Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    จงค้นหาขุมทรัพย์

    เราควรใส่ใจศึกษาพระวจนะของพระเจ้า เราจะต้องสอนบุตรของเราถึงความจริงที่มีอยู่ในนั้น พระวจนะเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันหมดสิ้น แต่มนุษย์ไม่พบขุมทรัพย์นี้เพราะพวกเขาไม่ได้ค้นหาจนกระทั่งได้มาเป็นเจ้าของ มีคนจำนวนมากพึงพอใจกับสมมติฐานในเรื่องของความจริง พวกเขาพอใจกับการลงแรงอย่างผิวเผินโดยถือว่าตนเองได้รับสิ่งที่จำเป็นหมดแล้ว พวกเขายึดคำพูดของผู้อื่นว่าเป็นความจริง เพราะเขาเองมีความเกียจคร้านเกินกว่าที่จะลงแรงอย่างขยันขันแข็งและจริงจัง ดังที่แสดงในพระวจนะนั้นว่าจะต้องลงมือขุดเองเพื่อหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ แต่การคิดค้นของมนุษย์ไม่เพียงแต่ไว้ใจไม่ได้เท่านั้นแต่ยังเป็นอันตรายด้วยเพราะเขายกมนุษย์ไปวางไว้แทนที่พระเจ้า เขาถือคำพูดของมนุษย์แทนคำว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า” เยเรมีห์ 27:16 {COL 109.1}COLTh 79.2

    พระคริสต์ทรงเป็นองค์แห่งสัจจะ พระวจนะของ พระองค์ทรงเป็นความจริงและพระวจนะนั้นมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่เห็นได้จากสภาพภายนอก พระดำรัสทั้งหมดของพระคริสต์มีคุณค่าเกินกว่าลักษณะการแสดงออกภายนอก จิตใจที่ได้รับการกระตุ้นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะเห็นคุณค่าของพระดำรัสเหล่านี้ เขาจะมองเห็นอัญมณีแห่งความจริงอันมีคุณค่า ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ก็ตาม {COL 110.1}COLTh 80.1

    ทฤษฎีและสมมติฐานของมนุษย์จะนำไปสู่ความเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าไม่ได้เป็นอันขาด ผู้ที่ถือว่าตนเข้าใจปรัชญา คิดว่าคำอธิบายของพวกเขานั้นมีความจำเป็นเพื่อใช้เปิดขุมทรัพย์แห่งความรู้ และเพื่อป้องกันความเชื่อผิดๆ ที่จะเข้ามาในคริสตจักร แต่คำอธิบายเหล่านี้ต่างหากที่ได้นำทฤษฎีเทียมเท็จและความเชื่อที่ผิดเข้ามา มนุษย์ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออธิบายข้อพระคัมภีร์ที่เขาคิดว่ายุ่งยาก แต่บ่อยครั้งความพยายามของเขากลับทำให้สิ่งที่พยายามทำให้แจ่มแจ้งมืดมัวไปยิ่งกว่าเดิม {COL 110.2}COLTh 80.2

    ปุโรหิตและฟาริสีคิดว่าพวกเขาทำงานยิ่งใหญ่ในฐานะของผู้สอนโดยการใส่คำอธิบายของตนลงไปในพระวจนะของพระเจ้า แต่พระคริสต์ทรงกล่าวถึงพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า” มาระโก 12:24 พระองค์ทรงกล่าวโทษพวกเขาว่า “เอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน” มาระโก 7:7 แม้ว่าพวกเขาเป็นครูสอนพระดำรัสของพระเจ้า แม้จะถือว่าเป็นผู้ที่เข้าใจพระวจนะของพระองค์ แต่พวกเขาหาใช่ผู้ปฎิบัติตามพระวจนะนั้นไม่ ซาตานทำให้ตาของพวกเขาบอดเพื่อไม่ให้มองเห็นความสำคัญที่แท้จริง {COL 110.3}COLTh 80.3

    นี่คืองานของคนมากมายในยุคของเรา คริสตจักรจำนวนมากทำผิดด้วยบาปชนิดนี้ มีอันตรายอันใหญ่หลวงสำหรับคนในยุคนี้ซึ่งถือว่าตนเป็นคนฉลาดที่จะเดินซ้ำรอยประสบการณ์ของพวกอาจารย์ชาวยิว พวกเขาแปลคำสอนของพระเจ้าไปในทางผิดและทำให้จิตวิญญาณจำนวนมากเกิดความสับสนและถูกห่อหุ้มด้วยความมืดมนเนื่องจากเข้าใจความจริงของพระเจ้าผิดไป {COL 110.4}COLTh 81.1

    เราไม่จำเป็นต้องอ่านพระคัมภีร์ด้วยแสงสลัวของประเพณีนิยมหรือการคาดเดาของมนุษย์ เมื่อใดที่เราอธิบายพระคัมภีร์ด้วยขนบธรรมเนียมหรือจินตนาการ ก็เหมือนกับความพยายามใช้โคมไฟส่องแสงให้แก่ดวงอาทิตย์ พระวจนะศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าไม่ต้องการแสงจากโคมไฟของโลกเพื่อทำให้สง่าราศีเด่นชัดยิ่งขึ้น เพราะพระวจนะนั้นมีแสงสว่างอยู่ในตัว เป็นสง่าราศีของพระเจ้าที่เปิดเผยออกมา นอกเหนือจากแสงสว่างนี้แล้วแสงสว่างอื่นๆ ก็เป็นแต่เพียงแสงสลัวเท่านั้น {COL 111.1}COLTh 81.2

    แต่การศึกษาอย่างจริงจังและสำรวจอย่างถี่ถ้วนนั้นเป็นสิ่งจำเป็น คนเกียจคร้านจะไม่ได้รับความเข้าใจความจริงอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้งเป็นการตอบแทน ไม่มีพรใดของโลกจะได้มาโดยไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างเอาจริงเอาจัง อดทนและพากเพียร ผู้ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจจะต้องมีความตั้งใจในการทำงานและความเชื่อที่จะมองหาความสำเร็จ และเราไม่อาจหวังที่จะได้ความรู้ฝ่ายจิตวิญญาณโดยไม่ต้องทำงานหนัก ผู้ที่ต้องการจะค้นพบขุมทรัพย์แห่งความจริงจะต้องขุดหาความจริงเหมือนคนขุดแร่หาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ไม่มีงานใดที่ทำอย่างครึ่งๆ กลางๆ จะให้ผลตอบแทน นี่คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่และเยาวชน พวกเขาไม่ควรเพียงแต่อ่านพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น แต่ควรศึกษาพระธรรมนั้นด้วยความเพียรอย่างจริงใจ อธิษฐานและค้นความจริงเสมือนหนึ่งค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ผู้ที่กระทำเช่นนี้จะได้ผลตอบแทน เพราะพระคริสต์จะทรงเสริมความเข้าใจให้ {COL 111.2}COLTh 81.3

    ความรอดของเราขึ้นกับความรู้ในความจริงที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้เราเป็นเจ้าของสิ่งนี้ จงค้นหาเถิด จงค้นหาจากพระคัมภีร์อันมีค่าด้วยใจที่หิวกระหาย สำรวจพระธรรมของพระเจ้าเช่นคนขุดแร่สำรวจผิวโลกเพื่อหาสายธารทองคำ อย่ายอมแพ้ต่อการค้นหาจนกว่าท่านมั่นใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อท่าน พระคริสต์ทรงเปิดเผยว่า “ สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น” ยอห์น 14:13, 14 {COL 111.3}COLTh 82.1

    คนที่เคร่งครัดศาสนาและผู้ที่มีความรู้สูงรับความจริงนิรันดร์ได้ แต่บ่อยครั้งพวกเขาไม่เข้าใจเพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นปิดบังสง่าราศีที่มองไม่เห็น ผู้ที่อยากจะได้รับความสำเร็จในการค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้จะต้องก้าวให้สูงขึ้นกว่าการแสวงหาสิ่งของในโลกนี้ ความพอใจและความสามารถทั้งหมดของเขาจะต้องมอบถวายเพื่อการแสวงหา {COL 112.1}COLTh 82.2

    การไม่เชื่อฟังปิดประตูทำให้ความรู้อันมหาศาลที่ควรจะได้จากพระคัมภีร์ผ่านเข้าไปไม่ได้ ความเข้าใจคือการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า ไม่ควรปรับพระคัมภีร์ให้เข้ากับอคติและความอิจฉาริษยาของมนุษย์ มีเพียงผู้ที่ถ่อมใจแสวงหาความรู้แห่งความจริงเพื่อจะปฏิบัติตามเท่านั้นจึงจะเข้าใจพระคัมภีร์ได้ {COL 112.2} COLTh 82.3

    ท่านถามว่า ข้าพเจ้าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรอด ท่านจะต้องนำความคิดเห็นที่เกิดขึ้นในใจ ความนึกคิดที่ถ่ายทอดมาทางกรรมพันธุ์และความนึกคิดที่ได้รับการสั่งสมมาทั้งหมดวางลงที่ประตูแห่งการตรวจสอบ หากท่านค้นหาพระคัมภีร์เพื่อพิสูจน์ความคิดเห็นของท่านเอง ท่านไม่มีทางไปถึงความจริง จงแสวงหาเพื่อเรียนรู้ว่าพระยาห์เวห์ตรัสอย่างไร หากท่านเกิดความสำนึกในใจในขณะที่ศึกษา หากท่านเห็นว่าความนึกคิดที่ท่านชอบไม่สอดคล้องกับความจริง จงอย่าแปลความหมายของความจริงนั้นผิดไปเพียงเพื่อต้องการให้เข้ากับความเชื่อของท่าน แต่จงยอมรับแสงสว่างที่ได้ประทานให้ จงเปิดความคิดและจิตใจเพื่อท่านจะสามารถเห็นสิ่งมหัศจรรย์จากพระธรรมของพระเจ้าได้ {COL 112.3}COLTh 82.4

    ความเชื่อในพระคริสต์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของโลกนั้นเรียกร้องให้เรายอมรับแสงสว่างแห่งปัญญาซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของจิตใจ เป็นจิตใจที่มองเห็นและรู้สำนึกถึงคุณค่าของขุมทรัพย์แห่งสวรรค์ ความเชื่อนี้จะแยกจากการกลับใจใหม่และการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยไม่ได้ การจะมีความเชื่อหมายถึงการค้นหาและการยอมรับขุมทรัพย์ของข่าวประเสริฐภายใต้ข้อผูกพันทั้งหมดที่กำหนดไว้ {COL 112.4}COLTh 83.1

    ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” ยอห์น 3:3 เขาคนนั้นอาจคาดเดาหรือวาดมโนภาพ แต่ถ้าขาดสายตาแห่งความเชื่อ เขาก็ไม่อาจจะมองเห็นขุมทรัพย์ได้ พระคริสต์ทรงพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อให้เราได้รับขุมทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่หากไม่เกิดใหม่ด้วยความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์แล้วจะไม่มีการยกโทษความผิดบาปและจะไม่มีขุมทรัพย์สำหรับจิตวิญญาณใดที่กำลังพินาศ {COL 112.5} COLTh 83.2

    เราต้องการแสงสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเข้าใจความจริงในพระวจนะของพระเจ้า เราจะยังมองไม่เห็นสิ่งที่สวยงามในธรรมชาติของโลกจนกว่าดวงอาทิตย์จะขับไล่ความมืดไปด้วยแสงสว่างที่ส่องกระจายไปทั่ว ในทำนองเดียวกันเราจะไม่สำนึกในคุณค่าของขุมทรัพย์ในพระธรรมของพระเจ้าจนกว่าจะได้รับการเปิดเผยโดยลำแสงอันสว่างไสวของดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม {COL 113.1}COLTh 83.3

    พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงโปรดประทานมาจากสวรรค์โดยพระเมตตาแห่งความรักที่ไร้ขอบเขต ทรงนำเรื่องราวของพระเจ้ามาเปิดเผยให้แก่จิตวิญญาณทุกดวงที่มีความเชื่ออย่างไม่สงสัยในพระคริสต์ โดยอำนาจของพระองค์ความจริงอันสำคัญที่นำไปสู่ความรอดของจิตวิญญาณจะฝังลึกลงสู่ความนึกคิด และทางแห่งชีวิตจะเปิดกว้างเพื่อไม่ให้ผู้ใดเดินหลงไปในทางผิด ในขณะที่ศึกษาพระคัมภีร์ เราควรอธิษฐานขอให้แสงสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าส่องบนพระธรรม เพื่อเราจะเห็นและซาบซึ้งขุมทรัพย์ที่มีอยู่ในนั้น {COL 113.2}COLTh 83.4

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents