Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

สงครามครั้งยิ่งใหญ่

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บท 38 - คำเตือนสุดท้าย

    “หลังจากนี้ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านมีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่และรัศมีของท่านทำให้แผ่นดินโลกสว่าง ท่านร้องประกาศด้วยเสียงกึกก้องว่า ‘บาบิโลนมหานครพังทลายแล้ว พังทลายแล้ว กลายเป็นที่อาศัยของพวกผี เป็นที่อยู่ของวิญญาณทุกชนิดที่โสโครก เป็นที่อยู่ของนกทุกชนิดที่โสโครก’” “และข้าพเจ้าได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งจากสวรรค์กล่าวว่า ‘จงออกมาจากนครนั้นเถิด ชนชาติของเราเอ๋ยเพื่อเจ้าจะไม่มีส่วนกับบาปของนครนั้น และเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่ต้องรับภัยพิบัติของนครนั้น’” วิวรณ์ 18:1, 2, 4 {GC 603.1}GCth17 525.1

    ข้อพระคัมภีร์นี้ชี้ไปยังภายภาคหน้าเมื่อข่าวการพังทลายของนครบาบิโลนตามที่ทูตสวรรค์องค์ที่สองแห่งพระธรรมวิวรณ์บทที่ 14 (ข้อ 8) เคยประกาศไว้จะถูกนำขึ้นมาประกาศซ้ำอีกครั้งหนึ่ง จะมีการกล่าวเพิ่มเติมถึงความเสื่อมทรามชั่วช้าทั้งปวงซึ่งเข้ามาสู่ถาบันต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของบาบิโลนตั้งแต่ข่าวนี้ถูกประกาศออกไปครั้งแรกในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1844 สภาพอันเลวร้ายของโลกศาสนาถูกบรรยายไว้ ณ ที่นี้ ทุกครั้งที่มีการปฏิเสธความจริง ความนึกคิดของประชากรจะยิ่งมืดมัวลง จิตใจของพวกเขาจะดื้อดึงมากยิ่งขึ้นซึ่งจะฝังตัวลึกเข้าไปจนกลายเป็นจิตใจแข็งกระด้างไม่เลื่อมใสในศาสนา พวกเขาท้าทายคำเตือนซึ่งพระเจ้าประทานมาให้ด้วยการเหยียบย่ำคำสอนในพระบัญญัติสิบประการข้อใดข้อหนึ่งอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพวกเขาถูกชักนำให้กดขี่ข่มเหงผู้ที่ยึดถือความศักดิ์สิทธิ์ของพระบัญญัติข้อนั้น พวกเขาทำให้พระคริสต์หมดคุณค่าด้วยการเหยียบย่ำพระวจนะและประชากรของพระองค์ ในขณะที่คริสตจักรยอมรับคำสอนของลัทธิทรงวิญญาณนั้น เครื่องหน่วงเหนี่ยวที่ควบคุมจิตใจฝ่ายเนื้อหนังจะถูกขจัดออกไป และการนับถือศาสนาจะกลายเป็นเพียงเปลือกนอกที่คอยปกปิดความชั่วที่ต่ำช้าที่สุด ความเชื่อในเรื่องการปรากฏตัวทางวิญญาณเปิดประตูให้กับวิญญาณแห่งการล่อลวงและหลักคำสอนต่างๆ ของผีมาร และด้วยเหตุนี้ จึงสัมผัสอิทธิพลต่างๆ ของทูตสวรรค์ชั่วได้ในคริสตจักร {GC 603.2}GCth17 525.2

    ในช่วงเวลาที่คำพยากรณ์นี้ประกาศออกมานั้น มีการกล่าวถึงนครบาบิโลนไว้ว่า “บาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้วและพระเจ้าทรงจดจำการอธรรมของนครนั้นแล้ว” วิวรณ์ 18:5 บาบิโลนเติมความชั่วของตนจนเต็มล้น และความพินาศกำลังจะลงมายังเธอ แต่พระเจ้ายังทรงมีประชากรของพระองค์อยู่ในนครบาบิโลน และก่อนที่การพิพากษาของพระองค์จะมายังนครนั้น ผู้ที่ซื่อสัตย์เหล่านี้จะต้องถูกเรียกให้ออกจากเมืองนี้เพื่อจะไม่เข้าร่วมอยู่ในบาปทั้งหลายของเธอและ “ไม่ต้องรับภัยพิบัติของนครนั้น” (ข้อ 4) ดังนั้น ขบวนการซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นทูตสวรรค์ที่บินลงมาจากสวรรค์ซึ่งทำให้โลกสว่างไสวด้วยรัศมีภาพและร้องประกาศด้วยเสียงอันดังและหนักแน่นนั้นกำลังประกาศถึงบาปทั้งหลายของนครบาบิโลน ข่าวที่ทูตสวรรค์ประกาศนี้มาพร้อมกับคำเชิญชวนว่า “จงออกมาจากนครนั้นเถิด ชนชาติของเราเอ๋ย” คำประกาศเหล่านี้เมื่อรวมเข้ากับข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่สามจึงกลายเป็นคำเตือนสุดท้ายที่พระเจ้าประทานให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินโลก {GC 604.1}GCth17 525.3

    ผลที่จะเกิดกับโลกนี้ช่างน่ากลัวเพียงไร อำนาจต่างๆ ในโลกซึ่งรวมตัวกันเพื่อทำสงครามต่อต้านพระบัญญัติของพระเจ้า จะตรากฎหมายให้ “ทุกคนทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต คนมั่งมีและคนยากจน เสรีชนและทาส” วิวรณ์ 13:16 ต้องปฏิบัติตามประเพณีของคริสตจักรด้วยการถือรักษาวันสะบาโตเทียมเท็จ ทุกคนที่ไม่ยอมทำตามจะถูกกฎหมายของบ้านเมืองลงโทษ และในที่สุด จะถูกประกาศว่า เป็นผู้ที่สมควรตาย ในอีกแง่มุมหนึ่งคือ ธรรมบัญญัติของพระเจ้าที่กำหนดวันพักผ่อนของพระผู้สร้างเรียกร้องให้เราเชื่อฟังและตักเตือนถึงพระพิโรธที่จะเกิดแก่ทุกคนที่ล่วงละเมิดข้อบังคับต่างๆ ของมัน {GC 604.2}GCth17 525.4

    ด้วยประเด็นอันชัดแจ้งตามเรื่องที่ถูกเปิดเผยไว้ต่อหน้าเขาคือ ผู้ใดที่เหยียบย่ำธรรมบัญญัติของพระเจ้าเพื่อปฏิบัติตามกฎที่มนุษย์ตราขึ้น จะได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย เขารับเครื่องหมายที่แสดงถึงความภักดีต่ออำนาจที่เขาเลือกแทนที่จะปฏิบัติตามพระเจ้า คำเตือนที่สวรรค์ส่งมาให้คือ “ถ้าใครบูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนนั้นจักต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งความกริ้วของพระเจ้าที่เทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์” วิวรณ์ 14:9, 10 {GC 604.3}GCth17 525.5

    แต่ไม่มีสักคนใดที่ต้องทนทุกข์กับพระพิโรธของพระเจ้าจนกว่าสัจธรรมจะถูกนำมาสู่ความนึกคิดและสามัญสำนึกของเขาและเขาปฏิเสธสัจธรรมนั้นไป มีคนมากมายที่ไม่เคยมีโอกาสรับฟังสัจธรรมต่างๆ ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับยุคนี้ พวกเขาไม่เคยรับรู้หน้าที่ ที่ถูกต้อง/อันแท้จริง ซึ่งเขามีต่อพระบัญญัติข้อที่สี่ พระเจ้าผู้ทรงอ่านจิตใจทุกดวงและทดสอบทุกความตั้งใจทั้งหมดจะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ที่ต้องการรับรู้สัจธรรมต้องถูกหลอกด้วยประเด็นของความขัดแย้งนี้ คำสั่งนี้จะไม่ถูกนำมาบังคับใส่ให้กับประชาชนคนใดอย่างไร้เหตุผล ทุกคนจะต้องได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอเพื่อที่จะตัดสินได้อย่างชาญฉลาด {GC 605.1}GCth17 526.1

    วันสะบาโตจะเป็นเครื่องทดสอบอันยิ่งใหญ่ของความจงรักภักดีเพราะเป็นหัวข้อของสัจธรรมที่เป็นประเด็นพิพาทกันโดยเฉพาะ เมื่อการทดสอบครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นกับมนุษย์แล้ว และแล้วเส้นแบ่งระหว่างผู้ที่รับใช้พระเจ้าและผู้ที่ไม่ยอมรับใช้พระองค์จะเห็นได้อย่างเด่นชัด ในขณะที่การถือรักษาวันสะบาโตเทียมเท็จตามกฎหมายของรัฐซึ่งขัดแย้งกับพระบัญญัติข้อที่สี่จะเป็นการปฏิญาณแสดงถึงความจงรักภักดีต่ออำนาจที่ต่อต้านพระเจ้านั้น การถือรักษาวันสะบาโตที่แท้จริงซึ่งเป็นการเชื่อฟังตามพระบัญญัติของพระเจ้านั้นก็จะเป็นหลักฐานที่แสดงถึงความภักดีที่มีต่อพระผู้สร้าง ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งรับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายด้วยการยอมรับสัญลักษณ์ของการยอมจำนนต่ออำนาจฝ่ายโลก คนอีกกลุ่มหนึ่งจะรับตราประทับของพระเจ้าซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงความภักดีต่ออำนาจของพระองค์ {GC 605.2}GCth17 526.2

    จนกระทั่งบัดนี้ ผู้ที่นำเสนอความจริงของข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สามมักจะถูกมองว่าเป็นเพียงพวกตื่นตูม คำทำนายที่ว่าการไม่ยอมผ่อนปรนทางศาสนาจะเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและคริสตจักรกับอำนาจรัฐจะร่วมมือกันเพื่อกดขี่ข่มเหงผู้ที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้านั้นถูกตราว่าเป็นเรื่องไม่มีมูลและเหลวไหล มีการประกาศอย่างมั่นใจว่า ประเทศนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นแต่จะเป็นอย่างที่เคยเป็นมาตลอดคือปกป้องเสรีภาพทางศาสนา แต่ในขณะที่ปัญหาของเรื่องการบังคับให้ถือรักษาวันอาทิตย์ถูกปลุกปั่นขึ้นมาอย่างแพร่หลายนั้น เหตุการณ์ที่มีผู้สงสัยและไม่เชื่อมาเนิ่นนานก็จะถูกเปิดให้เห็นว่ากำลังจะเกิดขึ้น และข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่สามจะส่งผลให้เกิดสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน {GC 605.3}GCth17 526.3

    ในทุกยุค พระเจ้าทรงบัญชาผู้รับใช้ของพระองค์ให้ตำหนิบาปทั้งในโลกและในคริสตจักร แต่ประชากรทั้งหลายปรารถนาที่จะฟังคำพูดที่รื่นหูและไม่ยอมรับฟังสัจธรรมที่บริสุทธิ์ตรงไปตรงมา นักปฏิรูปหลายคนเมื่อก้าวเข้าไปสู่งานการรับใช้ พวกเขาตั้งใจลงแรงด้วยความรอบคอบเป็นอย่างยิ่งเพื่อโจมตีบาปที่มีอยู่ในคริสตจักรและในประเทศชาติ พวกเขาหวังว่าแบบอย่างชีวิตคริสเตียนที่บริสุทธิ์ของพวกเขาจะนำประชากรให้กลับมาสู่หลักคำสอนของพระคัมภีร์ได้ แต่พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมายังพวกเขาเหมือนเช่นที่เสด็จมายังเอลียาห์ ทรงเคลื่อนไหวในตัวของเขาให้ตำหนิบาปของพระราชาผู้ชั่วร้ายและประชาชนที่ละทิ้งพระเจ้า พวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการเทศนาสิ่งที่พระคัมภีร์เปิดเผยไว้อย่างชัดแจ้งซึ่งเป็นคำสอนที่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะประกาศ พวกเขาถูกกระตุ้นให้ประกาศความจริงและภัยอันตรายที่คุกคามจิตวิญญาณด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาประกาศถ้อยคำที่พระเจ้าประทานให้โดยปราศจากความกลัวถึงผลลัพธ์ที่ตามมาและประชาชนทั้งหลายถูกบังคับให้ฟังคำเตือน {GC 606.1}GCth17 527.1

    ดังนี้แหละ ข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่สามจะถูกประกาศออกไป เมื่อถึงเวลาที่ข่าวนี้จะต้องถูกประกาศออกไปด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำการยิ่งใหญ่ผ่านบุคคลที่ถ่อมตนโดยทรงนำความนึกคิดของผู้ที่ถวายตัวเองให้แก่พระราชกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์ ผู้ที่ทำงานนี้จะมีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานด้วยการได้รับการเจิมของพระวิญญาณบริสุทธิ์มากกว่าที่ได้รับผ่านการฝึกฝนจากสถาบันศึกษา ผู้ที่มีความเชื่อและอธิษฐานอยู่เสมอจะถูกผลักดันให้ก้าวออกไปด้วยความกระตือรือร้นอันบริสุทธิ์เพื่อประกาศพระวจนะที่พระเจ้าประทานให้พวกเขา บาปของนครบาบิโลนจะถูกเปิดโปง ผลลัพธ์อันน่ากลัวของการบังคับให้ปฏิบัติตามคริสตจักรโดยอำนาจฝ่ายปกครอง การแทรกซึมของลัทธิทรงวิญญาณ และการเติบโตอย่างลึกลับแต่รวดเร็วของอำนาจระบอบเปปาซี สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกเปิดเผยออกมา คำเตือนที่ขึงขังเหล่านี้จะปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้น คนนับหมื่นนับพันที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนจะได้ยิน พวกเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพยานว่า นครบาบิโลนนั้นคือคริสตจักร ที่ล่มจมก็เนื่องมาจากความผิดทั้งหลายและบาปต่างๆ ของเธอเองและเนื่องจากเธอปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงที่สวรรค์ส่งมาให้ เมื่อประชาชนทั้งหลายกลับไปหาครูที่เคยสอนด้วยคำถามที่อยากรู้อยากเห็นว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ บรรดาอาจารย์ก็จะเล่านิยายและพยากรณ์เรื่องรื่นหูเพื่อปลอบความกลัวของพวกเขาและทำให้สามัญสำนึกที่ตื่นตัวของพวกเขาสงบลง แต่เนื่องจากมีคนมากมายไม่พอใจกับเพียงอำนาจของมนุษย์เท่านั้นและต้องการได้ยินข้อความที่กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า” อาจารย์จากคริสตจักรที่ได้รับความนิยมทำตัวเหมือนเช่นฟาริสีในสมัยก่อนคือเต็มไปด้วยความโกรธ เพราะอำนาจของพวกเขาถูกสงสัย และพวกเขาจะประณามว่าข่าวเหล่านั้นมาจากซาตาน และปลุกปั่นฝูงชนที่รักบาปให้ต่อว่าและกดขี่ผู้ที่ประกาศข่าวนี้ {GC 606.2}GCth17 527.2

    เมื่อความขัดแย้งแผ่กระจายเข้าไปสู่เรื่องใหม่ และจิตใจของประชาชนถูกนำให้หันไปสนใจธรรมบัญญัติของพระเจ้าที่ถูกเหยียบย่ำแล้ว ซาตานจะเคลื่อนไหว อำนาจที่มาพร้อมกับข่าวสารนี้เพียงแต่จะทำให้ผู้ที่ต่อต้านข่าวสารรู้สึกโกรธ คณะสงฆ์จะพยายามดับแสงสว่างด้วยความพยายามที่เกือบจะเหนือธรรมชาติของมนุษย์เพราะกลัวว่าแสงนี้จะส่องไปยังฝูงแกะของพวกเขา พวกเขาพยายามระงับการวิเคราะห์ปัญหาสำคัญเหล่านี้ด้วยทุกวิธีที่จะทำได้ คริสตจักรร้องขอกองกำลังที่เข้มแข็งของอำนาจฝ่ายการเมืองและในงานนี้บรรดาผู้นิยมระบอบเปปาซีกับชาวโปรเตสแตนต์รวมตัวกันเป็นหนึ่ง เมื่อขบวนการบังคับให้ถือรักษาวันอาทิตย์เริ่มชัดเจนและเด็ดขาดมากยิ่งขึ้นแล้ว จะมีการเร่งนำกฎหมายมาใช้ต่อต้านผู้ที่ถือรักษาพระบัญญัติ พวกเขาจะถูกคุกคามด้วยโทษปรับและโทษจองจำ และบางคนจะได้รับข้อเสนอด้วยตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลรวมทั้งของรางวัลและผลประโยชน์อื่นๆ เพื่อเป็นเครื่องจูงใจให้ละทิ้งความเชื่อ แต่พวกเขาจะตอบด้วยความแน่วแน่มั่นคงว่า “ให้ใช้พระวจนะของพระเจ้าบอกความผิดของเรา” ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเดียวกับที่ลูเธอร์ใช้เมื่อเขาต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน ผู้ที่ถูกนำตัวขึ้นศาลยืนขึ้นปกป้องความจริงอย่างเข้มแข็ง และมีบางคนที่ได้ยินสิ่งที่คนเหล่านี้พูดก็ลุกขึ้นยืนเพื่อถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าด้วย ด้วยการทำเช่นนี้ แสงสว่างจึงถูกส่งมายังคนนับพันซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีทางจะได้รับรู้ถึงสัจธรรมเหล่านี้เลย {GC 607.1}GCth17 527.3

    การตั้งใจเชื่อฟังปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าจะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงกบฏ ซาตานจะปิดตาของพ่อแม่ให้ใช้ความเข้มงวดและความรุนแรงต่อลูกที่มีความเชื่อ เจ้านายหรือนายหญิงจะกดขี่ผู้รับใช้ที่ถือรักษาพระบัญญัติ อารมณ์ความรักจะกลายเป็นของแปลก ลูกๆ จะถูกตัดความสัมพันธ์และถูกขับไล่ออกจากบ้าน สิ่งที่เปาโลกล่าวไว้ก็จะเกิดขึ้น “แท้จริงทุกคนที่ตั้งใจจะดำเนินชีวิตตามทางพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์จะถูกข่มเหง” 2 ทิโมธี 3:12 ในขณะที่ผู้ปกป้องสัจธรรมปฏิเสธที่จะถวายเกียรติวันอาทิตย์ให้เป็นวันสะบาโตนั้น บางคนจะถูกผลักเข้าไปอยู่ในเรือนจำ บางคนถูกเนรเทศ บางคนถูกปฏิบัติเยี่ยงทาส สำหรับปัญญาของมนุษย์แล้ว ในเวลานี้เรื่องทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้ดูประหนึ่งว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่ออำนาจแห่งการควบคุมของพระวิญญาณของพระเจ้าจะถูกเพิกถอนออกไปจากมนุษย์และพวกเขาตกไปอยู่ภายใต้การควบคุมของซาตานซึ่งเป็นผู้เกลียดชังข้อบังคับทั้งหลายของพระเจ้าแล้ว เหตุการณ์ประหลาดจะพัฒนาขึ้นมา จิตใจโหดเหี้ยมได้เป็นอย่างมากเมื่อความยำเกรงและความรักของพระเจ้าถูกนำออกไป {GC 608.1}GCth17 528.1

    ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา มีคนกลุ่มใหญ่ที่เชื่อในข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่สามแต่ยังไม่ได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์โดยการเชื่อฟังสัจธรรมนั้นจะละทิ้งจุดยืนของตนและเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้าน จากการเข้าร่วมกับโลกและรับวิญญาณของโลก พวกเขาจึงมองดูเรื่องราวต่างๆ ด้วยแสงสว่างที่เกือบจะเหมือนกันกับโลก และเมื่อการทดสอบมาถึง พวกเขาถูกเตรียมพร้อมที่จะเลือกทางที่ง่ายและเป็นที่นิยม คนที่มีความสามารถสูงและพูดจาไพเราะซึ่งครั้งหนึ่งเคยปีติยินดีอย่างมีความสุขกับสัจธรรมจะใช้อำนาจมาหลอกลวงและนำจิตวิญญาณให้หลงไปในทางที่ผิด พวกเขากลายเป็นศัตรูที่ขมขื่นที่สุดของพี่น้องที่นับถือกันในอดีต เมื่อบรรดาผู้ที่ถือรักษาวันสะบาโตถูกนำเข้าสู่การพิพากษาเพื่อให้การเรื่องความเชื่อนั้น ผู้ที่ละทิ้งความเชื่อเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดของซาตานด้วยการเป็นพยานเท็จและกล่าวหาพวกเขา และด้วยการใช้รายงานเท็จและการพูดประจบประแจงเพื่อปลุกปั่นผู้มีอำนาจให้ต่อต้านพวกเขา {GC 608.2}GCth17 528.2

    ในช่วงเวลาแห่งการกดขี่ข่มเหงนี้ ความเชื่อของผู้รับใช้ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะถูกทดสอบ พวกเขาประกาศคำเตือนอย่างซื่อสัตย์ตลอดมาโดยมองไปที่พระเจ้าและพระวจนะของพระองค์เท่านั้น พระวิญญาณของพระเจ้าที่ทรงขับเคลื่อนอยู่ในจิตใจของพวกเขาทรงควบคุมการพูดของพวกเขา พวกเขาได้รับแรงกระตุ้นแห่งความร้อนรนที่บริสุทธิ์และด้วยแรงผลักดันจากพระเจ้าที่ลงมายังพวกเขา พวกเขาจึงก้าวเข้าสู่การทำงานในหน้าที่โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการพูดกับประชาชนถึงเรื่องพระวจนะที่พระเจ้าประทานให้ พวกเขาไม่ได้ไตร่ตรองถึงผลประโยชน์ทางฝ่ายโลกหรือหาวิธีการที่จะรักษาชื่อเสียงหรือชีวิต แต่เมื่อพายุแห่งการต่อต้านและการตำหนิกระหน่ำลงมาใส่พวกเขา บางคนที่ตกอยู่ในความกลัวอย่างรุนแรงก็พร้อมที่จะอุทานขึ้นว่า “หากเราสามารถมองเห็นล่วงหน้าถึงผลจากคำพูดของเรา เราก็คงจะปิดปากเงียบ” พวกเขาถูกความทุกข์ยากล้อมไว้ ซาตานโหมกระหน่ำการทดลองที่รุนแรงใส่พวกเขา งานที่พวกเขารับมานั้นดูประหนึ่งว่าจะเกินความสามารถที่จะทำให้สำเร็จ พวกเขาถูกคุกคามด้วยการทำลาย ความกระตือรือร้นอย่างมีชีวิตชีวาสูญหายไป แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็หันกลับไม่ได้ และแล้วเมื่อพวกเขารู้สึกว่าช่วยตนเองไม่ได้อีกแล้ว พวกเขาจึงวิ่งเข้าไปหลบซ่อนในพระเจ้าผู้ยิ่งใหญเพื่อเสริมกำลัง พวกเขาจดจำได้ว่า คำที่พูดไปนั้นไม่ใช่คำพูดของพวกเขาเอง แต่เป็นของพระเจ้าผู้ทรงบัญชาให้พวกเขาไปประกาศคำเตือน พระเจ้าทรงใส่สัจธรรมเข้ามาในจิตใจของพวกเขาและพวกเขาไม่อาจเพิกเฉยที่จะออกไปประกาศสัจธรรมนั้น {GC 608.3}GCth17 528.3

    ประชากรของพระเจ้าในยุคต่างๆ ที่ผ่านมาต่างได้รับประสบการณ์การทดสอบเดียวกันนี้ ไวคลิฟ ฮัส ลูเธอร์ ทินเดล บาสเตอร์ เวสเล่ย์ ต่างผลักดัน/เร่งเร้า ว่าหลักคำสอนทั้งหมดต้องถูกนำมาตรวจสอบกับพระคัมภีร์ และประกาศว่าพวกเขาจะละทิ้งทุกเรื่องที่พระคัมภีร์ตำหนิ คนเหล่านี้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรงไม่รู้จบสิ้น แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หยุดประกาศสัจธรรม ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในแต่ละยุคต่างถูกแสดงให้ปรากฏชัดด้วยการพัฒนาสัจธรรมที่พิเศษบางประการซึ่งถูกปรับให้เข้ากับความต้องการของประชากรของพระเจ้าในยุคนั้นๆ สัจธรรมใหม่ทุกเรื่องรุดหน้าเข้าต้านกับความเกลียดชังและการขัดขววาง ซึ่งผู้ที่ได้รับพระพรจากแสงสว่างของสัจธรรมนั้นจะถูกทดลองและความยากลำบาก องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสัจธรรมพิเศษสำหรับประชาชนในช่วงเวลาวิกฤต ใครกล้าปฏิเสธที่จะประกาศเรื่องเหล่านี้ พระองค์ทรงบัญชาให้ผู้รับใช้ของพระองค์นำคำเชิญชวนแห่งพระเมตตาคุณสุดท้ายไปให้แก่โลก พวกเขาอยู่เฉยไม่ได้ ยกเว้นว่าจะยอมให้จิตวิญญาณต้องเสี่ยงต่อความพินาศ บรรดาทูตของพระคริสต์ไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา พวกเขาจะต้องทำหน้าที่ของตนเองและปล่อยผลลัพธ์ไว้ให้พระเจ้าทรงจัดการ {GC 609.1}GCth17 529.1

    เมื่อการต่อต้านเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นรุนแรงที่สุด ผู้รับใช้ของพระเจ้าก็จะรู้สึกงุนงงอีกครั้งหนึ่ง เพราะดูประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นผู้นำวิกฤตเข้ามา แต่สามัญสำนึกและพระวจนะของพระเจ้าต่างให้ความมั่นใจแก่เขาว่าวิถีทางที่พวกเขากำลังดำเนินอยู่นั้น เป็นแนวทางที่ถูกต้อง และถึงแม้ว่าการทดลองยังคงดำเนินอยู่ พวกเขาก็ยังคงได้รับกำลังที่จะทนต่อไป การแข่งขันนั้นประชิดเข้ามาใกล้และรุนแรงมากขึ้น แต่ความเชื่อและกำลังใจของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์วิกฤตนั้น คำพยานของเขาคือ “เราไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงพระวจนะของพระเจ้า ไม่กล้าแบ่งแยกธรรมบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และไม่กล้าเรียกส่วนหนึ่งว่าสำคัญแต่เรียกอีกส่วนว่าไม่สำคัญ เพื่อจะได้รับความชื่นชอบจากโลก พระเจ้าที่เรารับใช้นั้นจะช่วยกู้พวกเราได้ พระคริสต์ทรงมีชัยชนะเหนืออำนาจของโลกนี้แล้ว และทำไมเราจึงต้องกลัวโลกที่พระองค์ได้รับชัยชนะแล้วเล่า” {GC 610.1}GCth17 529.2

    การกดขี่ข่มเหงในรูปแบบต่างๆ คือการก้าวหน้าของหลักการซึ่งจะคงมีอยู่นานตราบเท่าที่ซาตานยังคงมีชีวิตอยู่และคริสตศาสนายังคงมีอำนาจสำคัญ ไม่มีมนุษย์คนใดจะรับใช้พระเจ้าได้โดยไม่ทำให้ตัวเองมีส่วนเข้าไปต่อต้านกองทัพแห่งความมืด บรรดาทูตสวรรค์ชั่วจะเข้าจู่โจมเขา มันกลัวว่าอิทธิพลของเขาจะนำเหยื่อออกไปจากมือของพวกมัน คนชั่วที่ถูกตำหนิด้วยการดำรงชีวิตของเขา จะเข้าร่วมกับทูตแห่งความชั่วเพื่อพยายามแยกตัวเองออกจากพระเจ้าโดยใช้การชักชวนให้ทำผิด เมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะใช้อำนาจบังคับเพื่อควบคุมสามัญสำนึก {GC 610.2}GCth17 529.3

    แต่ตราบใดที่พระเยซูยังทรงเป็นผู้อุทธรณ์ของมนุษย์ในวิหารเบื้องบนนั้น บรรดาผู้มีอำนาจและประชาชนจะสัมผัสได้ถึงอิทธิพลการควบคุมของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อิทธิพลนี้ยังควบคุมกฎหมายของแผ่นดินได้เป็นบางส่วน หากไม่ใช่เป็นเพราะการควบคุมกฎหมายเหล่านี้แล้ว สภาพของโลกคงจะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ในขณะที่ผู้มีอำนาจหลายคนของเราเป็นตัวแทนที่ขยันขันแข็งของซาตาน พระเจ้าก็ทรงมีตัวแทนของพระองค์อยู่ท่ามกลางผู้นำของประเทศด้วย ศัตรูผลักดันผู้รับใช้ของมันเพื่อเสนอวิธีการต่างๆ ที่จะขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้าด้วยความรุนแรง แต่เหล่านักการปกครองที่ยำเกรงพระเจ้าซึ่งรับอิทธิพลของทูตสวรรค์บริสุทธิ์จะคัดค้านข้อเสนอดังกล่าวด้วยข้อความที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ ด้วยประการฉะนี้ จึงมีหลายคนขัดขวางคลื่นแห่งความชั่วที่รุนแรงไว้ การต่อต้านของศัตรูแห่งความจริงจะถูกควบคุมไว้เพื่อให้ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สามทำงานต่อไป เมื่อคำเตือนสุดท้ายนี้จะถูกประกาศออกไป มันจะดึงดูดความสนใจของผู้นำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานอยู่ด้วยในเวลานี้และจะมีบางคนที่ยอมรับข่าวสารนี้ และจะยืนขึ้นพร้อมกับประชากรของพระองค์ตลอดระยะเวลาแห่งความทุกข์ยาก {GC 610.3}GCth17 529.4

    ทูตสวรรค์ผู้เข้าร่วมประกาศข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่สามจะส่องสว่างทั่วไปทั้งโลกด้วยรัศมีของท่าน เหตุการณ์เช่นนี้ทำนายถึงงานหนึ่งที่มีขอบเขตครอบคลุมทั่วโลกและมีอำนาจที่ไม่เคยมีมาก่อน ขบวนการต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ในปี ค.ศ. 1840-1844 เป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ข่าวของทูตสวรรค์องค์ที่หนึ่งถูกนำไปเผยแพร่ในทุกศูนย์ประกาศข่าวประเสริฐทั่วทุกมุมโลก และในบางประเทศเกิดการตื่นตัวทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแผ่นดินอื่นใดนับตั้งแต่สมัยของการปฏิรูปศาสนาของศตวรรษที่สิบหก แต่ขบวนการคำเตือนสุดท้ายของทูตสวรรค์องค์ที่สามจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีก {GC 611.1}GCth17 530.1

