เราไม่ได้รอดเป็นหมู่คณะ ความบริสุทธิ์และการอุทิศตนของคนหนึ่งไปทดแทนคุณลักษณะที่ขาดไปของอีกคนหนึ่งไม่ได้ แม้ว่าคนทุกชาติจะต้องผ่านการตรวจสอบในการพิพากษาต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า แต่กระนั้นพระองค์จะทรงตรวจสอบแต่ละกรณีอย่างละเอียดและระมัดระวังราวกับว่าไม่มีคนอื่นใดในโลกนี้อีกแล้ว ทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบและจะต้องปราศจากตำหนิหรือริ้วรอยหรือความบกพร่องใดๆ {GC 489.3}GCth17 426.3

    เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจปิดท้ายของการลบมลทินบาปนั้น ช่างน่าเคร่งขรึมสำคัญยิ่งนัก ความสนใจต่อสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในขณะนี้การพิพากษานี้กำลังดำเนินอยู่ในสถานนมัสการเบื้องบน และดำเนินต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลาหลายปี ในเร็ววันนี้ รวดเร็วเพียงไรไม่มีผู้ใดทราบ การพิจารณานี้จะดำเนินมาถึงผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตของเราจะปรากฏอย่างน่าสะพรึงกลัวต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าเพื่อรับการตรวจสอบ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จิตวิญญาณทุกดวงจะต้องรับฟังคำตักเตือนของพระผู้ช่วยให้รอดในช่วงเวลานี้มากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ว่า “จงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าวันนั้นหรือเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่” มาระโก 13:33 “ถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น เราจะมาเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าชั่วโมงไหน” วิวรณ์ 3:3 {GC 490.1}GCth17 427.1

    เมื่องานการพิจารณาพิพากษาปิดฉากลง ชะตากรรมของทุกคนจะถูกตัดสินว่าจะมีชีวิตหรือตาย เวลาแห่งพระกรุณาธิคุณจะสิ้นสุดลงเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนการเสด็จมาปรากฏขององค์พระผู้เป็นเจ้าในหมู่เมฆบนท้องฟ้า ในพระธรรมวิวรณ์ พระคริสต์ทรงมองไปยังเวลานั้นและประกาศว่า “จงให้คนอธรรมประพฤติการอธรรมต่อไป จงให้คนโสมมประพฤติการโสมมต่อไป จงให้คนชอบธรรมทำการชอบธรรมต่อไป และจงให้คนบริสุทธิ์เป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป ‘นี่แน่ะ เราจะมาในเร็วๆ นี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนตามการกระทำของแต่ละคน’” วิวรณ์ 22:11, 12 {GC 490.2}GCth17 427.2

    คนชอบธรรมและคนชั่วจะยังคงดำรงชีวิตอยู่ในโลกในสภาพมตะของเขา คือ คนทั้งหลายจะยังคงกำลังเพาะปลูกและก่อสร้าง กำลังกินและดื่ม ทุกคนไม่ได้ตระหนักเลยว่าการตัดสินสุดท้ายซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้กำลังถูกประกาศอยู่ในสถานนมัสการเบื้องบน ในสมัยก่อนน้ำท่วมโลก ภายหลังจากที่โนอาห์เข้าไปในนาวาแล้ว พระเจ้าทรงกักเก็บตัวเขาไว้และทรงปิดประตูไม่ให้คนชั่วร้ายเข้าไป แต่ทว่าเป็นเวลาเจ็ดวันที่คนทั้งหลายไม่รู้ว่าหายนะของพวกเขาถูกกำหนดไว้แล้ว พวกเขายังคงดำเนินชีวิตที่สะเพร่า รักสนุก และเยาะเย้ยคำเตือนเรื่องการพิพากษาที่กำลังจะมาถึง พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้น” มัทธิว 24:39 ดั่งขโมยในยามเที่ยงคืนที่มาอย่างเงียบๆ ไม่มีใครรู้เห็น ชั่วโมงแห่งการตัดสินก็จะมาถึงเช่นนั้น ชั่วโมงซึ่งเป็นจุดที่กำหนดชะตากรรมของมนุษย์ทุกคน ซึ่งเป็นการเพิกถอนครั้งสุดท้ายของข้อเสนอแห่งความเมตตาที่มีใหกับบรรดาผู้ที่ทำผิด {GC 491.1}GCth17 427.3

    “เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่.......หากเจ้าของบ้านกลับมาอย่างฉับพลัน ท่านอาจพบว่าพวกท่านกำลังนอนหลับอยู่” มาระโก 13:35, 36 สภาพที่อันตรายจะเป็นของผู้ที่เมื่อยล้าในการรอคอยและหันไปหาสิ่งเย้ายวนของโลก ในขณะที่นักธุรกิจกำลังหมกมุ่นอยู่กับการติดตามการค้ากำไร ในขณะที่คนรักความสนุกหรรษากำลังคอยมองแต่การตามใจตนเอง ในขณะที่บุตรสาวของแฟชั่นกำลังจัดเตรียมเครื่องประดับ อาจเป็นเวลาที่พระผู้ทรงพิพากษาคนทั้งโลกจะประกาศคำตัดสินว่าเจ้า “ถูกชั่งในตราชู ทรงเห็นว่ายังขาดอยู่” ดาเนียล 5:27 {GC 491.2}GCth17 427.4

    *****

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents