Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    คริสตจักรในปัจจุบัน

    อุปมาเรื่องสวนองุ่นไม่ได้หมายถึงชนชาติยิวเท่านั้น อุปมานี้มีบทเรียนสำหรับเราทั้งหลาย พระเจ้าทรงประสิทธิ์ประสาทสิทธิพิเศษและพระพรอันยิ่งใหญ่ให้แก่คริสตจักรในยุคของเรา และพระองค์ทรงประสงค์ที่จะรับผลตอบแทนกลับคืนพระองค์ {COL 296.2}COLTh 260.1

    พระเจ้าทรงไถ่พวกเราด้วยค่าไถ่ราคาสูง โดยค่าไถ่อันมีค่ายิ่งใหญ่นี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเราเข้าใจผลของการไถ่นี้ได้ ในโลกนี้อันเป็นโลกที่ผืนดินได้รับความชุ่มชื่นจากน้ำพระเนตรและพระโลหิตของพระบุตรของพระเจ้า จะต้องเกิดผลล้ำค่าแห่งสรวงสวรรค์ ความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าจะต้องได้รับการเปิดเผยให้เห็นสง่าราศีและคุณความดีเลิศในชีวิตของประชากรของพระเจ้า พระลักษณะนิสัยและหลักการแห่งแผ่นดินของพระคริสต์จะต้องเปิดเผยให้เห็นผ่านคนของพระองค์ {COL 296.3}COLTh 260.2

    ซาตานหาทางต้านพระราชกิจของพระเจ้าและมันเร่งเร้าเสมอให้มนุษย์ยอมรับหลักการของมัน มันทำให้คนอื่นเห็นภาพประชากรที่เลือกสรรไว้ว่าเป็นคนที่ถูกหลอก มันเป็นผู้กล่าวหาพี่น้องและอำนาจแห่งการกล่าวหาของมันนำไปใช้ในการต่อสู้กับบรรดาคนที่กระทำการชอบธรรม พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะโต้คำกล่าวหาของมันผ่านประชากรของพระองค์ด้วยการแสดงผลแห่งความเชื่อฟังต่อหลักการที่ถูกต้อง {COL 296.4}COLTh 260.3

    หลักการเหล่านี้จะต้องแสดงออกในชีวิตคริสเตียนของแต่ละคน ในครอบครัว ในคริสตจักร และในสถาบันทุกแห่งที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นเพื่อรับใช้พระเจ้า ทุกคนเป็นเครื่องหมายแสดงถึงสิ่งที่จะทำได้เพื่อชาวโลก พวกเขาจะต้องเป็นแบบอย่างของอำนาจแห่งข่าวประเสริฐ ทุกคนเป็นสื่อทำให้พระประสงค์ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเพื่อมวลมนุษย์สำเร็จ {COL 296.5}COLTh 260.4

    ผู้นำชาวยิวมองด้วยความภาคภูมิใจในความโอ่อ่าตระการตาของพระวิหาร และพิธีกรรมทางศาสนาอันงามสง่าของพวกตน แต่พวกเขาขาดความยุติธรรม ความเมตตาและความรักของพระเจ้า ความสง่างามของพระวิหาร พิธีกรรมอันสวยงามนำพวกเขาเข้าหาพระเจ้าไม่ได้ พวกเขาไม่ได้ถวายสิ่งเดียวที่มีคุณค่าในสายพระเนตรของพระองค์ พวกเขาไม่ได้นำความถ่อมตัวและจิตใจที่แตกสลายมาเป็นเครื่องบูชาถวายแด่พระองค์ เมื่อหลักการสำคัญต่างๆ แห่งแผ่นดินของพระเจ้าสูญหายไปแล้ว พิธีกรรมก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยและเกินความจำเป็น เมื่อใดที่ละเลยการสร้างอุปนิสัย เมื่อใดที่ขาดการเสริมสร้างจิตวิญญาณ เมื่อใดที่ความเรียบง่ายและความดีงามในพระเจ้าสูญหายไป ก็จะทำให้เกิดความทะนงตนและความชื่นชอบโอ้อวดเรียกหาให้มีอาคารโบสถ์อลังการ การประดับประดาที่เลิศหรูและพิธีกรรมที่ภูมิฐานงามสง่า ด้วยการกระทำทั้งหมดนี้ พระเจ้าไม่ได้รับเกียรติยศ ศาสนาแบบสมัยนิยมอันประกอบด้วยพิธีกรรมต่างๆ การแสร้งแสดงออกและการโอ้อวดนั้น ไม่เป็นที่ยอมรับของพระองค์ พิธีกรรมเช่นนี้เรียกเชิญให้ผู้สื่อข่าวแห่งสวรรค์ตอบสนองไม่ได้ {COL 297.1}COLTh 260.5

    ในสายพระเนตรของพระเจ้า คริสตจักรมีคุณค่ายิ่ง ทรงถือว่ามีค่าสำหรับพระองค์ไม่ใช่เพราะความสวยงามภายนอก แต่เป็นเพราะความศรัทธาที่จริงใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่แยกคริสตจักรออกจากโลก พระองค์ทรงประมาณการเจริญเติบโตของสมาชิกในเรื่องความรู้ของพระคริสต์ตามความก้าวหน้าด้านประสบการณ์จิตวิญญาณ {COL 298.1}COLTh 261.1

    พระเยซูทรงกระหายอยากที่จะได้รับผลแห่งความบริสุทธิ์และความไม่เห็นแก่ตัวจากสวนองุ่นของพระองค์ พระองค์ทรงเฝ้ารอหาหลักการต่างๆ ของความรักและความดีงาม ไม่มีความงามของศิลปะชิ้นใดสามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับอารมณ์และอุปนิสัยที่แสดงออกมาของบรรดาผู้แทนแห่งพระคริสต์ บรรยากาศของพระคุณที่ล้อมรอบจิตวิญญาณของผู้เชื่อและการประกอบกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เหนือจิตใจและความคิดของบรรดาผู้เชื่อเท่านั้นที่ทำให้พวกเขากลายเป็นกลิ่นหอมที่นำไปสู่ชีวิตและทำให้พระเจ้าทรงอวยพรแก่การงานของพวกเขาได้ {COL 298.2}COLTh 261.2

    ผู้เชื่อกลุ่มหนึ่งอาจเป็นคนยากจนที่สุดในประเทศนั้น แม้ไม่มีสิ่งภายนอกกายที่สร้างความดึงดูดใจ แต่เมื่อสมาชิกเหล่านั้นมีหลักการแห่งพระอุปนิสัยของพระคริสต์ครอบครองอยู่ พวกเขาก็จะมีความชื่นชมยินดีของพระองค์อยู่ในจิตใจ ทูตสวรรค์จะร่วมนมัสการกับพวกเขา คำสรรเสริญและการขอบพระคุณจากจิตใจที่มีความสำนึกในคุณความดีจะขึ้นไปสู่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาอันหอมหวานแด่พระองค์ {COL 298.3}COLTh 261.3

    พระยาห์เวห์ทรงปรารถนาให้เรากล่าวถึงคุณงามความดีและประกาศถึงฤทธานุภาพของพระองค์ พระองค์ทรงได้รับเกียรติด้วยคำสรรเสริญและการโมทนาพระคุณ พระองค์ตรัสว่า “ผู้ถวายเครื่องบูชาคือการขอบพระคุณก็ให้เกียรติเรา” สดุดี 50:23 ขณะที่ชนชาติอิสราเอลเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดาร พวกเขาพากันสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงเพลงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขานำพระบัญญัติของพระเจ้าและพระสัญญาของพระองค์ร้อยเรียงเป็นบทเพลง และตลอดเวลาของการเดินทางประชาชนนำบทเพลงเหล่านี้มาร้องเสมอ และเมื่ออยู่ในแผ่นดินคานาอันขณะที่คนทั้งหลายมาพร้อมกันเพื่อถวายงานฉลองบูชาศักดิ์สิทธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชกิจอันมหัศจรรย์ของพระเจ้า พวกเขาก็นำบทเพลงเหล่านี้มาขับขานกันเพื่อถวายโมทนาขอบพระคุณแด่พระนามของพระองค์ พระเจ้าทรงปรารถนาให้ตลอดชีวิตของประชากรของพระองค์เป็นชีวิตแห่งการสรรเสริญ ด้วยเหตุนี้ “พระมรรคาของพระองค์จะเป็นที่รู้จักในแผ่นดินโลก” และ “ ความช่วยกู้ของพระองค์จะเป็นที่ทราบท่ามกลางประชาชาติทั้งสิ้น” สดุดี 67:2 {COL 298.4}COLTh 262.1

    เวลานี้จะต้องเป็นเช่นนี้ ประชากรของโลกนี้ต่างพากันกราบบูชาพระเทียมเท็จ พวกเขาจะต้องหันออกไปจากการกราบไหว้ที่เทียมเท็จ ไม่ใช่ด้วยการฟังคำติเตียนในเรื่องรูปเคารพของพวกเขา แต่ด้วยการมองเห็นสิ่งที่ดีกว่า คุณความดีของพระเจ้าจะต้องเป็นที่รู้จัก “พวกเจ้าเป็นสักขีพยานของเรา เราคือพระเจ้า พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ” อิสยาห์ 43:12 {COL 299.1} COLTh 262.2

    พระยาห์เวห์ทรงปรารถนาให้เราทั้งหลายเห็นคุณค่าของแผนการอันยิ่งใหญ่แห่งการไถ่ให้รอด ทรงปรารถนาให้เราตระหนักถึงสิทธิพิเศษอันสูงส่งของเราในฐานะบุตรของพระเจ้าและดำเนินชีวิตอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความเชื่อฟังและด้วยการโมทนาขอบพระคุณ พระองค์ทรงปรารถนาให้เรารับใช้พระองค์ทุกวันด้วยชีวิตใหม่และด้วยความปรีดา พระองค์ทรงเฝ้ารอที่จะเห็นการสำนึกในพระคุณผุดขึ้นในจิตใจของเรา เพราะว่าชื่อของเราทั้งหลายถูกจดบันทึกไว้แล้วในหนังสือชีวิตของพระเมษโปดกและเพราะเรามอบความวิตกกังวลทั้งหมดไว้กับพระองค์ผู้ทรงห่วงใยเรา พระองค์ทรงบอกให้เราชื่นชมยินดีเพราะเราเป็นมรดกของพระยาห์เวห์ เพราะความชอบธรรมของพระคริสต์เป็นเสื้อคลุมสีขาวที่ห่อหุ้มบรรดาธรรมิกชนของพระองค์และเพราะเรามีพระพรแห่งความหวังใจอยู่ที่การเสด็จมาของพระผู้ช่วยให้รอดในเร็ววันนี้ {COL 299.2}COLTh 262.3

    การสรรเสริญพระเจ้าด้วยความเคารพยกย่องอย่างสิ้นสุดกำลังและด้วยความจริงใจเป็นการกระทำที่มีค่าเท่ากับการอธิฐาน เราจะต้องแสดงให้คนในโลกนี้และชาวสวรรค์ทั้งหมดเห็นว่าเรามีความสำนึกในความรักอันมหัศจรรย์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ผู้ล้มลงในบาป เราหวังที่จะได้รับพระพรมากมายและมากยิ่งขึ้นจากพระองค์ผู้ทรงไพบูลย์ ยิ่งไปกว่านั้น เราจำเป็นต้องพูดถึงประสบการณ์อันมีคุณค่าที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเอง ภายหลังการหลั่งลงมาเป็นพิเศษของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความชื่นชมยินดีในพระเจ้าและความสามารถในการรับใช้พระองค์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเมื่อเราทบทวนถึงคุณความดีของพระองค์และพระราชกิจอันมหัศจรรย์ของพระองค์ที่ทรงประกอบกิจเพื่อบุตรทั้งหลายของพระองค์ {COL 299.3}COLTh 263.1

    การฝึกฝนเช่นนี้ขับไล่อำนาจของซาตานให้ถอยห่างไป เป็นการขับไล่วิญญาณของการบ่นพึมพำและความขัดเคืองใจและจอมล่อลวงจะสูญเสียที่มั่นของมันไป การฝึกฝนเช่นนี้จะปลูกฝังคุณลักษณะของอุปนิสัยที่จะทำให้ผู้มีชีวิตในโลกนี้เหมาะที่จะเข้าไปพำนักอยู่ในปราสาทแห่งเมืองสวรรค์ {COL 300.1}COLTh 263.2

    การเป็นพยานเช่นนี้จะมีอำนาจจูงใจผู้อื่น ไม่มีวิธีการใดอีกแล้วที่จะนำมาใช้เพื่อเอาชนะจิตวิญญาณทั้งหลายให้มาหาพระคริสต์ได้ดีเท่าวิธีนี้ {COL 300.2}COLTh 263.3

    เราทั้งหลายจะต้องสรรเสริญพระเจ้าด้วยการรับใช้ที่สัมผัสได้ ด้วยสิ้นสุดกำลังเพื่อทำให้พระนามของพระองค์ได้รับสง่าราศีให้มากยิ่งขึ้น พระเจ้าทรงมอบของประทานให้แก่เรา เพื่อเราจะนำไปให้แก่ผู้อื่น และด้วยการกระทำเช่นนี้จะทำให้คนทั้งหลายเห็นพระลักษณะนิสัยของพระองค์ ในระบบพิธีกรรมของชาวยิวนั้น ของถวายและเครื่องบูชาเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการนมัสการพระเจ้า ชนชาติอิสราเอลได้รับการสั่งสอนให้นำทศางค์ [สิบลด] จากรายได้ทั้งหมดของพวกเขาถวายเพื่อใช้ในราชกิจของพระวิหาร นอกจากนี้พวกเขายังต้องนำเครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องบูชาถวายด้วยใจสมัครและเครื่องถวายบูชาขอบพระคุณมาด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีค้ำจุนการประกาศข่าวประเสริฐของยุคสมัยนั้น พระเจ้าทรงหวังว่าจะได้รับจากเราไม่น้อยไปกว่าที่พระองค์ทรงหวังว่าจะได้รับจากประชากรของพระองค์ในอดีต ภารกิจยิ่งใหญ่ในการนำจิตวิญญาณให้รอดนั้นจะต้องดำเนินต่อไป พระองค์ทรงจัดเตรียมทศางค์รวมทั้งของถวายต่างๆและเครื่องบูชาไว้เพื่อใช้ในภารกิจนี้ ด้วยประการฉะนี้ พระองค์ทรงใช้วิธีนี้เกื้อหนุนการประกาศข่าวประเสริฐให้ดำรงต่อไป พระองค์ทรงจัดทศางค์เป็นของพระองค์และจะต้องถือว่าเป็นส่วนที่บริสุทธิ์ที่ต้องเก็บรวบรวมไว้ในท้องพระคลังเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ราชกิจของพระองค์ พระองค์ยังทรงเรียกให้เราถวายเครื่องบูชาด้วยใจสมัครและเครื่องบูชาขอบพระคุณ ทั้งหมดนี้ก็เพื่ออุทิศไว้ใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วทุกมุมโลก {COL 300.3} COLTh 263.4

    การรับใช้นั้นรวมทั้งการรับใช้ส่วนตัวด้วย เราร่วมมือกับพระองค์ด้วยการรับใช้เป็นการส่วนตัวเพื่อช่วยโลกนี้ให้รอด พระคริสต์ทรงมีพระมหาบัญชาว่า “พวกท่านจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน” มาระโก 16:15 พระดำรัสนี้ตรัสแก่ผู้ติดตามพระองค์ทุกคน ทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามีส่วนในชีวิตของพระคริสต์ก็ได้รับการแต่งตั้งให้รับภาระในการนำความรอดไปสู่เพื่อนมนุษย์ด้วย ใจของพวกเขาจะเต้นในจังหวะเดียวกับพระหทัยของพระคริสต์ ความรู้สึกที่พระองค์ทรงมีต่อจิตวิญญาณทั้งหลายจะสำแดงในตัวของเขาด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนจะมีความเหมาะสมกับการทำงานในตำแหน่งเดียวกันแต่มีหน้าที่และมีงานให้ทุกคนทำ {COL 300.4}COLTh 264.1

    ในอดีต อับราฮัม อิสอัค ยาโคบ โมเสสผู้ซึ่งมีความถ่อมตนและสติปัญญา และโยซูวาผู้ซึ่งมีความสามารถหลายอย่างล้วนแล้วแต่ได้ชื่อว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้า ดนตรีของมิเรียม ความเข้มแข็งและเอาจริงเอาจังของเดโบราห์ ความรักความกตัญณูของรูธ ความเชื่อฟังและความสัตย์ซื่อของซามูเอล ความเด็ดเดี่ยวมั่นคงของเอลียาห์ ความสุภาพและอิทธิพลแห่งความสงบเสงี่ยมของเอลีชา คนทั้งหมดนี้เป็นที่ต้องการ บัดนี้ ทุกคนที่พระเจ้าทรงประสาทพรให้แล้วนั้นจะต้องตอบสนองด้วยการลงมือรับใช้ ของประทานทุกอย่างที่ทรงโปรดประทานให้นั้นจะต้องนำมาเพื่อทำให้อาณาจักรของพระองค์เจริญก้าวหน้าและถวายพระสิริแด่พระนามของพระองค์ {COL 301.1}COLTh 264.2

    ทุกคนที่รับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของตนจะต้องนำความจริงของข่าวประเสริฐและฤทธิ์อำนาจในการช่วยชีวิตแสดงออกมา พระเจ้าไม่ทรงเคยเรียกร้องสิ่งใดโดยที่ไม่ได้ทรงจัดเตรียมสิ่งที่จะช่วยให้สิ่งนั้นได้รับความสำเร็จ โดยพระคุณของพระคริสต์ เราทั้งหลายทำสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้สำเร็จได้ทุกประการ ความมั่งคั่งไพบูลย์ของสวรรค์จะต้องเปิดเผยผ่านประชากรของพระเจ้า พระคริสต์ตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงได้รับพระเกียรติเพราะเหตุนี้ คือเมื่อพวกท่านเกิดผลมากและเป็นสาวกของเรา” ยอห์น 15:8 {COL 301.2}COLTh 265.1

    พระเจ้าทรงถือว่าโลกทั้งใบเป็นสวนองุ่นของพระองค์ แม้ว่าขณะนี้จะอยู่ในมือของผู้ฉกชิง แต่โลกนี้เป็นของพระเจ้า ทั้งโดยการไถ่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโดยการทรงสร้าง โลกก็ยังเป็นของพระองค์อยู่ดี พระคริสต์ทรงสละพระชนม์เพื่อโลกนี้ “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ” ยอห์น 3:16 จากของประทานชิ้นเดียวนี้เองที่ทำให้ของประทานอื่นๆ ถูกมอบให้แก่มนุษย์ด้วย ในทุกวัน ทั่วทั้งโลกรับพระพรจากพระเจ้า น้ำฝนทุกหยด ลำแสงทุกลำสาดส่องลงเหนือเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่เคยมีความรู้สึกสำนึกพระคุณ ใบไม้ทุกใบและดอกไม้ทุกดอก ผลหมากรากไม้ ต่างเป็นพยานให้เห็นถึงความอดทนนานและความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า {COL 301.3}COLTh 265.2

    แต่มีอะไรบ้างที่มนุษย์ถวายคืนให้แก่พระผู้ประทานผู้ยิ่งใหญ่ มนุษย์ปฏิบัติต่อคำกล่าวอ้างในสิทธิของพระเจ้าอย่างไร มวลมนุษยชาติทั้งหลายต่างรับใช้ผู้ใดเล่า พวกเขารับใช้เงินทอง ความมั่งคั่ง ตำแหน่งความสนุกสนานในโลกเป็นเป้าหมายของพวกเขา ความร่ำรวยได้มาจากการปล้นสะดม ไม่ใช่เฉพาะจากมนุษย์เท่านั้นแต่จากพระเจ้าด้วย มนุษย์ใช้ของประทานเหล่านี้เพื่อสนองตัณหาอย่างเห็นแก่ตัวของตนเอง ทุกสิ่งที่พวกเขาสามารถไขว่คว้าหามาได้ก็เพื่อนำมาสนองความโลภของตนเองและความหลงใหลในความสุขสบายที่เห็นแก่ตัว {COL 302.1}COLTh 265.3

    บาปของชาวโลกในทุกวันนี้เป็นบาปเดียวกันกับที่นำหายนะมาสู่ชนชาติอิสราเอล การไม่สำนึกในพระคุณของพระเจ้า การละเลยโอกาสและพระพร การนำของประทานต่างๆ ที่พระเจ้าประทานให้ไปใช้อย่างเห็นแก่ตัว สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นบาปที่ประกอบกันขึ้นจนนำพระพิโรธมายังชนชาติอิสราเอลและเป็นบาปชนิดเดียวกันกับที่กำลังจะนำหายนะมายังโลกในทุกวันนี้ {COL 302.2}COLTh 266.1

    น้ำพระเนตรที่พระเยซูทรงหลั่ง ณ ภูเขามะกอกเทศขณะที่พระองค์ทอดพระเนตรเมืองที่พระองค์ทรงเลือกสรรนั้นไม่ใช่น้ำพระเนตรเพื่อกรุงเยรูซาเล็มเพียงแห่งเดียว ในชะตากรรมของกรุงเยรูซาเล็มนั้นพระองค์ทรงเห็นถึงหายนะของโลกใบนี้ด้วย {COL 302.3}COLTh 266.2

    โอ เราอยากให้ตัวเจ้ารู้ในเวลานี้ว่าสิ่งใดสร้างสันติ แต่เดี๋ยวนี้สิ่งนั้นถูกซ่อนไว้จากตาของเจ้าแล้ว ” ลูกา 19:42 {COL 302.4}COLTh 266.3

    ในเวลานี้ ” วันนั้นกำลังใกล้ถึงวาระสิ้นสุดแล้ว ช่วงเวลาแห่งพระกรุณาคุณและโอกาสที่เปิดไว้กำลังจะสิ้นสุดในอีกไม่ช้า เมฆหมอกแห่งการแก้แค้นกำลังก่อตัวขึ้น บรรดาคนที่ปฏิเสธพระคุณของพระเจ้ากำลังมุ่งหน้าไปสู่ความพินาศที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่อาจกู้คืนได้ {COL 302.5}COLTh 266.4

    แต่ถึงกระนั้นก็ตามโลกนี้ยังคงหลับใหลอยู่ ประชาชนไม่รู้ว่าเวลานั้นกำลังจะมาเยือนพวกเขาอยู่แล้ว {COL 302.6}COLTh 266.5

    ในห้วงวิกฤตนี้ จะพบคริสตจักรของพระองค์ได้ที่ไหน สมาชิกของคริสตจักรก้าวถึงมาตรฐานที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้แล้วหรือไม่ พวกเขาทำให้พระมหาบัญชาสำเร็จหรือไม่และเป็นผู้แทนพระลักษณะนิสัยของพระองค์ให้แก่ชาวโลกหรือไม่ พวกเขาเร่งเร้าให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันสนใจข่าวสารคำเตือนสุดท้ายแห่งพระเมตตาหรือไม่ {COL 302.7}COLTh 266.6

    มนุษย์กำลังตกอยู่ในภัยอันตราย มวลชนกำลังพินาศ แต่ผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้ติดตามพระคริสต์มีน้อยคนนักที่รับภาระจิตวิญญาณเหล่านี้ ชะตาของโลกนี้แขวนอยู่บนตาชั่ง แต่เรื่องนี้แทบจะไม่ทำให้แม้แต่ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เชื่อความจริงซึ่งแผ่ออกไปอย่างกว้างขวางเท่าที่เคยมอบให้แก่มนุษย์ผู้ต้องตายรูสึกสะทกสะท้านเลย พวกเขาขาดความรักนั้นที่ชักนำพระคริสต์ให้ละทิ้งปราสาทแห่งสวรรค์และมารับธรรมชาติของมนุษย์เพื่อให้มนุษย์สัมผัสกับมนุษย์ และเพื่อนำมนุษย์ให้เข้าหาพระเจ้า ภาวะกึ่งสลบและเป็นอัมพาตที่ตกอยู่เหนือประชากรของพระเจ้าขัดขวางพวกเขาจากการเข้าใจถึงภาระหน้าที่ของเวลานี้ {COL 303.1} COLTh 266.7

    เมื่อชนชาติอิสราเอลเข้าไปยังแผ่นดินคานาอันแล้ว พวกเขาไม่ได้ทำให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จโดยการยึดครองพื้นที่ทั้งหมด ภายหลังจากยึดดินแดนเพียงบางส่วนได้แล้ว พวกเขาก็ปักหลักและชื่นชมกับผลแห่งชัยชนะที่ได้รับ ความไม่เชื่อและรักความสุขสบายของพวกเขาทำให้พวกเขารวมตัวกันครอบครองบางส่วนของดินแดนที่ยึดมาแล้ว แทนที่จะขยายอาณาเขตโดยการเข้ายึดครองพื้นที่ใหม่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มเหินห่างจากพระเจ้า ความล้มเหลวของพวกเขาในการทำให้เป้าหมายของพระเจ้าสำเร็จทำให้พระองค์ไม่อาจทำให้พระสัญญาแห่งพระพรของพระองค์ที่มีต่อพวกเขาสำเร็จเช่นกัน คริสตจักรในทุกวันนี้ทำสิ่งเดียวกันนี้ไม่ใช่หรือ ทั่วทั้งโลกต่างต้องการข่าวประเสริฐ แต่คริสเตียนกลับรวมตัวกันเพียงเพื่อชื่นชมกับอภิสิทธิ์ของข่าวประเสริฐ พวกเขามองไม่เห็นความจำเป็นที่จะไปบุกยึดครองพื้นที่ใหม่ และนำข่าวสารแห่งความรอดไปสู่ดินแดนอันไกลโพ้น คนเหล่านี้ปฏิเสธที่จะทำให้พระมหาบัญชาของพระคริสต์ที่ว่า “พวกท่านจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน” สำเร็จ มาระโก 16:15 พวกเขามีความผิดน้อยกว่าคริสตจักรของชาวยิวหรือไม่ {COL 303.2}COLTh 267.1

    ชาวสวรรค์ในจักรวาลกำลังตรวจสอบผู้ที่แสดงตนว่าเป็นผู้ติดตามพระคริสต์อยู่ แต่ความกระตือรือร้นอย่างเย็นชาและความพยายามอันอ่อนเปลี้ยในการรับใช้พระราชกิจของพระเจ้าตราพวกเขาไว้ว่าเป็นคนไม่สัตย์ซื่อ หากพวกเขาทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว การลงโทษจะไม่ตกอยู่กับพวกเขา ถ้าหัวใจของพวกเขาอยู่กับงาน พวกเขาจะทำได้มากกว่านี้ พวกเขารู้และชาวโลกต่างก็รู้ดีว่าในระดับหนึ่งพวกเขาขาดวิญญาณของการละทิ้งตนเองและแบกกางเขน ในทะเบียนของสวรรค์ จะมีคำว่า “ไม่ใช่ผู้ผลิต ” แต่เป็น “ ผู้ผลาญทำลาย” เขียนไว้ข้างชื่อของคนมากมายเหล่านี้ คนมากมายที่รับพระนามของพระคริสต์ทำให้ พระสิริของพระองค์ถูกปกปิด ความงามของพระองค์ถูกบดบังและพระเกียรติของพระองค์ถูกถอนไป {COL 303.3} COLTh 267.2

    คนมากมายมีชื่ออยู่ในทะเบียนโบสถ์แต่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพระคริสต์ พวกเขาไม่ใส่ใจที่จะกระทำตามคำสั่งสอนหรือรับใช้ในพระราชกิจของพระองค์ ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของศัตรู พวกเขาไม่ได้ทำสิ่งดีงามใดๆ เลย ดังนั้นพวกเขาทำความเสียหายเหลือคณานับ เพราะอิทธิพลของพวกเขาไม่ใช่กลิ่นหอมแห่งชีวิตที่นำไปสู่ชีวิตแต่เป็นกลิ่นแห่งความตายที่นำไปสู่ความตาย {COL 304.1}COLTh 268.1

    พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เพราะสิ่งเหล่านี้เราจะไม่ลงโทษเขาหรือ” เยเรมีย์ 5:9 เนื่องจากชนชาติอิสราเอลพลาดที่จะทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ พระองค์จึงทรงทิ้งพวกเขาไป และพระเจ้าจึงทรงเรียกผู้อื่น แต่หากพิสูจน์แล้วว่าคนเหล่านี้ไม่สัตย์ซื่อเหมือนกัน พวกเขาจะไม่ถูกปฏิเสธเช่นเดียวกับที่ชนชาติอิสราเอลถูกปฏิเสธหรือ {COL 304.2}COLTh 268.2

    ในอุปมาเรื่องสวนองุ่นนี้ พระคริสต์ทรงประกาศว่าคนดูแลสวนเป็นผู้มีความผิด พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธที่จะคืนผลแห่งแผ่นดินแก่เจ้านายของตน สำหรับประชาชาติยิว แล้วปุโรหิตและอาจารย์ที่นำประชาชนไปในทางที่ผิดนั้น เป็นผู้ที่ฉ้อโกงการรับใช้ที่พระเจ้าสมควรได้รับ พวกเขาเป็นผู้หันเหชนชาตินี้ไปจากพระคริสต์ {COL 304.3}COLTh 268.3

    พระคริสต์นำเสนอพระบัญญัติของพระเจ้าที่ไม่เจือปนด้วยขนบธรรมเนียมใดของมนุษย์ไว้เป็นมาตรฐานยิ่งใหญ่แห่งการเชื่อฟัง แต่เรื่องนี้ปลุกความเป็นศัตรูของพวกรับบี พวกเขายกชูคำสอนของมนุษย์ขึ้นอยู่เหนือพระวจนะของพระเจ้า และหันเหประชาชนไปจากกฎเกณฑ์ของพระองค์ พวกเขาไม่ยอมละทิ้งบัญญัติที่มนุษย์คิดขึ้นเพื่อหันมาเชื่อฟังข้อกำหนดในพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่ยอมสละความภาคภูมิใจในเหตุผลและการยกย่องสรรเสริญของมนุษย์เพื่อเห็นแก่ความจริง เมื่อพระคริสต์เสด็จมา พระองค์นำการเรียกร้องของพระเจ้ามาเสนอให้แก่ประชาชาตินี้ ปุโรหิตและผู้อาวุโสไม่ยอมให้พระองค์เข้ามาแทรกอยู่ระหว่างพวกเขากับประชาชน พวกเขาไม่ยอมรับคำติและคำเตือน และลงแรงผลักดันให้ประชาชนต่อต้านและมุ่งทำลายพระองค์ {COL 304.4}COLTh 268.4

    สำหรับการปฏิเสธพระคริสต์และผลที่ได้รับตามมานั้นพวกเขาต้องรับผิดชอบ บาปของประเทศชาติและความพินาศของประชาชาติล้วนมาจากพวกผู้นำศาสนาทั้งสิ้น {COL 305.1}COLTh 269.1

    ในสมัยของเราอิทธิพลแบบเดียวกันนี้ยังคงดำเนินอยู่มิใช่หรือ คนงานในสวนองุ่นของพระเจ้าจำนวนมากกำลังทำตามแบบอย่างของผู้นำชาวยิวอยู่ใช่หรือไม่ ครูสอนศาสนาหันเหประชาชนไปจากข้อกำหนดเรียบง่ายในพระวจนะของพระเจ้าไม่ใช่หรือ พวกเขาสั่งสอนคนเหล่านี้ให้ล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้าแทนที่จะสอนให้เชื่อฟังใช่หรือไม่ คำสอนจากธรรมาสน์โบสถ์มากมายสอนว่าประชาชนไม่อยู่ภายใต้ข้อผูกมัดใดๆ ของพระบัญญัติของพระเจ้าอีกแล้ว ขนบธรรมเนียมประเพณีและพิธีกรรมของมนุษย์กลับได้รับการยกย่อง ความเย่อหยิ่งและความพึงพอใจในตนเองอันเกิดจากของประทานของพระเจ้าถูกเก็บถนอมไว้ ในขณะที่ละเลยการอ้างสิทธิของพระเจ้า {COL 305.2}COLTh 269.2

    ในการปัดพระบัญญัติของพระเจ้าทิ้งไปนั้น มนุษย์หารู้ไม่ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ พระบัญญัติของพระเจ้าเป็นบันทึกพระลักษณะนิสัยของพระองค์ เป็นจุดรวมหลักการของอาณาจักรของพระองค์ ผู้ที่ปฏิเสธที่จะยอมรับกฎเกณฑ์เหล่านี้ได้นำตัวเองออกไปจากท่อพระพรของพระเจ้า {COL 305.3}COLTh 269.3

    ความเป็นไปได้อันมีสง่าราศีที่จัดวางอยู่เบื้องหน้าคนอิสราเอลจะเป็นจริงโดยผ่านทางการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าเท่านั้น สิ่งเดียวกันนี้คืออุปนิสัยที่สูงส่ง พระพรที่ล้นเหลือ พระพรของความคิดจิตใจและร่างกาย พระพรของบ้านเรือนและไร่นา พระพรของชีวิตนี้และชีวิตหน้า พระพรทั้งหมดนี้จะเป็นของเราได้โดยผ่านทางการเชื่อฟังเท่านั้น {COL 305.4}COLTh 269.4

    การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าเป็นเงื่อนไขของการบังเกิดผลทั้งทางธรรมชาติและทางฝ่ายจิตวิญญาณ และเมื่อมนุษย์สอนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้ละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า พวกเขากำลังขัดขวางคนเหล่านั้นในการเกิดผลแห่งพระสิริของพระองค์ พวกเขามีความผิดในข้อหาระงับไม่ถวายคืนผลจากสวนองุ่นของพระยาห์เวห์ให้แก่พระองค์ {COL 305.5}COLTh 269.5

    สำหรับเราทั้งหลายแล้ว พระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้านายทรงบัญชาให้ผู้สื่อข่าวของพระองค์มาถึงเรา พวกเขามา เพื่อเรียกให้เชื่อปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าเหมือนที่พระเยซูคริสต์เคยกระทำมาแล้ว พวกเขาอ้างสิทธิในผลของสวนองุ่น เป็นผลแห่งความรักและความถ่อมตนและผลแห่งการรับใช้ที่เกิดจากการละทิ้งตนเอง คนดูแลสวนองุ่นจำนวนไม่น้อยเมื่อได้ยินคำตักเตือนก็โกรธเช่นเดียวกับผู้นำชาวยิวไม่ใช่หรือ เมื่อข้อกำหนดของพระบัญญัติของพระเจ้าถูกนำเสนอไว้อยู่ต่อหน้าประชาชน อาจารย์เหล่านี้ไม่ใช่หรือที่เป็นผู้นำคนทั้งหลายให้ปฏิเสธ เช่นนี้แหละที่พระเจ้าทรงเรียกว่าเป็นผู้รับใช้ที่ไม่สัตย์ซื่อ {COL 306.1}COLTh 270.1

    พระวจนะของพระเจ้าที่มายังคนอิสราเอลโบราณกาลนั้น เป็นคำเตือนเคร่งขรึมที่มาถึงคริสตจักรและบรรดาผู้นำในยุคปัจจุบัน พระเจ้าตรัสถึงคนอิสราเอลว่า “ ถึงเราจะเขียนธรรมบัญญัติไว้ให้สักหมื่นข้อ เขาจะถือว่าเป็นเพียงของแปลก” โฮเชยา 8:12 และสำหรับพวกปุโรหิตและอาจารย์ พระองค์ทรงประกาศว่า “ประชากรของเราถูกทำลายเพราะขาดความรู้ เพราะเจ้าเองปฏิเสธความรู้ เราก็ปฏิเสธเจ้า….เพราะเจ้าลืมธรรมบัญญัติแห่งพระเจ้าของเจ้า เราเองก็จะลืมพงศ์พันธุ์ของเจ้าด้วย” โฮเชยา 4:6 {COL 306.2}COLTh 270.2

    เราจะปล่อยให้คำตักเตือนเหล่านี้ของพระเจ้าผ่านไปโดยไม่ใส่ใจอย่างนั้นหรือ เราจะปล่อยให้โอกาสในการรับใช้ผ่านไปโดยไม่ปรับปรุงหรือ เราจะปล่อยให้การสบประมาทของโลก การเย่อหยิ่งในเหตุผล การเลียนแบบขนบธรรมเนียมและประเพณีของชาวโลกยึดเหนี่ยวบรรดาผู้ที่บอกว่าตนเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ไปจากการรับใช้พระองค์หรือ พวกเขาจะปฏิเสธพระคำของพระเจ้าเหมือนเช่นผู้นำชาวยิวปฏิเสธพระคริสต์หรือ ผลของบาปของชนชาติอิสราเอลอยู่ตรงหน้าเราทั้งหลาย คริสตจักรในยุคปัจจุบันนี้จะรับคำตักเตือนนี้หรือไม่ {COL 306.3}COLTh 270.3

    แต่ถ้าบางกิ่งถูกหักออกเสียแล้วและพระเจ้าทรงนำท่านผู้เป็นกิ่งมะกอกเทศป่ามาต่อกิ่งไว้แทนกิ่งเหล่านั้น เพื่อให้เข้าเป็นส่วนได้รับน้ำเลี้ยงจากรากต้นมะกอก ก็อย่าอวดดี..... พวกเขาถูกหักออกก็เพราะเขาไม่เชื่อ แต่ที่ท่านอยู่ได้ก็เพราะความเชื่อเท่านั้น อย่าเย่อหยิ่งไปเลย แต่จงเกรงกลัวเพราะว่าเมื่อพระองค์ไม่ได้ทรงหวงกิ่งเหล่านั้นที่เป็นกิ่งเดิม พระองค์ก็จะไม่ทรงหวงท่านเหมือนกัน” โรม 11:17-21 {COL 306.4}COLTh 271.1

    *****