    ผลที่จะเกิดขึ้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในวันเพ็นเทคอสต์ ดั่ง “ฝนต้นฤดู” ที่หลั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเริ่มต้นการประกาศข่าวประเสริฐเพื่อทำให้เมล็ดที่มีค่านั้นงอกออกมาฉันใด “ฝนชุกปลายฤดู” จะทรงโปรดประทานให้ในช่วงท้ายเพื่อเก็บเกี่ยวผลที่กำลังสุกฉันนั้น “ให้เรารู้จัก ให้เราพยายามรู้จักพระยาห์เวห์ การปรากฏของพระองค์ก็แน่นอนเหมือนรุ่งอรุณ พระองค์จะเสด็จมาหาเราอย่างห่าฝน ดังฝนชุกปลายฤดูที่รดพื้นแผ่นดิน” โฮเชยา 6:3 “โอ บุตรทั้งหลายของศิโยนเอ๋ย จงยินดีเถิด จงเปรมปรีดิ์ในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า เพราะว่าพระองค์ประทานฝนต้นฤดูแก่เจ้าเพื่อแสดงความชอบธรรมและทรงเทฝนลงมาให้พวกเจ้า คือฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดูอย่างแต่ก่อน” โยเอล 2:23 “พระเจ้าตรัสว่า ในวาระสุดท้าย เราจะเทพระวิญญาณของเราบนมนุษย์ทั้งหมด” “และจะเป็นเช่นนี้คือ ทุกคนที่ร้องขอในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับความรอด” กิจการ 2:17, 21 {GC 611.2}GCth17 530.2

    พระราชกิจยิ่งใหญ่ของการประกาศข่าวประเสริฐจะไม่ปิดฉากลงด้วยการสำแดงอำนาจของพระเจ้าที่น้อยไปกว่าในสมัยของการเริ่มต้นพระราชกิจการประกาศ คำพยากรณ์เรื่องการหลั่งของฝนต้นฤดูได้สำเร็จลงเมื่อเริ่มประกาศข่าวประเสริฐฉันใด ความสำเร็จนี้ก็จะเป็นจริงอีกครั้งเมื่อฝนชุกปลายฤดูหลั่งลงมาในช่วงสุดท้ายของงานการประกาศฉันนั้น นี่จะเป็น “วาระแห่งการฟื้นชื่น” ที่อัครทูตเปโตรหวังคอยไว้เมื่อท่านกล่าวว่า “เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงกลับใจและหันมาหาพระเจ้า เพื่อที่ว่าความผิดบาปของพวกท่านจะได้รับการลบล้าง เพื่อวาระแห่งการฟื้นชื่นจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า และเพื่อพระองค์จะประทานพระคริสต์ที่ทรงกำหนดไว้นั้นแก่ท่านทั้งหลายคือพระเยซู” กิจการ 3:19, 20 {GC 611.3}GCth17 530.3

    บรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มีใบหน้าอิ่มเอิบด้วยรัศมีและเจิดจ้าด้วยการมอบถวายตัวอันศักดิ์สิทธิ์จะเร่งรีบจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพื่อประกาศข่าวสารจากสวรรค์ ข่าวคำเตือนนี้จะถูกประกาศออกไปทั่วโลกด้วยเสียงของคนจำนวนหลายพัน การอัศจรรย์จะเกิดขึ้น ผู้ป่วยจะหายโรคและหมายสำคัญและการอัศจรรย์จะติดตามผู้เชื่อทั้งหลาย ซาตานจะกระทำหมายสำคัญที่หลอกลวงด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งทำให้ไฟตกลงมาจากฟ้า (วิวรณ์ 13:13) ด้วยประการฉะนี้ ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้จะต้องเลือกจุดยืนของพวกเขาเอง {GC 612.1}GCth17 530.4

    ข่าวสารที่ประกาศออกไปนี้จะไม่ถูกประกาศไปด้วยการโต้แย้ง แต่ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าผู้ทรงกระทำให้เชื่อ ข้อโต้แย้งถูกเสนอไปแล้ว เมล็ดก็ถูกหว่านไปแล้ว และบัดนี้จะงอกขึ้นและเกิดผล สื่อสิ่งพิมพ์ที่ผู้ประกาศข่าวประเสริฐแจกไปส่งอิทธิพลออกมาให้เห็น กระนั้น ความคิดของคนมากมายที่ได้รับข่าวสารกลับถูกขัดขวางไม่ให้เข้าใจถึงความจริงได้อย่างเต็มที่หรือไม่ได้ยอมถวายการเชื่อฟัง บัดนี้ลำแสงส่องทะลุเข้าไปยังทุกที่ จึงมองเห็นความจริงได้อย่างชัดเจน และบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่จริงใจจะตัดสายพันธนาการที่ผูกมัดพวกเขาไว้ บัดนี้สายสัมพันธ์ของครอบครัวและความสัมพันธ์ในคริสตจักรไม่มีอำนาจที่จะยับยั้งพวกเขาไว้ได้ ความจริงเป็นสิ่งที่มีค่ามากยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงแม้จะมีตัวแทนต่างๆ ที่ทำการร่วมกันเพื่อต่อต้านความจริง แต่จะมีคนกลุ่มใหญ่ยืนขึ้นมาอยู่ฝ่ายขององค์พระผู้เป็นเจ้า {GC 612.2}GCth17 530.5

    *****