Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    บทที่ 11 - ทรัพย์เก่าและทรัพย์ใหม่

    อ้างอิงจาก มัทธิว 13:51, 52

    ขณะที่พระคริสต์ทรงสอนประชาชนอยู่นั้น พระองค์ทรงสั่งสอนสาวกของพระองค์ในเรื่องงานของพวกเขาในอนาคตพร้อมกันไปด้วย ในคำสอนทั้งหมดของพระองค์มีบทเรียนสำหรับพวกเขา หลังจากที่ทรงกล่าวอุปมาเรื่องของอวนจับปลาแล้วพระองค์ทรงถามว่า “ ข้อความเหล่านี้ท่านทั้งหลายเข้าใจแล้วหรือ” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “เข้าใจพระเจ้าข้า” ดังนั้นพระองค์จึงยกอุปมาอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา เพื่อให้คนเหล่านี้เห็นถึงความรับผิดชอบที่พวกเชาพึงมีต่อความจริงที่พวกเขาได้รับไว้แล้ว พระองค์ตรัสว่า “ เพราะเหตุนี้ พวกธรรมจารย์ทุกคนที่ได้เรียนรู้ถึงแผ่นดินสวรรค์แล้ว ก็เป็นเหมือนเจ้าของบ้านที่เอาทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน” มัทธิว 13:51, 52 {COL 124.1}COLTh 95.1

    ทรัพย์สมบัติที่เจ้าของบ้านได้เพิ่มมานั้น เขาไม่ได้เก็บไว้เฉยๆ เขาเอาออกมาเพื่อแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น และด้วยการกระทำเช่นนี้ทำให้สมบัติของเขาเพิ่มขึ้น เจ้าของบ้านมีสมบัติมีค่าทั้งของใหม่และของเก่า ดังนั้นพระคริสต์ทรงสอนว่าความจริงที่มอบหมายให้กับสาวกของพระองค์แล้วนั้นจะต้องแจ้งให้แก่ชาวโลก และในขณะที่มีการแบ่งปันความจริงออกไป ความจริงนั้นก็จะเพิ่มขึ้น {COL 124.2} COLTh 96.1

    ทุกคนที่ได้รับข่าวประเสริฐเข้าไว้ในจิตใจจะมีความต้องการที่จะประกาศออกไป ความรักของพระคริสต์ที่ได้มาจากสวรรค์จะต้องประกาศออกไป ผู้ที่สวมพระคริสต์มาไว้ในชีวิตจะบอกเล่าประสบการณ์ของเขา บอกถึงการทรงนำทีละขั้นทีละตอนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งก็คือความหิวและความกระหายของพวกเขาในเรื่องความรู้ของพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมา ผลการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ของพวกเขา คำอธิษฐานของพวกเขา ความปวดร้าวในจิตวิญญาณของพวกเขา และพระดำรัสของพระคริสต์ที่มีมายังพวกเขาว่า “บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” มัทธิว 9:2 ปกติแล้วไม่มีผู้ใดจะเก็บสิ่งเหล่านี้ให้เป็นความลับได้ และผู้ที่เต็มล้นไปด้วยความรักของพระคริสต์จะไม่ทำเช่นนั้น ในสัดส่วนความจริงอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงฝากพวกเขานั้น เขาก็อยากจะให้ผู้อื่นได้รับพระพรอย่างเดียวกันนี้ด้วย และในขณะที่พวกเขานำสมบัติอันมีค่าแห่งพระคุณของพระเจ้าไปให้แก่ผู้อื่นรับรู้นั้น พระคุณของพระคริสต์ก็จะทรงโปรดประทานให้แก่พวกเขามากยิ่งขึ้น พวกเขาจะมีจิตใจเหมือนเด็กเล็กๆ ในการเชื่อฟังอย่างง่ายๆ และไม่มีข้อแม้ จิตวิญญาณของพวกเขาจะเรียกหาความบริสุทธิ์ สมบัติแห่งความจริงและพระคุณจะเปิดเผยให้พวกเขารับรู้มากยิ่งขึ้นเพื่อแบ่งปันให้กับชาวโลก {COL 125.1}COLTh 96.2

    คลังสมบัติแห่งความจริงอันยิ่งใหญ่คือพระวจนะของพระเจ้า เป็นหนังสือที่บันทึกเป็นตัวอักษร เป็นหนังสือของธรรมชาติและเป็นหนังสือแห่งประสบการณ์กล่าวถึงการปฏิบัติของพระเจ้าต่อชีวิตมนุษย์ นี่คือแหล่งขุมทรัพย์ที่ผู้รับใช้ของพระคริสต์จะค้นหาได้ ในการค้นหาความจริงนั้น พวกเขาต้องพึ่งพระเจ้า ไม่ใช่พึ่งสติปัญญาความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ สติปัญญาของบุคคลยิ่งใหญ่นั้นเป็นความโง่เขลาของพระเจ้า พระยาห์เวห์จะประทานสติปัญญาในเรื่องของพระองค์เองแก่ทุกคนที่แสวงหาด้วยวิถีทางของพระองค์เอง {COL 125.2}COLTh 96.3

    หากผู้ติดตามพระคริสต์เชื่อถ้อยคำของพระองค์และปฏิบัติตาม จะไม่มีศาสตร์แห่งความรู้ใดในโลกของธรรมชาติที่เขารับรู้และซาบซึ้งในคุณค่าไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะไม่ช่วยเขาเพื่อการนำความจริงไปให้แก่ผู้อื่น ศาสตร์จากธรรมชาติเป็นคลังแห่งความรู้ที่นักศึกษาในโรงเรียนของพระคริสต์ค้นหาได้ ในขณะที่เราใคร่ครวญถึงความงดงามของธรรมชาติ ในขณะที่เราศึกษาบทเรียนของการเพาะปลูกพรวนดิน ศึกษาการเจริญเติบโตของต้นไม้ ศึกษาความมหัศจรรย์ของพื้นโลกและมหาสมุทรและท้องฟ้า เราก็จะได้รับความเข้าใจเรื่องความจริงในแง่มุมใหม่ ความล้ำลึกที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ ความล้ำลึกของพระปัญญาและการพิพากษาของพระเจ้าที่มองเห็นในชีวิตของมนุษย์ เราจะค้นพบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นคลังสมบัติอันล้ำค่าบรรจุอยู่ภายใน {COL 125.3}COLTh 97.1

    ในถ้อยคำที่จารึกไว้นี้ มีความรู้เรื่องของพระเจ้าที่เปิดเผยไว้อย่างชัดเจนให้แก่มนุษย์ที่ล้มลงในบาป นี่คือคลังสมบัติที่ไม่มีวันเหือดแห้งของพระคริสต์ {COL 126.1}COLTh 97.2

    พระวจนะของพระเจ้าประกอบด้วยพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญาใหม่ แต่ละเล่มจะไม่สมบูรณ์หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป พระคริสต์ทรงประกาศว่าความจริงของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนั้นมีค่าเท่าเทียบกับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ พระคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์ตั้งแต่ยุคแรกของการสร้างโลกมาจนถึงยุคปัจจุบัน ก่อนที่พระองค์ทรงสวมความเป็นพระเจ้าด้วยสภาพของมนุษย์และเสด็จมายังโลกของเรานั้น ข่าวประเสริฐได้ประกาศออกไปโดยอาดัม เสท เอโนค เมธูเสลาห์และโนอาห์ อับราฮัมที่เมืองคานาอันและโลทที่เมืองโสโดมก็ประกาศข่าวสารนี้ และจากคนชั่วอายุหนึ่งไปสู่คนอีกชั่วอายุหนึ่งบรรดาผู้สื่อข่าวที่สัตย์ซื่อก็ประกาศถึงพระองค์ผู้จะเสด็จมา พระคริสต์เองทรงเป็นผู้สถาปนาพิธีการทางศาสนาทั้งหมดของชาวยิว พระองค์ทรงเป็นพื้นฐานของระบบการถวายบูชาซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของพิธีการทางศาสนาทั้งหมดของพวกเขา โลหิตที่ไหลในการถวายเครื่องบูชาชี้ไปยังการถวายบูชาของพระเมษโปดกของพระเจ้า สัญลักษณ์แห่งการถวายบูชาสำเร็จในพระองค์ {COL 126.2}COLTh 97.3

    พระคริสต์ทรงสำแดงพระองค์เองแก่บรรพบุรุษด้วยรูปแบบของสัญลักษณ์ในพิธีการถวายเครื่องบูชาที่ชี้ไปยังพระองค์ ในรูปแบบของพระบัญญัติ และการเปิดเผยผ่านทางผู้เผยพระวจนะ พระคริสต์ในการสำแดงนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ชีวิต ความมรณะและการกลับเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์ พระคริสต์ทรงสำแดงพระองค์โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ล้วนเป็นคลังสมบัติอันล้ำค่าของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ทรงฉายแสงสง่าราศีของพระบิดาทรงเป็นพันธสัญญาทั้งภาคเดิมและภาคใหม่ {COL 126.3}COLTh 98.1

    ชีวิตของพระคริสต์และความมรณาและการทำหน้าที่เป็นคนกลางของพระองค์ที่บรรดาผู้เผยพระวจนะพยากรณ์ไว้เป็นสิ่งที่อัครทูตจะต้องออกไปเป็นพยาน หัวข้อหลักที่พวกเขาจะต้องประกาศคือการ ถ่อมตนของพระคริสต์ ความบริสุทธิ์และความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และความรักที่ไม่มีอะไรเปรียบได้ของพระองค์ ในการทำให้การประกาศข่าวประเสริฐเป็นไปอย่างบริบูรณ์นั้น พวกเขาจะต้องนำเสนอพระผู้ช่วยไม่เพียงแต่ด้วยการแสดงออกมาจากชีวิตและคำสอนของพระองค์เท่านั้น แต่ในสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ไว้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและที่เป็นสัญลักษณ์ในพิธีถวายบูชาด้วย {COL 127.1}COLTh 98.2

    ในคำสอนของพระคริสต์ พระองค์ทรงนำเสนอความจริงอันเก่าแก่ ซึ่งพระองค์เองทรงเป็นผู้ทรงริเริ่ม เป็นความจริงที่พระองค์ตรัสผ่านบรรพบุรุษและผู้เผยพระวจนะ แต่บัดนี้พระองค์ทรงฉายแสงให้พวกเขาเห็นด้วยแสงสว่างใหม่ ความหมายที่ปรากฏออกมานั้นช่างมีความแตกต่างกันมากเพียงไร คำอธิบายของพระองค์นำมาซึ่งแสงสว่างที่ฉายเจิดจ้าและชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่เต็มล้น และพระองค์ทรงสัญญาว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้สาวกมีความเข้าใจมากขึ้น พระคำของพระเจ้าจะปรากฏแจ้งแก่ทุกคนอยู่เสมอ เพื่อเขาจะนำเสนอความจริงด้วยความงดงามใหม่ {COL 127.2}COLTh 98.3

    นับตั้งแต่พระสัญญาครั้งแรกของการไถ่บาปที่กล่าวไว้ในสวนเอเดน ชีวิต พระลักษณะนิสัยและภารกิจการเป็นคนกลางของพระคริสต์เป็นหัวข้อศึกษาที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ ถึงกระนั้นก็ตาม จิตใจทุกดวงที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานอยู่นั้นได้ทรงเสนอให้เห็นแสงสว่างที่สดชื่นและใหม่อยู่เสมอ ความจริงเรื่องการไถ่จะพัฒนาและขยายความอยู่ตอลดเวลา ถึงแม้จะเก่า แต่ความจริงนี้ก็ยังสดใหม่เสมอ เปิดเผยถึงสง่าราศีและอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้แสวงหาความจริง {COL 127.3}COLTh 99.1

    ในทุกยุคจะมีการพัฒนาความจริงใหม่อยู่เสมอเพื่อให้ข่าวสารของพระเจ้าเหมาะสำหรับคนในยุคนั้น ความจริงดั้งเดิมนั้นมีความสำคัญทั้งสิ้น ความจริงใหม่ไม่อาจแยกเป็นเอกเทศจากความจริงเดิม แต่จะช่วยขยายความหมายของความจริงเดิม ความเข้าใจในความจริงเดิมเท่านั้นที่จะช่วยทำให้เราเข้าใจความจริงอันใหม่ได้ ขณะที่พระคริสต์มีพระประสงค์ที่จะเปิดเผยความจริงเรื่องการเป็นขึ้นจากตายของพระองค์ให้แก่สาวกของพระองค์ พระองค์ทรง “ เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด ” และ “ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง” ลูกา 24:27 แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากความจริงใหม่ที่ได้รับการเปิดเผยแล้วทำให้มองเห็นสง่าราศีแห่งความจริงอันเดิม ผู้ที่ปฏิเสธหรือละเลยของใหม่ก็ไม่ได้ครอบครองของเดิมอย่างแท้จริง เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว จะเป็นการสูญเสียพลังชีวิตและกลายเป็นเพียงรูปแบบที่ไม่มีชีวิต {COL 127.4} COLTh 99.2

    มีบางคนที่อ้างว่าเชื่อและสั่งสอนความจริงของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ในขณะที่พวกเขาปฏิเสธพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ แต่ในการปฏิเสธที่จะรับคำสอนของพระคริสต์นั้น พวกเขาแสดงให้เห็นว่าไม่เชื่อสิ่งที่อัครปิตาและผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้ พระคริสต์ตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อโมเสส ท่านก็น่าจะเชื่อเราเพราะโมเสสเขียนถึงเรา ” ลูกา 5:46 ฉะนั้นคำสอนจึงไม่มีพลังอย่างแท้จริงแม้จะมาจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมก็ตาม {COL 128.1}COLTh 99.3

    คนจำนวนมากที่อ้างว่าเชื่อและสั่งสอนข่าวประเสริฐก็ทำผิดในลักษณะเดียวกัน พวกเขาละทิ้งพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมซึ่งแม้แต่พระคริสต์เองก็ยังทรงประกาศว่า “ พระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้แก่เรา” ยอห์น 5:39 การปฏิเสธพระคัมภีร์เดิมก็เท่ากับปฏิเสธพระคัมภีร์ใหม่ เพราะพระธรรมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ ไม่มีมนุษย์คนใดจะนำเสนอเรื่องพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างถูกต้องได้โดยไม่มีพระกิตติคุณ หรือพระกิตติคุณโดยไม่มีพระบัญญัติ พระบัญญัตินั้นห่อหุ้มด้วยพระกิตติคุณ และกิตติคุณก็คือพระบัญญัติที่ได้รับการเปิดออก พระบัญญัติเป็นรากส่วนพระกิตติคุณเป็นดอกไม้หอมที่เบ่งบานและผลที่ผลิตออกมา {COL 128.2}COLTh 100.1

    พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมส่องแสงสว่างให้แก่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ส่องแสงสว่างให้แก่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม แต่ละส่วนเป็นการเปิดเผยพระสิริของพระเจ้าในพระคริสต์ ทั้งสองเล่มนี้เสนอความจริงที่จะเปิดเผยความหมายใหม่อันล้ำลึกแก่ผู้ที่ค้นหาอย่างจริงใจ {COL 128.3} COLTh 100.2

    ความจริงในพระคริสต์และโดยพระคริสต์ไม่อาจที่จะวัดได้ นักศึกษาพระคัมภีร์เมื่อมองจะเห็นเป็นเช่นน้ำพุที่ลึกมากขึ้นและกว้างขยายออกมากขึ้น ในชีวิตนี้เราไม่อาจเข้าใจความล้ำลึกของความรักของพระเจ้าที่ทรงโปรดประทานพระบุตรของพระองค์เพื่อไถ่บาปของเรา ภารกิจในโลกนี้ของพระผู้ช่วยให้รอดจะเป็นหัวข้อสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราต้องคิดคำนึงถึงตลอดไป มนุษย์อาจใช้พลังความคิดทั้งหมดเพื่อพยายามเข้าใจถึงความล้ำลึกนี้ แต่สมองของเขาจะอ่อนเปลี้ยและเพลียไป ผู้ค้นหาที่ขยันขันแข็งที่สุดเท่านั้นจะมองเห็นทะเลอันไร้ขอบเขตซึ่งไม่มีฝั่งมาขวางกั้นปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา {COL 128.4} COLTh 100.3

    ความจริงที่มีอยู่ในพระเยซูนั้นสัมผัสได้ แต่อธิบายไม่ได้ ความสูง ความกว้างและความลึกนี้เกินความรู้ของเรา เราอาจใช้จินตนาการจนถึงที่สุด แต่ก็จะเห็นความรักที่อธิบายไม่ได้นี้เพียงเลือนราง เป็นความรักที่สูงเท่าเทียมท้องฟ้า แต่โน้มต่ำลงมาสู่โลกเพื่อประทับตราพระฉายาของพระเจ้าลงบนมนุษยชาติทั้งมวล {COL 129.1}COLTh 100.4

    กระนั้น เราก็พอจะมองเห็นทั้งหมดเท่าที่เราจะรับได้ถึงความเห็นอกเห็นใจของพระเจ้า สิ่งนี้จะเปิดเผยให้แก่วิญญาณจิตที่ถ่อมตนและสำนึกผิด เราจะเข้าใจพระเมตตาของพระเจ้าตามสัดส่วนที่เราซาบซึ้งในความเสียสละของพระองค์เพื่อเรา ขณะที่เราค้นหาพระธรรมของพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ ใจความสำคัญอันยิ่งใหญ่ของแผนการช่วยให้รอดจะเปิดเผยออกเพื่อให้เราศึกษาและค้นหา เมื่อเราเฝ้ามองดู แสงสว่างนี้ก็จะยิ่งส่องประกายสว่างไสวขึ้นและเมื่อยิ่งพินิจเรื่องนี้เพื่อไขว่คว้าไว้ ความสูงส่งและความลึกซึ้งก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น {COL 129.2}COLTh 101.1

    ชีวิตของเราจะต้องผูกติดอยู่กับชีวิตของพระคริสต์ เราจะต้องรับจากพระองค์อย่างต่อเนื่อง มีส่วนร่วมกับพระองค์ ผู้ทรงเป็นอาหารธำรงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ เราจะต้องดื่มจากบ่อน้ำพุที่สดใหม่อยู่เสมอและให้สมบัติอันอุดมออกมาอยู่ตลอดเวลา หากเรามีพระผู้เป็นเจ้าอยู่เบื้องหน้าเราเสมอและให้จิตใจของเราเฝ้าขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์แล้ว ชีวิตฝ่ายศาสนาของเราก็จะมีความสดชื่นตลอดไป คำอธิษฐานต่อพระเจ้าของเราจะเป็นเหมือนเช่นการสนทนากับมิตรสหายคนหนึ่ง พระองค์จะตรัสเรื่องอันล้ำลึกของพระองค์ให้เราทราบเป็นการส่วนตัว บ่อยครั้งความสุขหวานชื่นจะมายังเราเมื่อพระเยซูร่วมสถิตอยู่กับเรา บ่อยครั้งใจของเราจะเร่าร้อนอยู่ภายในขณะที่เราสื่อสัมพันธ์กับพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงสื่อกับเอโนค เมื่อคริสเตียนรับประสบการณ์แห่งความจริงนี้ ชีวิตของเขาก็จะเรียบง่าย ถ่อมตน อ่อนโยนและมีจิตใจอ่อนสุภาพ ซึ่งเป็นการแสดงให้ทุกคนที่เขาคบหาสมาคมด้วยเห็นว่าเขาอยู่กับพระเยซูและได้เรียนรู้จากพระองค์ {COL 129.3} COLTh 101.2

    ในตัวของผู้ที่เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ ศาสนาของพระคริสต์จะแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นถึงหลักการอันมีชีวิตที่แผ่ขยายออกไป ซึ่งเป็นพลังฝ่ายจิตวิญญาณอันมีชีวิตและใช้การได้ จะมีการแสดงออกให้เห็นถึงความสดชื่นและกำลังและความชื่นใจยินดีอันเยาว์วัยตลอดไป จิตใจที่รับพระวจนะของพระเจ้าไม่ใช่สระน้ำที่ระเหย ไม่ใช่ไหที่แตกทำให้สมบัติที่ใส่ไว้หายไป แต่จะเป็นเช่นลำธารจากภูเขาซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยน้ำพุที่ไม่เคยหยุดไหลซึ่งมีน้ำใสเย็นฉ่ำเป็นประกายไหลกระทบจากหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งทำให้ผู้ที่มีภาระหนักอ่อนเพลียและกระหายน้ำได้รับความสดชื่น {COL 130.1}COLTh 101.3

    ประสบการณ์นี้ทำให้ครูผู้สอนความจริงทุกคนมีคุณสมบัติที่จะทำให้เขาเป็นผู้แทนของพระคริสต์ วิญญาณแห่งคำสอนของพระคริสต์จะให้พลังและแนวทางเที่ยงตรงแก่เขาในการสื่อสารกับผู้อื่นและในคำอธิษฐานของเขา การเป็นพยานเพื่อพระคริสต์ของเขาจะไม่แคบหรือไม่มีชีวิตชีวา ศาสนาจารย์จะไม่เทศนาหัวข้อเดียวซ้ำไปซ้ำมา สมองของเขาจะถูกเปิดออกเพื่อรับความกระจ่างจากพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ {COL 130.2}COLTh 102.1

    พระคริสต์ตรัสว่า “คนที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเราจะมีชีวิตนิรันดร์…พระบิดาผู้ทรงพระชนม์อยู่ทรงใช้เรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาอย่างไร คนที่กินเราก็จะมีชีวิตเพราะเราอย่างนั้น…พระวิญญาณเป็นผู้ให้ชีวิต…ถ้อยคำที่เรากล่าวกับพวกท่านมาจากพระวิญญาณและเป็นชีวิต ” ยอห์น 6:54 — 63 {COL 130.3}COLTh 102.2

    เมื่อเรากินเนื้อของพระคริสต์และดื่มพระโลหิตของพระองค์ จะพบความรู้พื้นฐานของชีวิตนิรันดร์อยู่ในการรับใช้ จะไม่พบแหล่งความคิดที่เน่าบูดและซ้ำซาก การเทศนาที่ราบเรียบไม่มีชีวิตจะหมดไป ความจริงดั้งเดิมจะถูกนำมาเสนออีก แต่จะมองเห็นด้วยแสงสว่างใหม่ จะมีการเข้าใจใหม่ในเรื่องของความจริง มีความชัดเจนและเต็มไปด้วยอำนาจจนทุกคนสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่มีโอกาสนั่งฟังอยู่ในการรับใช้เช่นนี้หากเขามีความรู้สึกไวต่ออิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะรู้สึกถึงอำนาจที่ให้กำลังของชีวิตใหม่ เพลิงแห่งความรักของพระเจ้าจะลุกโชนขึ้นภายในตัวเขา ความสามารถในการรับรู้ของเขาเพื่อเข้าใจความงดงามและความยิ่งใหญ่ของความจริงจะว่องไวมากยิ่งขึ้น {COL 130.4} COLTh 102.3

    เจ้าของบ้านที่สัตย์ซื่อเป็นแบบอย่างที่ครูสอนเด็กและเยาวชนทุกจะต้องเป็น หากเขานำพระธรรมของพระเจ้ามาเป็นทรัพย์สมบัติของเขาแล้ว เขาจะนำความจริงที่ใหม่และความงดงามที่ใหม่ออกมาอย่างสม่ำเสมอ เมื่อครูพึ่งพระเจ้าโดยการอธิษฐาน พระวิญญาณของพระคริสต์จะเสด็จมาอยู่กับเขา และพระเจ้าจะทรงกระทำผ่านตัวเขาไปยังความคิดของผู้อื่นโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณจะทรงเติมความคิดและจิตใจด้วยความหวังอันหวานชื่น ความกล้าหาญและมีมโนภาพของพระคัมภีร์ และทั้งหมดนี้จะถ่ายทอดให้แก่เยาวชนที่เขาสอนอยู่ {COL 131.1}COLTh 102.4

    น้ำพุแห่งสันติสุขและชื่นชมยินดีของสวรรค์ที่เปิดออกในชีวิตของครูผ่านทางพระธรรมที่ได้รับการดลใจจะเปลี่ยนเป็นแม่น้ำแห่งอิทธิพลสายใหญ่ที่จะเป็นพรแก่ทุกคนที่ได้สัมผัสกับเขา พระคัมภีร์จะไม่เป็นหนังสือที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับนักเรียน การสอนของครูที่มีปัญญาจะทำให้พระธรรมกลายเป็นสิ่งที่น่าปรารถนายิ่งขึ้น พระธรรมจะเป็นอาหารที่ให้ชีวิตและจะไม่มีวันล้าสมัย ความสดใหม่และความงามของพระธรรมจะดึงดูดและมีเสน่ห์แก่เด็กและเยาวชน จะเป็นดังเช่นดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลกให้ความสว่างและความอบอุ่นอยู่อย่างสม่ำเสมอ ถึงกระนั้นก็ไม่รู้จักหมดสิ้น {COL 132.1}COLTh 103.1

    พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่ให้การสั่งสอนนั้นอยู่ในพระวจนะของพระองค์ แสงสว่างใหม่และมีค่าส่องสว่างออกมาจากทุกหน้าของพระวจนะ ความจริงถูกเปิดเผยออกมา แต่ละถ้อยคำ แต่ละประโยคถูกเขียนไว้ชัดเจนและเหมาะสำหรับทุกโอกาสในขณะที่พระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสกับจิตวิญญาณ {COL 132.2}COLTh 103.2

    พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงชอบพระทัยที่จะตรัสกับเยาวชนเพื่อเปิดให้พวกเขาเห็นขุมทรัพย์และความงดงามแห่งพระวจนะของพระเจ้า พระสัญญาที่ตรัสโดยพระอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จะจับใจความรู้สึกของเขา และดลบันดาลจิตใจด้วยกำลังฝ่ายจิตวิญญาณจากพระเจ้า ในสมองอันอุดมสมบูรณ์นั้นจะเจริญด้วยความคุ้นเคยกับเรื่องราวของพระเจ้าซึ่งจะเป็นเสมือนป้อมปราการต้านการล่อลวง {COL 132.3} COLTh 103.3

    พระวจนะแห่งความจริงจะเพิ่มความสำคัญมากยิ่งขึ้น และจะมีความหมายอันกว้างขวางและบริบูรณ์อย่างที่เราไม่เคยคิดฝันมาก่อน ความงามและความมั่งคั่งของพระวจนะมีอิทธิพลเปลี่ยนแปลงความคิดและอุปนิสัย แสงแห่งความรักของสวรรค์จะฉายลงจิตใจในลักษณะของการดลใจ {COL 132.4}COLTh 103.4

    ความซาบซึ้งในพระคัมภีร์จะเพิ่มขึ้นด้วยการศึกษา ไม่ว่านักเรียนจะหันไปทางใด เขาจะพบการเปิดเผยถึงพระสติปัญญาและความรักอันไม่จำกัดของพระเจ้า {COL 132.5}COLTh 103.5

    นัยสำคัญของพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ ของชาวยิวยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างบริบูรณ์ ความจริงยิ่งใหญ่และลึกซึ้งกว้างไกลสะท้อนออกมาผ่านทางพิธีกรรมและสัญลักษณ์ พระกิตติคุณเป็นกุญแจสำคัญเพื่อไขความลี้ลับนี้ ความจริงเหล่านี้เปิดออกให้เราเข้าใจผ่านข้อมูลของแผนการแห่งการไถ่ เรามีสิทธิพิเศษที่จะเข้าใจเรื่องอันอัศจรรย์เหล่านี้มากกว่าที่เราทำอยู่ในเวลานี้ เราจะต้องเข้าใจเรื่องล้ำลึกของพระเจ้า ทูตสวรรค์ทั้งหลายปรารถนาจะร่วมดูความจริงที่เปิดเผยให้แก่มนุษย์ผู้ซึ่งแสวงหาพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจสำนึกผิด และอธิษฐานขอความรู้อันยิ่งใหญ่ที่ทั้งลึกและกว้างไกลซึ่งพระเจ้าประทานให้ได้แต่ผู้เดียว {COL 133.1}COLTh 104.1

    ขณะที่เราอยู่ใกล้ช่วงปิดท้ายของประวัติศาสตร์โลก คำพยากรณ์ที่กล่าวถึงวาระสุดท้ายเรียกร้องให้เราศึกษา หนังสือเล่มสุดท้ายของพระคัมภีร์ใหม่เต็มไปด้วยความจริงที่เราจะต้องเข้าใจ ซาตานทำให้สมองของหลายคนมืดบอดไป เพื่อที่เขาจะแก้ตัวด้วยความยินดีที่ไม่ต้องศึกษาพระธรรมวิวรณ์ แต่พระคริสต์ตรัสผ่านยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์ให้ประกาศว่ายุคสุดท้ายจะเป็นเช่นไร และพระองค์ตรัสว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่อ่านและแก่บรรดาผู้ที่ฟังคำเผยพระวจนะ แล้วประพฤติตามสิ่งต่างๆ ที่เขียนไว้ในนั้น” วิวรณ์ 1:3 {COL 133.2} COLTh 104.2

    พระคริสต์ตรัสว่า “ นี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือการที่พวกเขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา ” ยอห์น 17:3 ทำไมพวกเราจึงไม่ตระหนักถึงคุณค่าของความรู้เหล่านี้เล่า ทำไมความจริงอันรุ่งโรจน์เหล่านี้จึงไม่สว่างไสวขึ้นในใจของเรา สั่นระริกอยู่บนริมฝีปากของเราและซึมซาบไปทั่วตัวตนของเราเล่า {COL 133.3}COLTh 104.3

    ในการประทานพระวจนะของพระองค์แก่เรานั้น พระเจ้าทรงให้เราเป็นเจ้าของความจริงทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับความรอดของเราด้วย คนนับไม่ถ้วนตักน้ำจากบ่อน้ำแห่งชีวิตเหล่านี้ ถึงกระนั้นบ่อนี้ก็ไม่เคยแห้งลง คนนับไม่ถ้วนเทิดทูนพระผู้เป็นเจ้าไว้ต่อหน้าพวกเขาและการเฝ้ามองดูพระองค์ทำให้พวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์ จิตวิญญาณของพวกเราเร่าร้อนอยู่ภายใน ในขณะที่เขาพูดถึงพระลักษณะนิสัยของพระองค์ บอกผู้อื่นให้ทราบว่าพระคริสต์มีความหมายต่อพวกเขาอย่างไรและชีวิตของพวกเขามีความหมายต่อพระองค์อย่างไร แต่ผู้ที่ค้นหาความจริงเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เรื่องราวสำคัญอันยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์นี้เหือดหายไป คนนับไม่ถ้วนยังเข้ามาร่วมงานการค้นหาความล้ำลึกของความรอดได้อีก ในขณะที่มีการไตร่ตรองถึงชีวิตของพระคริสต์และลักษณะพันธกิจของพระองค์ ลำแสงแห่งความสว่างจะส่องลงมาอย่างชัดเจนให้แก่ทุกคนที่พยายามค้นหาความจริง การค้นหาครั้งใหม่แต่ละครั้งจะเปิดเผยให้เห็นถึงสิ่งที่น่าสนใจลึกซึ้งมากขึ้นกว่าที่เคยค้นพบ หัวข้อการศึกษาจะไม่มีที่สิ้นสุด การศึกษาเรื่องการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระคริสต์ เรื่องการไถ่บาปของพระองค์ และเรื่องการเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ของพระองค์ขับเคลื่อนความคิดของนักศึกษาที่กระตือรือลันตราบนานเท่านาน และเมื่อมองไปยังสวรรค์ที่ซึ่งเขาจะมีเวลาศึกษาด้วยเวลาที่ไม่สามารถนับคำนวณได้ อีกนานจนนับไม่ถ้วนเขาจะร้องอุทานขึ้นมาว่า “ ความล้ำลึกแห่งความเชื่อของเรานั้นยิ่งใหญ่มาก” 1 ทิโมธี 3:16 {COL 133.4}COLTh 104.4

    ในนิรันดร์กาลเราจะเรียนรู้ถึงสิ่งซึ่งทำให้ความเข้าใจของเราเปิดออกซึ่งเป็นสิ่งที่เรารับได้ในโลกนี้ หากเรายอมรับแสงสว่างนั้น หัวข้อเรื่องการไถ่ให้รอดจะอยู่ในหัวใจและความคิดและลิ้นของผู้ที่ได้รับการไถ่ให้รอดตลอดนิรันดร์ พวกเขาจะเข้าใจความจริงซึ่งพระคริสต์ทรงปรารถนาจะแจ้งให้แก่สาวกของพระองค์แต่สาวกไม่มีความเชื่อเพียงพอที่จะรับได้ มิติใหม่ของความสมบูรณ์แบบและสง่าราศีของพระคริสต์จะปรากฏออกมาอย่างไม่สิ้นสุด ตลอดนิจนิรันดร์ พระผู้ทรงเป็นเจ้าบ้านสัตย์ซื่อจะทรงนำทรัพย์สมบัติทั้งใหม่และเก่าของพระองค์ออกมา {COL 134.1}COLTh 105.1

    *****

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents