Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 12 - ขอเพื่อแบ่งปัน

    อ้างอิงจาก ลูกา 11:1-13

    พระคริสต์ทรงรับข่าวสารจากพระบิดาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพระองค์จะทรงส่งต่อให้พวกเรา พระองค์ตรัสว่า “ คำที่พวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา ” ยอห์น 14:24 “ บุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น ” มัทธิว 20:28 พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ทรงไตร่ตรองและทรงอธิษฐานไม่ใช่เพื่อพระองค์เองแต่เพื่อผู้อื่น พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่กับพระบิดาหลายชั่วโมง เสด็จออกมาจากการอธิษฐานในตอนเช้าวันแล้ววันเล่าเพื่อนำแสงจากสวรรค์มาให้มนุษย์ พระองค์รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นประจำทุกวัน ในช่วงเช้ามืดของวันใหม่พระยาห์เวห์ทรงปลุกพระองค์จากการบรรทม และจิตวิญญาณและริมฝีปากของพระองค์ได้รับการเจิมด้วยพระคุณเพื่อพระองค์จะนำไปแบ่งปันให้ผู้อื่น เป็นพระดำรัสที่ประทานมาใหม่จากพระบัลลังก์ของสวรรค์ เป็นคำตรัสที่พระองค์จะประทานให้ในเวลาที่เหมาะสมแก่ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและถูกกดขี่ พระองค์ตรัสว่า “พระยาห์เวห์องค์เจ้านายประทานแก่ข้าพเจ้า ให้มีลิ้นของผู้ได้รับการสั่งสอน เพื่อข้าพเจ้าจะรู้จักการค้ำชูคือค้ำชูผู้อิดโรยด้วยถ้อยคำ ทุกๆ เช้าพระองค์ทรงปลุก พระองค์ทรงปลุกหูของข้าพเจ้า เพื่อให้ฟังเหมือนอย่างคนได้รับการสั่งสอน” อิสยาห์ 50:4 {COL 139.1}COLTh 107.1

    สาวกของพระคริสต์ต่างประทับใจในคำอธิษฐานและอากัปกิริยาของพระองค์ในการสนทนากับพระเจ้า วันหนึ่งหลังจากไม่ได้อยู่ร่วมกับพระอาจารย์ช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาพบพระองค์ในการอ้อนวอนอธิษฐานอย่างจริงจัง ดูเสมือนว่าพระองค์ไม่ทรงทราบว่าพวกเขาอยู่ใกล้ พระองค์ทรงอธิษฐานด้วยเสียงดัง สาวกทั้งหลายต่างพากันตื้นตันใจ ขณะที่พระองค์ทรงหยุดการอธิษฐานพวกเขาร้องอุทานขึ้นว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนพวกข้าพระองค์อธิษฐาน” ลูกา 11:1 {COL 140.1} COLTh 108.1

    พระคริสต์ทรงตอบด้วยการตรัสอีกครั้งคำอธิษฐานของพระองค์ที่ตรัสไว้ในคำเทศนาบนภูเขา แล้วพระองค์ทรงอธิบายบทเรียนที่พระองค์ทรงประสงค์ที่จะสอนด้วยอุปมา {COL 140.2}COLTh 108.2

    พระองค์ตรัสว่า “ ใครในพวกท่านที่มีเพื่อนคนหนึ่ง และเขาไปหาเพื่อนคนนั้นในเวลาเที่ยงคืน พูดกับเขาว่า เพื่อนเอ๋ย ขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของข้าเพิ่งเดินทางมาถึงและข้าไม่มีอะไรจะให้เขากิน เพื่อนที่อยู่ข้างในจะตอบว่า อย่ารบกวนข้าเลย ประตูปิดแล้ว ลูกๆ กับตัวข้าก็นอนกันหมดแล้ว ข้าไม่สามารถลุกขึ้นไปหยิบให้ท่านได้ เราบอกพวกท่านว่า แม้เขาจะไม่ลุกขึ้นไปหยิบให้คนนั้นเพราะเป็นเพื่อนกัน แต่ว่าเพราะถูกคนนั้นรบเร้าอย่างมาก เขาก็จะลุกขึ้นหยิบให้ตามที่คนนั้นต้องการ ” ลูกา 11:5-8 {COL 140.3}COLTh 108.3

    ในที่นี้พระคริสต์ทรงแสดงให้เห็นว่าเป็นการขอเพื่อที่จะให้แก่คนอื่น เขาจะต้องได้ขนมปัง ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถสนองความต้องการของผู้เดินทางเหน็ดเหนื่อยที่มาในตอนดึก แม้ว่าเพื่อนบ้านไม่อยากให้รบกวนเขาก็ยังไม่เลิกขอความช่วยเหลือ เพื่อนของเขาจะต้องได้รับการดูแลและในที่สุดการวิงวอนของเขาก็ได้รับการตอบสนอง ความขัดสนได้รับการจุนเจือ {COL 140.4}COLTh 108.4

    ในทำนองเดียวกัน สาวกทั้งหลายจะต้องแสวงหาพระพรจากพระเจ้า ในการเลี้ยงฝูงชนและในคำเทศนาเรื่องอาหารจากสวรรค์ พระคริสต์ทรงเปิดเผยให้พวกเขาเห็นภาระของการเป็นตัวแทนของพระองค์ พวกเขาจะต้องนำอาหารแห่งชีวิตมาให้ประชาชน พระองค์ผู้ทรงกำหนดงานให้พวกเขาทำ ทรงเล็งเห็นว่าความเชื่อของพวกเขาจะได้รับการทดลองอยู่เสมอ พวกเขาจะตกอยู่ในสภาพที่ไม่คาดคิดอยู่บ่อยครั้ง และจะรู้สึกถึงสภาพของมนุษย์ที่มีความสามารถไม่เพียงพอ จิตวิญญาณทั้งหลายที่หิวกระหายอาหารแห่งชีวิตจะเข้ามาหาพวกเขาและพวกเขาจะรู้สึกขาดแคลนและหมดหนทาง พวกเขาจะต้องรับอาหารฝ่ายจิตวิญญาณไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรที่จะแบ่งปันได้ แต่คนเหล่านี้จะต้องไม่ปฏิเสธแม้จิตวิญญาณเพียงดวงเดียวให้ไปโดยที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดู พระคริสต์ทรงชี้แนะไปยังแหล่งของอาหาร ชายที่มีเพื่อนมาขอความช่วยเหลือก็ยังสนองตอบแม้ในยามเที่ยงคืนที่ไม่สะดวก เพื่อนคนนั้นไม่ได้หันหลังให้ เขาไม่มีสิ่งใดที่จะยกมาเลี้ยงดู แต่เขาก็ไปหาผู้ที่มีอาหารและรบเร้าขอจนเพื่อนบ้านให้ตามที่เขาต้องการ และพระเจ้าผู้ทรงส่งผู้รับใช้ให้ไปเลี้ยงผู้หิวโหยจะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งของให้ตามความต้องการสำหรับพระราชกิจของพระองค์เองหรือ {COL 140.5} COLTh 109.1

    แต่เพื่อนบ้านที่เห็นแก่ตัวในอุปมาไม่ได้เป็นตัวอย่างพระลักษณะนิสัยของพระเจ้า บทเรียนที่ได้มาไม่ใช่ด้วยการเปรียบเทียบถึงความคล้ายคลึงกัน แต่เป็นการเปรียบเทียบถึงความแตกต่าง คนที่เห็นแก่ตัวจะตอบสนองการขออย่างรีบด่วน เพื่อตัวเองจะไม่ถูกรบกวนเวลาพักผ่อน แต่พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะประทานแก่เรา พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาและทรงปรารถนาที่จะประทานให้ตามความต้องการของผู้ที่เข้าหาพระองค์ด้วยความเชื่อ พระองค์ประทานเพื่อเราจะช่วยเหลือผู้อื่นและให้เป็นเหมือนพระองค์ {COL 141.1}COLTh 109.2

    พระคริสต์ทรงประกาศว่า “ จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ และทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา ” ลูกา 11: 9,10 {COL 141.2} COLTh 109.3

    พระผู้ช่วยให้รอดยังตรัสต่อไปว่า “ มีใครบ้างในพวกท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอขนมปังจะเอาก้อนหินให้เขาหรือ หรือถ้าขอปลา จะเอางูให้เขาแทนหรือ หรือถ้าขอไข่ จะเอาแมงป่องให้เขาหรือ เพราะฉะนั้น ถ้าพวกท่านเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้สิ่งดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่พวกที่ขอต่อพระองค์ ” ลูกา 11:11-13 {COL 141.3}COLTh 110.1

    เพื่อเป็นการให้ความวางใจของเราในพระเจ้าเข้มแข็งยิ่งขึ้น พระคริสต์ทรงสอนให้เราทูลเรียกพระองค์ด้วยพระนามใหม่ ซึ่งเป็นนามที่เกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับจิตใจมนุษย์ พระองค์ประทานให้เรามีโอกาสเรียกพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ว่าเป็นพระบิดาของเรา พระนามนี้มีไว้เพื่อทูลต่อพระองค์และเป็นคำปฏิญาณของพระองค์ว่าจะทรงดูแลและมีความสัมพันธ์กับเรา คำทูลขอเพื่อการทรงช่วยเหลือและคำทูลขอพระพรจะเป็นเช่นเสียงดนตรีในพระกรรณของพระองค์ เพื่อไม่ให้เราสมมติว่าเป็นการเรียกไปอย่างนั้นเอง ที่เรียกพระองค์ด้วยพระนามนี้พระองค์ทรงย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าให้ทูลเรียกพระองค์ด้วยพระนามนี้ พระองค์มีพระประสงค์ที่จะให้เราคุ้นเคยกับพระสมัญญานามของพระองค์ {COL 141.4} COLTh 110.2

    พระเจ้าทรงถือว่าเราเป็นบุตรของพระองค์ พระองค์ทรงไถ่เราจากโลกที่ไม่ใยดีนี้และทรงเลือกเราให้เป็นสมาชิกของครอบครัวราชวงศ์ เป็นราชบุตรและราชธิดาของพระมหากษัตริย์แห่งสวรรค์ พระองค์ทรงเชิญให้เราวางใจในพระองค์ ด้วยความวางใจอันแนบแน่น และมั่งคงมากกว่าความเชื่อของเด็กที่มีต่อคุณพ่อในโลก พ่อแม่รักลูกๆ แต่ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่า กว้างขวางกว่า ลึกซึ้งกว่ารักของมนุษย์ที่มีอยู่ เป็นความรักที่วัดกันไม่ได้ ดังนั้นหากพ่อแม่ในโลกยังรู้จักให้ของดีแก่ลูกๆ ได้ พระบิดาของเราในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ทูลขอสักเท่าไร {COL 142.1}COLTh 110.3

    เราต้องเอาใจใส่บทเรียนของพระคริสต์ในเรื่องของการอธิษฐาน ในคำอธิษฐานมีศาสตร์แห่งพระเจ้า และคำอธิบายของพระองค์แสดงให้เห็นถึงหลักการที่ทุกคนจะต้องเข้าใจ พระองค์แสดงให้เห็นว่าอะไรเป็นวิญญาณที่แท้จริงของการอธิษฐาน พระองค์ทรงสอนถึงความจำเป็นที่จะต้องมีความอดทนในการเสนอความต้องการของเราต่อพระเจ้า และประทานความมั่นใจแก่เราว่าพระองค์ทรงพร้อมที่จะฟังและตอบคำอธิษฐาน {COL 142.2}COLTh 111.1

    คำอธิษฐานของเรานั้นไม่ควรเป็นการขออย่างเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง เราควรที่จะขอเพื่อแบ่งปัน หลักการของพระคริสต์จะต้องเป็นหลักการของชีวิตเรา พระองค์ตรัสถึงสาวกทั้งหลายว่า “ ข้าพระองค์แยกตัวให้บริสุทธิ์เพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย เพื่อให้เขารับการแยกให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง” ยอห์น 17:19 การอุทิศตัวแบบเดียวกัน ความเสียสละแบบเดียวกัน การยอมอยู่ภายใต้อำนาจพระวจนะของพระเจ้าที่เปิดเผยในองค์พระคริสต์แบบเดียวกันจะต้องแสดงออกในชีวิตผู้รับใช้ของพระองค์ หน้าที่ของเราที่มีต่อโลกไม่ใช่เพื่อที่จะปรนนิบัติหรือตามใจตนเอง เราจะต้องถวายเกียรติยศให้พระเจ้าด้วยการร่วมมือกับพระองค์เพื่อช่วยคนบาป เราจะต้องขอพระพรจากพระเจ้าเพื่อเราจะส่งต่อให้ผู้อื่น ปริมาณของที่เราจะรับได้นั้นจะถนอมรักษาไว้ได้ด้วยการแบ่งปัน เราคงรับขุมทรัพย์แห่งสวรรค์ไปอย่างต่อเนื่องไม่ได้หากปราศการการแบ่งปันต่อให้กับผู้อื่นที่อยู่รอบตัวเรา {COL 142.3}COLTh 111.2

    ในอุปมา ผู้ขอถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่ได้ละทิ้งความตั้งใจของเขา ดังนั้นคำอธิษฐานของเราก็ดูเหมือนว่าไม่ได้รับคำตอบทันทีทุกครั้ง แต่พระคริสต์ทรงสอนว่าเราไม่ควรหยุดอธิษฐาน คำอธิษฐานไม่ใช่มีไว้เพื่อที่จะเปลี่ยนพระเจ้า แต่เป็นการนำเราให้เข้าสนิทกับพระองค์ เมื่อเราทูลขอ พระองค์ก็อาจทรงเห็นว่าเป็นการสมควรที่เราต้องสำรวจใจเราและหันจากบาป ดังนั้นพระองค์จึงทรงนำเราผ่านการทดลองและการทดสอบ พระองค์ทรงนำเราผ่านสถานการณ์การถ่อมตนเพื่อเราจะเห็นว่าสิ่งใดขัดขวางการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเรา {COL 143.1}COLTh 111.3

    การทำให้พระสัญญาของพระเจ้าสำเร็จนั้นจะต้องมีเงื่อนไข และการอธิษฐานเข้าแทนหน้าที่การงานไม่ได้ พระคริสต์ตรัสว่า “ ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเราใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา” ยอห์น 14:15, 21 ผู้ใดทูลเสนอความต้องการกับพระเจ้าโดยยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ในขณะที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพระองค์นั้นดูหมิ่นพระยาห์เวห์ พวกเขานำพระนามของพระคริสต์มาเป็นอำนาจเพื่อให้เป็นไปตามพระสัญญา แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่มีในพระคริสต์และในความรักพระองค์ {COL 143.2}COLTh 111.4

    มีคนเป็นจำนวนมากอยู่ในสภาพสูญเสียการยอมรับในพระบิดา เราจำเป็นต้องพิจารณาอย่างใกล้ชิดถึงการกระทำแห่งการวางใจในการเข้าเฝ้าพระเจ้า หากเราไม่เชื่อฟังก็เหมือนกับเป็นการเอาตั๋วแลกเงินมายังพระเป็นเจ้าเพื่อขอแลกเงิน ขณะที่ยังไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่จะให้ตั๋วแลกเงินนั้นใช้จ่ายแทนเงินได้ เราเสนอพระเจ้าด้วยพระสัญญาของพระองค์ และขอให้พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จ การกระทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าพระองค์ทรงทำลายพระนามของพระองค์เอง {COL 143.3}COLTh 112.1

    พระสัญญามีอยู่ว่า “ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น” ยอห์น 15:7 และยอห์นเปิดเผยว่า “ถ้าเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ เราจะมั่นใจได้ว่าเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่กล่าวว่า ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ แต่ไม่ได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ คนนั้นเป็นคนพูดมุสาและสัจจะไม่ได้อยู่ในเขาเลย แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์ความรักของพระเจ้าก็บริบูรณ์อยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง” 1 ยอห์น 2:3-5 {COL 144.1}COLTh 112.2

    หนึ่งในพระบัญชาสุดท้ายของพระคริสต์ที่มีต่อสาวกของพระองค์คือ “ เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น” ยอห์น 13:34 เราปฏิบัติตามพระบัญชานี้หรือไม่ หรือว่าเราตามใจตนเองให้มีลักษณะนิสัยของความฉุนเฉียวและไม่เหมือนพระคริสต์ ถ้าเราทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งเศร้าหรือเสียใจเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสารภาพความผิดของเรา และขอการคืนดี นี่เป็นการเตรียมตัวที่สำคัญที่จะนำไปสู่พระเจ้าด้วยความเชื่อเพื่อขอพระพรของพระองค์ {COL 144.2}COLTh 112.3

    มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ที่แสวงหาพระเป็นเจ้าโดยการอธิษฐานละเลยบ่อยๆ ท่านซื่อตรงต่อพระเจ้าหรือไม่ พระเจ้าทรงประกาศผ่านผู้เผยพระวจนะมาลาคีว่า “ เจ้าได้หันเหไปเสียจากกฎเกณฑ์ของเราและไม่ได้รักษาไว้ ตั้งแต่ครั้งสมัยบรรพบุรุษของเจ้า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เจ้าจงกลับมาหาเราและเราจะกลับมาหาเจ้าทั้งหลาย แต่เจ้ากล่าวว่าเราทั้งหลายจะทำอย่างไรถึงจะกลับมา มนุษย์จะฉ้อโกงพระเจ้าหรือ ที่จริงเจ้าทั้งหลายได้ฉ้อโกงเรา แต่เจ้ากล่าว่า พวกเราฉ้อโกงพระเจ้าอย่างไร ก็ฉ้อโกงในเรื่องทศางค์และเครื่องบูชานั่นซิ” มาลาคี 3:7, 8 {COL 144.3} COLTh 113.1

    ในฐานะที่ทรงเป็นผู้ประทานพระพรทุกอย่าง พระเจ้าทรงอ้างสิทธิส่วนหนึ่งในทุกสิ่งที่เราเป็นเจ้าของ นี่เป็นข้อกำหนดของพระองค์เพื่อการสนับสนุนการเผยแพร่ข่าวประเสริฐ และโดยการนำส่วนนี้คืนพระเจ้าเป็นการแสดงออกถึงความซาบซึ้งในของประทานของพระองค์ แต่ถ้าหากเราไม่ยอมถวายพระองค์ในส่วนซึ่งเป็นของพระองค์ เราจะอ้างพระพรของพระองค์ได้อย่างไร หากเราเป็นผู้ดูแลสมบัติฝ่ายโลกที่ไม่ซื่อสัตย์ เราจะหวังคอยให้พระเจ้าวางใจเราด้วยสิ่งของฝ่ายสวรรค์ได้อย่างไร นี่อาจเป็นเคล็ดลับของคำอธิษฐานที่ไม่ได้รับคำตอบก็ได้ {COL 144.4}COLTh 113.2

    แต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตายิ่งใหญ่ ทรงพร้อมที่จะให้อภัย และพระองค์ตรัสว่า “ จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลังเพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ว่าเราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่ เราจะขจัดพวกตั๊กแตนให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในสวนของเจ้าจะไม่ร่วง…..แล้วประชาชาติทั้งสิ้นจะเรียกเจ้าว่า ผู้ที่ได้รับพระพร เพราะว่าแผ่นดินของเจ้าจะเป็นแผ่นดินที่น่าพึงใจ พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ” มาลาคี 3:10-12 {COL 144.5} COLTh 113.3

    ข้อกำหนดอื่นๆ ทุกข้อของพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ของประทานทั้งหมดของพระองค์ทรงโปรดสัญญาให้ภายใต้เงื่อนไขของการเชื่อฟัง พระองค์ทรงมีพระพรอยู่เต็มสวรรค์สำหรับผู้ที่จะร่วมมือกับพระองค์ ทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์จะมั่นใจในการอ้างสิทธิเพื่อให้พระสัญญานั้นสำเร็จ {COL 145.1}COLTh 113.4

    แต่เราจะต้องแสดงออกถึงความไว้วางใจที่มั่นคงและไม่หันเหไปจากพระเจ้า บ่อยครั้งพระองค์ทรงตอบล่าช้าเพื่อทดสอบความเชื่อของเรา หรือเพื่อทดสอบความจริงใจในความต้องการของเรา เมื่อเราทูลขอไปตามพระธรรมของพระเจ้าเราก็ควรเชื่อในพระสัญญาและย้ำการทูลขอของเราด้วยความตั้งใจเพื่อให้คำทูลขอไม่ได้รับการปฏิเสธ {COL 145.2}COLTh 114.1

    พระเจ้าไม่ได้ตรัสว่าจงขอหนึ่งครั้งแล้วเจ้าจะได้ พระองค์ทรงเชิญชวนให้เราขอ จงอธิษฐานโดยไม่ย่อท้อ ความเพียรพยายามในการทูลขอจะทำให้ผู้ขอมีท่าทีของการตั้งใจมากขึ้น และทำให้เขาต้องการที่จะรับสิ่งที่ขอมากยิ่งขึ้น พระคริสต์ตรัสกับมารธาที่ข้างอุโมงค์ฝังศพของลาซารัสว่า ” ถ้าเธอเชื่อ ก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” ยอห์น 11:40 {COL 145.3}COLTh 114.2

    แต่คนเป็นจำนวนมากไม่มีความเชื่อที่มีชีวิต นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ได้เห็นอำนาจของพระเจ้าได้มากกว่านี้ ความอ่อนแอของเขาเป็นเนื่องมาจากความไม่เชื่อของเขา เขามีความเชื่อในการกระทำของตนเองมากกว่าการปฏิบัติของพระเจ้าที่มีต่อเขา เขาจัดการกับการงานของเขาเอง เขาวางแผนและออกแบบ แต่อธิษฐานน้อยและมีความวางใจอย่างจริงจังในพระเจ้าน้อย เขาคิดว่าตนเองมีความเชื่อแต่เป็นเพียงแรงกระตุ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เมื่อเขามองไม่เห็นความต้องการของตนเอง หรือความเต็มพระทัยของพระเจ้าในการประทานให้จึงไม่อดทนในการเสนอความต้องการต่อพระพักตร์พระเป็นเจ้า {COL 145.4}COLTh 114.3

    คำอธิษฐานของเราจะต้องจริงใจและทูลขอด้วยความเพียร ดังเช่นคำร้องขอของเพื่อนที่ตกอยู่ในความต้องการ ผู้ร้องขอขนมปังในยามเที่ยงคืน เมื่อเรายิ่งขอด้วยความจริงใจและความแน่วแน่เพียงไร เราก็จะใกล้ชิดกับพระคริสต์ในทางฝ่ายวิญญาณจิตได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น เราจะได้รับพระพรเพิ่มขึ้นเพราะเรามีความเชื่อเพิ่มขึ้น {COL 146.1}COLTh 114.4

    หน้าที่ของเราคืออธิษฐานและเชื่อ จงเฝ้าอธิษฐาน เฝ้าและร่วมมือกับพระเจ้าผู้สดับฟังคำอธิษฐาน จงจำไว้เสมอว่า “ เราร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า” 1โครินธ์ 3:9 จงพูดและทำให้สอดคล้องกับคำอธิษฐานของท่าน จะทำให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างเด่นชัดว่าการทดลองจะพิสูจน์ว่า ความเชื่อของท่านนั้นเป็นความเชื่อที่แท้จริง หรือแสดงว่าคำอธิษฐานของท่านเป็นเพียงแต่เป็นพิธีการเท่านั้นเอง {COL 146.2}COLTh 114.5

    เมื่อความสับสนเกิดขึ้น และความทุกข์ยากอยู่ต่อหน้าท่าน จงอย่ามองหาความช่วยเหลือจากมนุษย์ จงไว้วางใจในพระเจ้าในทุกสิ่ง การใช้วิธีบอกเล่าความทุกข์ยากของเราแก่ผู้อื่นจะเป็นเพียงทำให้เราอ่อนแอและไม่ได้ทำให้เกิดความเข้มแข็ง มีแต่จะเป็นการเพิ่มภาระความทุกข์ยากทางฝ่ายจิตวิญญาณของเราให้กับพวกเขาซึ่งเป็นภาระที่พวกเขาแก้ไขอะไรให้เราไม่ได้ เรามองหากำลังของมนุษย์ที่มีขีดจำกัดและทำผิดพลาดเสมอแทนที่จะขอกำลังเข้มแข็งจากพระเจ้าผู้ไม่เคยพลาดและไม่มีขอบขีดจำกัด {COL 146.3} COLTh 115.1

    ท่านไม่จำเป็นต้องไปถึงที่สุดปลายของแผ่นดินโลกเพื่อแสวงหาสติปัญญา เพราะพระเจ้าสถิตอยู่ใกล้ การที่ท่านประสพความสำเร็จได้นั้นไม่ใช่เพราะความสามารถทั้งหลายที่ท่านมีอยู่หรือที่จะได้มา แต่เป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงประกอบกิจให้ท่านต่างหาก เราควรวางใจในสิ่งที่มนุษย์กระทำให้น้อยลงและพึ่งพิงพระเจ้าในสิ่งที่พระองค์ทรงสามารถทำเพื่อจิตวิญญาณทุกดวงที่เชื่อให้มากยิ่งขึ้น พระองค์ทรงปรารถนาให้ท่านเข้ามาหาพระองค์ด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงปรารถนาให้ท่านคาดหวังสิ่งยิ่งใหญ่จากพระองค์ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะประทานความเข้าใจในเรื่องของทั้งทางฝ่ายโลกและทางฝ่ายจิตวิญญาณให้แก่ท่าน พระองค์ทรงกระทำให้สติปัญญาของท่านเฉียบแหลมได้ พระองค์ประทานไหวพริบและทักษะได้ จงนำตะลันต์ของท่านลงไปสู่การปฏิบัติ จงทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้าแล้วพระองค์จะประทานให้แก่ท่าน {COL 146.4} COLTh 115.2

    จงยึดพระวจนะของพระคริสต์เป็นหลักประกันของท่าน พระองค์ไม่ได้ทรงเชื้อเชิญท่านให้มาหาพระองค์หรอกหรือ จงอย่าปล่อยให้ตัวเองพูดแต่เรื่องความสิ้นหวังและผิดหวัง หากท่านทำเช่นนี้ท่านจะสูญเสียมาก ด้วยการมองแต่ภายนอกและบ่นเมื่อความทุกข์ยากและความกดดันมาถึง ท่านกำลังแสดงถึงความเชื่อที่ขี้โรคและอ่อนกำลัง จงพูดและปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่าความเชื่อของท่านนั้นไม่อาจถูกทำลายได้ พระยาห์เวห์ทรงบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของโลกนี้ จงมองขึ้นไปยังสวรรค์เบื้องบนด้วยความเชื่อ มองไปที่พระองค์ผู้ทรงมีแสงสว่างและฤทธิ์อำนาจและทรงพละกำลังอันเข้มแข็ง {COL 146.5}COLTh 115.3

    ในความเชื่อที่แท้จริงจะมีความร่าเริง มีหลักการที่มั่นคงและความมุ่งหมายที่แน่นอนที่แม้เวลาหรือความเหนื่อยยากก็ไม่อาจที่จะทำให้อ่อนแอลงได้ “ แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรีย์ เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย” อิสยาห์ 40:30-31 {COL 147.1}COLTh 116.1

    ยังมีคนอีกจำนวนมากที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือผู้อื่น แต่เขารู้สึกว่าตนเองไม่มีกำลังหรือแสงสว่างทางฝ่ายจิตวิญญาณเพื่อแบ่งปัน จงให้เขาเหล่านั้นทูลขอความต้องการไปยังพระที่นั่งแห่งพระคุณ จงร้องขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลังคำสัญญาทุกคำที่ตรัสไว้ จงถือพระคัมภีร์ไว้ในมือของท่านและกล่าวว่า ข้าพระองค์ได้กระทำตามที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว ข้าพระองค์ขอนำพระสัญญามาทูลต่อพระองค์ “ จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน” ลูกา 11:9 {COL 147.2}COLTh 116.2

    เราไม่ควรอธิษฐานในพระนามของพระคริสต์เท่านั้น แต่โดยการทรงดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย เรื่องนี้อธิบายความหมายซึ่งตรัสไว้โดยพระวิญญาณที่กล่าวว่า “พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ” โรม 8:26 คำอธิษฐานเช่นนี้พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะตอบ เมื่อเราอ้าปากอธิษฐานในนามของพระคริสต์ด้วยความจริงใจและร้อนรนพระเจ้าทรงพร้อมที่จะตอบคำอธิษฐานของเราตามพระสัญญาของพระองค์ “ มากยิ่งกว่าที่เราทูลขอหรือคิด” เอเฟซัส 3:20 {COL 147.3}COLTh 116.3

    พระคริสต์ตรัสว่า “เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น” มาระโก 11:24 “สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร” ยอห์น 14:13 และยอห์นสาวกผู้เป็นที่รักได้พูดไว้อย่างชัดเจนและเป็นหลักประกันภายใต้การดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า “ถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟังเรา และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟัง เมื่อเราทูลขอสิ่งใด เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่ทูลขอนั้นจากพระองค์” 1 ยอห์น 5:14, 15 ฉะนั้นจงเร่งเร้าคำขอของท่านในนามของพระเยซูไปยังพระบิดา พระเจ้าจะประทานเกียรติให้แก่พระนามนั้น {COL 147.4}COLTh 116.4

    รุ้งที่อยู่ล้อมรอบพระที่นั่งนั้นเป็นหลักประกันว่าพระเจ้าทรงสัตย์จริง ในพระองค์ไม่มีความผันแปรหรือเงาแห่งการหันเหไป เราทั้งหลายกระทำผิดต่อพระองค์และไม่สมควรที่จะได้รับความชอบพระทัยของพระองค์ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังประทานคำทูลขอที่อัศจรรย์ที่สุดแก่ริมฝีปากของพวกเขา “ เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขออย่าทรงเกลียดพวกข้าพระองค์ ขออย่าให้พระที่นั่งรุ่งเรืองของพระองค์ต้องเสื่อมเสีย ขอทรงระลึกและอย่าทรงหักพันธสัญญาของพระองค์ซึ่งมีไว้กับข้าพระองค์” เยเรมีย์ 14:21 เมื่อเรามาเข้าเฝ้าพระองค์ สารภาพความไม่เหมาะสมและบาปของเรา พระองค์ก็ทรงสัญญาว่าจะทรงสดับคำทูลขอของเรา พระเกียรติแห่งพระที่นั่งของพระองค์เป็นเดิมพันถ้อยคำของพระองค์ว่าจะสำเร็จตามที่ประทานไว้แก่เรา {COL 148.1} COLTh 117.1

    ดั่งอาโรนผู้เป็นสัญลักษณ์แทนพระคริสต์ พระผู้ช่วยของเราทรงแบกชื่อของประชากรทั้งหมดของพระองค์แนบอยู่แทบพระอุระในวิสุทธิสถาน มหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ของเราทรงระลึกถึงคำที่ตรัสไว้ทั้งหมดที่พระองค์ประทานให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้เราวางใจในพระองค์ พระองค์ทรงเอาใจใส่ต่อพระสัญญาของพระองค์เสมอ {COL 148.2} COLTh 117.2

    ทุกคนที่แสวงหาพระองค์จะได้พบ ทุกคนที่เคาะจะพบว่าประตูเปิดออกให้แก่เขา จะไม่มีคำแก้ตัวว่าอย่ารบกวนฉันเลย ประตูก็ปิดเสียแล้ว ฉันไม่อยากจะเปิดให้ จะไม่มีผู้ใดได้ยินว่า ฉันไม่อาจช่วยเจ้าได้ ผู้ที่ขอในเวลาเที่ยงคืนเพื่อขนมปังที่จะเลี้ยงจิตวิญญาณที่หิวกระหายจะได้พบกับความสำเร็จ {COL 148.3}COLTh 117.3

    ในอุปมา ผู้ที่ขอขนมปังเพื่อแขกแปลกหน้าได้รับ “ ตามที่คนนั้นต้องการ” ลูกา 11:8 และพระเจ้าจะประทานให้เราขนาดไหนเพื่อที่เราจะได้แบ่งปันให้ผู้อื่น “ ตามขนาดที่พระคริสต์ประทาน” เอเฟซัส 4:7 ทูตสวรรค์กำลังมองด้วยความสนใจอย่างยิ่งเพื่อดูว่ามนุษย์จะปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างไร เมื่อทูตสวรรค์เห็นผู้หนึ่งแสดงความเห็นใจอย่างพระคริสต์เพื่อผู้หลงผิด ทูตสวรรค์จะเร่งเข้าหา และช่วยให้เขาจดจำคำพูดที่จะเป็นเสมือนหนึ่งอาหารแห่งชีวิตแก่จิตวิญญาณ ดังนั้นพระเจ้า “ จะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” ฟีลิปปี 4:19 พระองค์จะทรงทำให้คำพยานที่แท้จริงจากใจจริงของท่านเป็นกำลังที่มีอำนาจยิ่งขึ้นให้แก่ชีวิตที่จะมาถึง พระธรรมของพระเจ้าจะอยู่ในปากของท่านเป็นดั่งเช่นความจริงและความชอบธรรม {COL 148.4} COLTh 118.1

    การอธิษฐานในที่ลับลี้ให้มากจะต้องมาก่อนการประกาศให้ผู้อื่นเป็นการส่วนตัว เพราะศาสตร์แห่งการช่วยคนอื่นให้รอดต้องใช้ปัญญาอย่างมากยิ่งเพื่อจะเข้าใจได้ ก่อนที่จะสื่อสารกับมนุษย์ ให้สนทนากับพระคริสต์ ตรงพระที่นั่งแห่งพระคุณของพระเจ้า ให้รับการเตรียมตัวก่อนออกไปรับใช้ประชาชน {COL 149.1} COLTh 118.2

    จงให้หัวใจของท่านแตกสลายให้กับหัวใจที่คอยเฝ้ารอพระเจ้า เฝ้ารอพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ชีวิตของพระเยซูทรงสำแดงออกถึงสิ่งที่มนุษย์ทำได้โดยการเข้าร่วมกับธรรมชาติของพระเจ้า สิ่งของทั้งปวงที่พระคริสต์รับจากพระเจ้า เราทั้งหลายก็จะสามารถรับมาได้ด้วย ดังนั้นจงขอและรับ ด้วยความเชื่อที่พากเพียรอย่างของยาโคบ ด้วยความยึดมั่นที่ไม่ย่อท้ออย่างของเอลียาห์ ให้ทวงพระสัญญาทั้งหมดของพระเจ้ามาเป็นของท่านเอง {COL 149.2}COLTh 118.3

    จงให้ความเข้าใจอันมีสง่าราศีในเรื่องของพระเจ้าครอบคลุมความคิดของท่าน จงให้ชีวิตของท่านผูกติดอยู่กับชีวิตของพระเยซูด้วยการเชื่อมเข้าด้วยกันกับสายโซ่ที่ซ่อนไว้ พระองค์ผู้ตรัสสั่งให้แสงสว่างส่องออกมาจากที่มืด ทรงมีพระทัยเปี่ยมล้นที่จะส่องสว่างเข้าไปในใจของท่าน เพื่อให้แสงแห่งความรู้แห่งสง่าราศีของพระเจ้าผ่านพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำเรื่องของพระเจ้าและเปิดเผยให้แก่ท่าน เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาด้วยพละกำลังอันมีชีวิตเข้าสู่จิตใจที่เชื่อฟัง พระคริสต์จะทรงนำท่านไปยังธรณีประตูของพระเจ้า ท่านมองเห็นพระสิริด้านหลังม่านได้ และจะเปิดเผยให้มนุษย์เห็นความบริสุทธิ์ของพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ทุกเวลาเพื่อทูลขอเผื่อเราทั้งหลาย {COL 149.3}COLTh 119.1

    *****