Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    บทที่ 16 - “หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก”

    อ้างอิงจาก ลูกา 15:11-32

    อุปมาเรื่องแกะหาย เหรียญเงินหายและบุตรหลงหายแสดงให้เราเห็นอย่างเด่นชัดถึงความรักอย่างเห็นใจของพระเจ้าที่มีต่อผู้ที่หลงหายไปจากพระองค์ แม้ว่าพวกเขาหันไปจากพระเจ้าแต่พระองค์หาได้ทิ้งพวกเขาให้ตกอยู่ในความทุกข์ยากไม่ พระองค์ทรงมีพระเมตตาและสงสารต่อบรรดาผู้ที่ต้องเผชิญกับศัตรูที่เต็มด้วยเล่ห์เหลี่ยม {COL 198.1}COLTh 165.1

    ในอุปมาเรื่องบุตรเสเพลแสดงให้เห็นถึงวิธีการของพระยาห์เวห์ในการปฏิบัติต่อบรรดาคนที่ครั้งหนึ่งเคยรู้จักความรักของพระบิดาแต่ได้ปล่อยให้ผู้ล่อลวงนำเขาไปเป็นเชลยอยู่ใต้การบังคับบัญชาของมัน {COL 198.2}COLTh 165.2

    ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน บุตรคนเล็กพูดกับบิดาว่า พ่อ ขอแบ่งทรัพย์สินส่วนที่ตกเป็นของลูกให้ลูกด้วย บิดาจึงแบ่งสมบัติให้แก่บุตรทั้งสอง ต่อมาไม่กี่วัน บุตรคนเล็กนั้นก็รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเดินทางไปยังเมืองไกล” ลูกา 15:11 {COL 198.3}COLTh 165.3

    บุตรเล็กคนนี้เบื่อหน่ายต่อการควบคุมในบ้านบิดาของเขา เขาคิดว่าอิสรภาพของตนถูกจำกัด เขาเข้าใจความรักและการดูแลของบิดาผิดไป จึงตั้งใจที่จะปฏิบัติตามแนวคิดของตนเอง {COL 198.4}COLTh 166.1

    ชายหนุ่มไม่ยอมรับหน้าที่ของเขาที่มีต่อบิดาและไม่แสดงความกตัญญู แม้กระนั้น เขาก็ยังอ้างสิทธิ์ของความเป็นบุตรเพื่อขอแบ่งสมบัติจากบิดา มรดกที่จะตกเป็นของเขาเมื่อบิดาถึงแก่กรรมเขากลับร้องขอเอาเดี๋ยวนี้ เขาต้องการความสนุกสนานในปัจจุบันแต่ไม่สนใจต่ออนาคต {COL 199.1}COLTh 166.2

    เมื่อเขาได้รับมรดกส่วนที่เป็นของตนเองแล้ว เขาก็เดินทาง “ไปยังเมืองไกล” ออกไปไกลจากบ้านของบิดา ด้วยเงินจำนวนมากและอิสรภาพในการทำตามใจชอบ เขาบำรุงบำเรอตนเองอย่างเต็มที่ตามความต้องการของจิตใจ ไม่มีใครพูดห้ามเขาว่า อย่าทำอย่างนี้เพราะอันตรายต่อตัวเธอนะ หรือสั่งให้ทำอย่างนั้นเพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มิตรสหายชั่วช่วยให้เขาตกลึกลงไปสู่บาปและเขา “ผลาญทรัพย์สินของตน…ด้วยการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย ” ลูกา 15:13 {COL 199.2}COLTh 166.3

    พระคัมภีร์กล่าวถึงคนที่ “อ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา ” “ กลายเป็นคนโง่เขลาไป” โรม1:22 และนี่คือประวัติของชายหนุ่มในอุปมา สมบัติที่เขาเรียกร้องมาจากบิดาด้วยความเห็นแก่ตัว เขาผลาญไปกับหญิงโสเภณี สมบัติของความเยาว์วัยถูกผลาญทิ้งไป ช่วงชีวิตอันมีค่า ความเข้มแข็งแห่งสติปัญญา แนวคิดอันสดใสของวัยเยาว์ ความปรารถนาที่จะให้จิตวิญญาณสูงขึ้นทั้งหมดนี้ถูกไฟแห่งราคะตัณหาเผาไหม้ไปจนหมดสิ้น {COL 199.3}COLTh 166.4

    ต่อมาก็เกิดกันดารอาหารใหญ่ เขาเริ่มตกอยู่ในความขัดสนเขาอาศัยอยู่กับชาวเมืองคนหนึ่ง ชายคนนั้นใช้ให้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา สำหรับชาวยิวแล้วการเลี้ยงหมูเป็นงานที่ต่ำต้อยและน่าอับอายที่สุด ชายหนุ่มที่เคยโอ้อวดถึงอิสรภาพของตนนั้นบัดนี้พบว่าตนเองกลายเป็นทาสไปเสียแล้ว เขาตกอยู่ในสภาพของการผูกมัดที่เลวร้ายที่สุดเพราะ “ ติดอยู่กับตาข่ายบาปของเขา ” สุภาษิต 5:22 แสงและสีที่เคยล่อลวงเขาอันตรธานหายไปสิ้นและเขารู้สึกถึงภาระของโซ่ที่ล่ามเขาอยู่ ขณะที่เขานั่งอยู่บนพื้นของดินแดนที่กันดารและว่างเปล่า ไม่มีมิตรสหายนอกจากหมูมาห้อมล้อมเขา เขาจำต้องกินแกลบอาหารที่ใช้เลี้ยงหมู เพื่อนฝูงที่ล้อมรอบเขาในวันแห่งความอุดมสมบูรณ์ ทั้งกินและดื่มโดยที่เขาเป็นเจ้ามือเลี้ยง ไม่มีสักคนหนึ่งเหลืออยู่ที่จะมาคอยเป็นเพื่อน บัดนี้ความสุขของชีวิตสำมะเลเทเมาอยู่ที่ไหน ด้วยการระงับความสำนึกผิดชอบและทำให้ความรู้สึกมึนชาไป เขาคิดว่าตนเองมีความสุข แต่บัดนี้เมื่อเขาใช้เงินหมดไปแล้ว เมื่อไม่เคยอิ่มท้อง เมื่อต้องอยู่ในสภาพที่เสียหน้า เมื่อศีลธรรมหดหายไป เมื่อความตั้งใจของเขาอ่อนแอและไว้ใจไม่ได้ เมื่อดูเสมือนว่าความรู้สึกอันละเอียดอ่อนตายด้านไป เขาตกไปเป็นคนน่าสมเพชที่สุด {COL 200.1}COLTh 166.5

    เป็นภาพสภาพคนบาปอะไรเช่นนี้ ถึงแม้เขาถูกห้อมล้อมด้วยพระพรแห่งความรักของพระองค์ แต่ไม่มีสิ่งใดที่คนบาปต้องการมากไปกว่าการแยกตัวเองออกไปจากพระเจ้า ดังบุตรคนเล็กที่ไม่รู้จักบุญคุณ เขาเรียกร้องสิ่งดีของพระเจ้ามาเป็นของตนโดยอ้างว่าเป็นสิทธิ์ที่ถูกต้อง เขาถือว่าเป็นของเขาเอง เขาไม่แสดงการขอบคุณ ไม่ได้ถวายการตอบแทนด้วยความรักอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนกับคาอินที่ออกไปจากเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าเพื่อเสาะหาที่พำนักของตน ดังบุตรเสเพลที่พเนจรไปยัง “ เมืองไกล ” คนบาปแสวงหาความสุขด้วยการลืมพระเจ้าเช่นกัน โรม 1:28 {COL 200.2}COLTh 167.1

    ไม่ว่าสภาพภายนอกจะมีลักษณะเช่นไร ทุกชีวิตที่อยู่เพื่อตัวเองจะสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย ผู้ที่พยายามดำเนินชีวิตแยกตัวออกไปจากพระเจ้า กำลังใช้ทรัพย์สมบัติไปอย่างสิ้นเปลือง เขากำลังใช้เวลาเดือนปีอันมีค่าของตน ใช้กำลัง ทางความคิด จิตใจและจิตวิญญาณให้หมดสิ้นไปอย่างน่าเสียดายและทำให้ตนเองสิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อไม่ได้รับชีวิตนิรันดร์ คนที่แยกตัวออกจากพระเจ้าด้วยการสนองความต้องการของตนเองเพื่อไปปรนนิบัติสิ่งที่อยู่ในโลกและความชั่วร้ายสารเลวนั้นเป็นทาสของเงินทอง จิตใจที่พระเจ้าทรงสร้างมาเพื่อให้เป็นมิตรกับทูตสวรรค์ตกต่ำไปด้วยการรับใช้ทางโลกและความโหดร้าย นี่คือจุดจบของการอยู่เพื่อตนเอง {COL 200.3}COLTh 167.2

    หากท่านเลือกที่จะใช้ชีวิตเช่นนี้ ท่านทราบดีว่าท่านกำลังใช้เงินเพื่อของซึ่งไม่ใช่อาหาร และการตรากตรำเพื่อสิ่งซึ่งไม่ให้ความอิ่มใจ เวลาจะมาถึงเมื่อท่านจะตระหนักถึงความเสื่อมโทรมของตนเอง เมื่ออยู่โดดเดี่ยวในเมืองไกลท่านจะรู้สึกถึงความทุกข์ของท่าน และในความสิ้นหวังนั้นท่านร้องขึ้นมาว่า “ โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้” โรม 7:24 ด้วยประโยคความจริงอันเป็นที่ยอมรับทั่วไปซึ่งอยู่ในข้อเขียนของผู้เผยพระวจนะที่กล่าวว่า “คนที่วางใจในมนุษย์และให้เนื้อหนังเป็นกำลังของเขาและใจของเขาหันออกจากพระยาห์เวห์ คนนั้นก็เป็นที่แช่งสาป เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ที่อยู่ในทะเลทรายและจะไม่เห็นสิ่งดีที่มาถึง เขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่แตกระแหงที่ในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีคนอาศัย” เยเรมีย์ 17:5, 6 พระเจ้า “ ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม” มัทธิว 5:45 แต่มนุษย์มีอำนาจที่จะปิดตัวเองจากแสงแดดและฝน ดังนั้นในขณะที่ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมยังส่องสว่างและฝนแห่งพระคุณยังโปรยลงมาให้แก่ทุกคนอย่างไม่จำกัด เราผู้ที่ยังคงแยกตัวเองออกจากพระเจ้าก็ยังคง “ อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่แตกระแหงในถิ่นทุรกันดาร” เยเรมีย์ 17: 6 {COL 201.1}COLTh 168.1

    ความรักของพระเจ้ายังเฝ้าตามหาผู้ที่เลือกแยกตัวเองออกห่างจากพระองค์ และพระองค์ทรงหาวิธีที่จะนำเขากลับมายังบ้านของบิดา บุตรเสเพลที่อยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว “ เขาสำนึกตัวได้” อำนาจที่เคยครอบงำของซาตานสลายไป เขามองเห็นว่าความทุกข์ทรมานของเขาเป็นผลมาจากความโง่เขลาของเขาเอง และเขาพูดขึ้นว่า “ ลูกจ้างของพ่อไม่ว่ามีมากสักแค่ไหนก็ยังมีอาหารเหลือเฟือ แต่ข้ากลับต้องมาอดตายที่นี่ ข้าน่าจะลุกขึ้นไปหาพ่อ” ลูกา 15:17, 18 ในสภาพของความทุกข์ยากเช่นนี้บุตรน้อยพบความหวังเมื่อเขาคิดถึงความรักของบิดา เป็นความรักที่กำลังดึงดูดเขาให้กลับบ้าน ด้วยเหตุนี้เองความมั่นใจในความรักของพระเจ้าที่ผลักดันคนบาปให้กลับไปหาพระเจ้า “พระกรุณาคุณของพระเจ้านั้นมุ่งที่จะชักนำท่านให้กลับใจใหม่” โรม 2:4 โซ่ทองคำแห่งความเมตตาและความเห็นใจของพระเจ้าล้อมรอบจิตวิญญาณทุกดวงที่ตกอยู่ในภัยอันตราย พระยาห์เวห์ทรงประกาศว่า “เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงนำเจ้ามาด้วยความรักมั่นคง” เยเรมีย์ 31:3 {COL 202.1}COLTh 168.2

    บุตรชายคนนี้ตั้งใจที่จะสารภาพความผิด เขาจะไปหาบิดาของตนและพูดว่า “ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย ไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป” แต่สิ่งที่เขาพูดต่อไปแสดงถึงความเข้าใจของเขาในเรื่องความรักของบิดานั้นจำกัดเพียงไร เมื่อกล่าวว่า “ ขอโปรดให้ลูกอยู่ในฐานะของลูกจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด” ลูกา 15:19, 20 {COL 202.2}COLTh 169.1

    ชายหนุ่มหันหลังให้กับฝูงหมูและแกลบ มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านด้วยตัวสั่นเทา ด้วยความอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเพราะความหิว เขารีบเร่งไปตามทาง เขาไม่มีสิ่งใดปกปิดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย แต่ความทุกข์ของเขาชนะความหยิ่งยโสและเขารีบเร่งที่จะไปขอทำงานเป็นลูกจ้างในที่ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นบุตร {COL 202.3}COLTh 169.2

    ในวันที่ชายหนุ่มเจ้าสำราญไร้ความคิดก้าวเท้าออกจากประตูรั้วบ้านของบิดา เขาไม่เคยฝันถึงความเจ็บปวดและการเฝ้าปรารถนาที่ค้างอยู่หัวใจของคุณพ่อ ขณะที่เขาเต้นรำและเลี้ยงฉลองกับเพื่อนนักเลงอันธพาลเหล่านั้น เขาไม่ได้คิดถึงเงาที่ปกคลุมบ้านของตน และขณะที่เขากำลังมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยย่างก้าวที่เมื่อยล้าและปวดร้าว เขาไม่รู้ว่ามีผู้หนึ่งกำลังคอยการกลับของเขาอยู่ แต่ในขณะที่ “ ยังอยู่แต่ไกล” บิดามองเห็นลักษณะของเขาแต่ไกล ความรักมีสายตาที่ว่องไว ความเสื่อมโทรมเนื่องจากบาปเป็นเวลาหลายปี ไม่อาจปกปิดลักษณะของบุตรไปจากสายตาของผู้เป็นบิดาได้ เขา “ มีใจสงสาร จึงวิ่งออกไปกอดคอและจูบแก้มของเขา ” ลูกา 15:20 โอบกอดด้วยความรักอย่างอบอุ่นเป็นเวลานาน {COL 203.1}COLTh 169.3

    บิดาไม่ยอมให้สายตาแห่งการดูถูกของผู้ใดเยาะเย้ยความทุกข์และสภาพอันทรุดโทรมของบุตรชายของเขา จึงถอดเสื้อคลุมไหล่ขนาดใหญ่ที่ล้ำค่าออกและพันห่อร่างที่เปลือยเปล่า และชายหนุ่มกล่าวคำสารภาพด้วยอาการสะอื้นว่า “พ่อ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย ไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป” ลูกา 15:21 บิดากอดบุตรน้อยแนบชิดตัวของเขาและนำเขากลับบ้าน ไม่ให้บุตรมีโอกาสขอตำแหน่งของลูกจ้าง เขาเป็นบุตรสมควรได้รับเกียรติด้วยสิ่งของที่ดีที่สุดเท่าที่ทางบ้านจะให้ได้ และเป็นผู้ที่บ่าวไพร่ทั้งชายหญิงจะต้องให้ความเคารพและรับใช้ {COL 203.2}COLTh 169.4

    บิดาสั่งบ่าวของตนว่า “ จงรีบไปเอาเสื้อที่ดีที่สุดออกมาสวมให้เขา เอาแหวนมาสวมที่นิ้วมือ และเอารองเท้ามาสวมให้ด้วย และจงไปเอาลูกวัวตัวที่อ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกันเพื่อความรื่นเริง เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้วแต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก พวกเขาต่างก็มีความรื่นเริง ” ลูกา 15:22-23 {COL 204.1}COLTh 170.1

    ในช่วงชีวิตเยาว์วัยที่อยู่อย่างไม่เป็นสุข บุตรน้อยมองบิดาว่าเป็นผู้เกรี้ยวกราดและเข้มงวด ขณะนี้ความเข้าใจของเขาที่มีต่อบิดาเปลี่ยนไปมากเพียงใด ดังนั้นผู้ที่ถูกซาตานหลอกไปจะมองว่าพระเจ้าทรงเกรี้ยวกราดและพิถีพิถัน เขามองว่าพระเจ้าทรงคอยปรักปรำและลงโทษ ไม่ยอมที่จะรับคนบาปตราบใดที่ยังมีข้อแก้ตัวที่ถูกต้องที่พระองค์ไม่ต้องการช่วย เขาถือว่าบัญญัติของพระเจ้าจำกัดความสุขและเป็นแอกอันหนักที่เขายินดีจะหลีกเลี่ยง แต่ผู้ใดที่ดวงตาถูกเปิดออกด้วยความรักของพระคริสต์จะมองเห็นพระเจ้าว่าทรงกอปรด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ไม่ได้เป็นผู้เหี้ยมโหด ไม่ยอมผ่อนปรนแต่ทรงเป็นเช่นบิดา พร้อมที่จะสวมกอดบุตรที่กลับใจ คนบาปจะอุทานขึ้นพร้อมกับผู้ประพันธ์พระธรรมสดุดีว่า “ บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด พระยาห์เวห์ทรงสงสารคนที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น” สดุดี 103:13 {COL 204.2}COLTh 170.2

    ในอุปมา ไม่ได้บันทึกถึงการด่าว่า การว่ากล่าวถึงความชั่วร้ายที่บุตรเสเพลทำ บุตรคนนี้รู้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านไปได้รับการอภัยและลืมไป ลบทิ้งไปตลอดกาล เช่นเดียวกันนี้ พระเจ้าตรัสกับคนบาปว่า “เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆและลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก ” อิสยาห์ 44:22 “เราจะให้อภัยความผิดบาปของเขาและจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป” เยเรมีย์ 31:34 “ให้คนอธรรมละทิ้งทางของเขา และคนชั่วละทิ้งความคิดของเขา ให้เขากลับยังพระยาห์เวห์ และพระองค์จะทรงเมตตาเขา และมายังพระเจ้าของพวกเรา เพราะพระองค์ทรงมีการอภัยอย่างเหลือล้น” อิสยาห์ 55:7 “ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น จะหาความผิดบาปในอิสราเอลไม่พบเลย จะหาบาปในยูดาห์ก็จะไม่พบเลย ” เยเรมีย์ 50:20 {COL 204.3}COLTh 170.3

    คำมั่นสัญญาของพระเจ้าที่ทรงพร้อมจะรับคนบาปที่กลับใจนี้ดีเพียงไร ท่านผู้อ่านที่รัก ท่านเลือกทางเดินของท่านเองแล้วหรือยัง ท่านเดินหลงไปจากพระเจ้าหรือไม่ ท่านเสาะหาทางที่จะฉลองดื่มกินผลแห่งการล่วงละเมิดเพียงเพื่อค้นพบว่าในที่สุดแล้วอาหารนั้นเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าบนริมฝีปากของท่าน และบัดนี้ทรัพย์ของท่านถูกผลาญไปหมดแล้ว แผนการชีวิตถูกทำลายและความหวังหมดสิ้นไปและท่านก็นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดายหรือเปล่า บัดนี้เสียงนั้นที่เคยพูดกับใจของท่านมาตลอดแต่ท่านปฏิเสธที่จะฟังนั้นดังชัดเจนและแจ่มใสมากขึ้นว่า “ จงลุกขึ้นและไปเสีย เพราะไม่มีที่พักที่นี่ เพราะมลทินบาปทำลายด้วยความพินาศอย่างทุกข์ระทม” มีคาห์ 2:10 จงกลับไปยังบ้านของพระบิดาของท่าน พระองค์ทรงเชื้อเชิญท่าน ตรัสว่า “ จงกลับมาหาเราเพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว” อิสยาห์ 44:22 {COL 205.1}COLTh 171.1

    อย่าฟังคำเสนอแนะของศัตรูว่าให้อยู่ห่างจากพระคริสต์จนกระทั่งท่านทำตัวเป็นคนดีได้เสียก่อน ดีพอจนท่านจะมาหาพระเจ้าได้ หากคอยจนถึงวันนั้น ท่านจะไม่ได้มาเลย เมื่อซาตานชี้ไปยังเสื้อสกปรกขาดวิ่นของท่าน จงย้ำพระสัญญาของพระเยซูที่ว่า “ คนที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่เลย” ยอห์น 6:37 จงบอกศัตรูว่าพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ชำระบาปทั้งหมดของท่านแล้ว จงให้คำอธิษฐานของกษัตริย์ดาวิดเป็นคำอธิษฐานของท่าน “ขอทรงชำระมลทินจากข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบ ข้าพระองค์จึงจะสะอาด ขอทรงล้างข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ” สดุดี 51:7 {COL 205.2}COLTh 171.2

    จงลุกขึ้นและไปยังพระบิดาของท่าน พระองค์จะทรงต้อนรับท่านขณะที่ท่านอยู่แต่ไกล หากท่านเพียงแต่ก้าวไปหาพระองค์แม้เพียงหนึ่งก้าวในการกลับใจ พระองค์จะทรงรีบกอดท่านในอ้อมพระหัตถ์แห่งความรักของพระองค์ พระกรรณของพระองค์ทรงรับฟังคำร้องหาของจิตวิญญาณที่ฟกช้ำ การเรียกหาพระเจ้าเพียงครั้งแรกจากดวงใจ พระองค์ทรงรับฟัง ไม่มีคำอธิษฐานใดที่ทูลขอแม้จะไม่เป็นคำเพียงไร ไม่มีน้ำตาที่ไหลรินแม้จะอยู่ในที่ลี้ลับเพียงไร ไม่มีความปรารถนาที่จริงใจที่เก็บถนอมไว้จะอ่อนแรงเพียงไร พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงรีบออกไปต้อนรับ ก่อนที่จะเอ่ยคำอธิษฐานออกมาหรือแสดงความต้องการของหัวใจออกมา พระคุณจากพระคริสต์จะทรงออกไปต้อนรับพระคุณที่กำลังทำงานอยู่ในจิตใจของมนุษย์ {COL 206.1}COLTh 171.3

    พระบิดาแห่งสวรรค์ของท่านจะทรงเอาเสื้อที่เปื้อนด้วยบาปออกจากตัวท่าน ในคำพยากรณ์เชิงอุปมาของผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์ มหาปุโรหิตโยซูวาสวมใส่เสื้อผ้าสกปรกยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์นั้นเป็นตัวแทนคนบาป และพระดำรัสของพระเจ้าตรัสว่า “จงเปลื้องเสื้อตำแหน่งที่สกปรกออกจากเขาเสียและทูตสวรรค์พูดกับท่านว่า นี่แน่ะ เราได้เอาความผิดบาปออกไปเสียจากเจ้าแล้ว และเราจะประดับตัวเจ้าด้วยเสื้อผ้าดีๆ …เขาจึงโพกผ้าสะอาดและสวมเสื้อตำแหน่งให้ท่าน” เศคาริยาห์ 3:4, 5 ด้วยประการฉะนี้พระเจ้าจะทรงสวมท่านด้วย “เสื้อผ้าแห่งความรอด” อิสยาห์ 61:10 “ถึงแม้ท่านนอนอยู่ท่ามกลางคอกแกะท่านจะเหมือนปีกนกเขาที่บุด้วยเงินและขนของมันที่บุด้วยทองคำ” สดุดี 68:13 THAI KJV {COL 206.2}COLTh 172.1

    พระองค์จะทรงพาท่านไปยังอาคารงานเลี้ยง และธงของพระองค์ที่อยู่เหนือท่านคือความรัก เพลงซาโลมอน 2:4 พระองค์ทรงประกาศว่า “ ถ้าเจ้าดำเนินตามมรรคาของเรา…เราจะให้เจ้ามีสิทธิที่จะเข้าไปท่ามกลางผู้ที่ยืนอยู่ที่นี่” แม้กระทั่งท่ามกลางทูตสวรรค์บริสุทธิ์ที่ห้อมรอบพระที่นั่งของพระองค์ เศคาริยาห์ 3:7 {COL 206.3}COLTh 172.2

    เจ้าบ่าวเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าสาวอย่างไร พระเจ้าของท่านจะเปรมปรีดิ์ในท่านอย่างนั้น” อิสยาห์ 62:5 พระองค์ “ ทรงช่วยให้รอด พระองค์ทรงเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าด้วยความยินดี และทรงสงบในความรักของพระองค์ พระองค์จะทรงเริงร่าเพราะเจ้าด้วยการร้องเพลงเสียงดัง” เศฟันยาห์ 3:17 และชาวสวรรค์และชาวโลกจะร่วมกันร้องเพลงแห่งความชื่นชมของพระบิดา “ เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก” ลูกา 15: 24 {COL 207.1}COLTh 172.3

    จนถึงบัดนี้ อุปมาของพระผู้ช่วยเท่าที่เล่ามานั้นยังไม่พบส่วนใดของเรื่องที่ขัดแย้งกับภาพแห่งความสุข แต่บัดนี้พระคริสต์ทรงเสนอข้อคิดอีกมุมหนึ่ง ในช่วงที่บุตรน้อยกลับบ้าน บุตรคนโต “ อยู่ที่ทุ่งนา เมื่อเขากลับมาใกล้จะถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงดนตรีและการเต้นรำ เขาจึงเรียกบ่าวคนหนึ่งมาถามว่า นี่มันอะไรกัน บ่าวจึงตอบว่า น้องของท่านกลับมาแล้ว และพ่อของท่านให้ฆ่าลูกวัวตัวที่อ้วนพีเพราะท่านได้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย พี่ชายก็โกรธไม่ยอมเข้าไป” ลูกา 15: 25-28 บุตรคนโตไม่มีส่วนร่วมกับบิดาเมื่อผู้พเนจรเสเพลกลับมา เสียงแห่งความชื่นชมยินดีไม่ได้กระตุ้นใจเขาให้เกิดความยินดี เขาถามบ่าวถึงสาเหตุของงานรื่นเริงและคำตอบนั้นเร้าความริษยาของเขา เขาจะไม่เข้าไปต้อนรับน้องชายที่หลงทางไป ความกรุณาที่แสดงให้กับบุตรเสเพลนั้นเขาถือว่าเป็นการดูถูกตัวเขาเอง {COL 207.2}COLTh 173.1

    เมื่อผู้เป็นบิดาออกมาทัดทานเขา ความหยิ่งและนิสัยที่ร้ายกาจของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมา เขาถือว่าชีวิตของเขาที่วนเวียนอยู่ในบ้านของบิดาเป็นการรับใช้ที่ไม่ได้รับการตอบแทน และเปรียบเทียบความลำเอียงที่มีต่อบุตรชายที่เพิ่งกลับมาด้วยความใจแคบ เขากล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่า การทำงานรับใช้ของเขาเหมือนกับบ่าวไม่ใช่บุตร เขาควรพบความสุขในการอยู่ร่วมกับบิดา แต่เขาปล่อยให้สมองคิดถึงส่วนที่เขาควรจะได้จากการมีชีวิตอยู่อย่างรอบคอบของเขา คำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาละทิ้งความเพลิดเพลินของบาปก็ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้เอง บัดนี้เมื่อน้องชายได้รับส่วนแบ่งของบิดาไปแล้ว บุตรคนโตถือว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรม เขาแค้นที่น้องชายได้รับความกรุณาเช่นนี้ เขายังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หากเขาอยู่ในตำแหน่งของบิดาเขาจะไม่มีทางรับบุตรเสเพลคนนี้กลับมา ซ้ำยังไม่ยอมรับว่าเขาเป็นน้องชายและพูดออกมาอย่างเย็นชาถึงเขาว่าเป็น “ลูกคนนี้ของพ่อ” ลูกา 15: 30 {COL 207.3}COLTh 173.2

    ถึงกระนั้น บิดาก็ยังปฏิบัติต่อเขาอย่างรักใคร่กล่าวว่า “ ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อตลอดเวลา สิ่งของทั้งหมดของพ่อก็เป็นของลูก” ลูกา 15: 31 ตลอดเวลาหลายปีที่น้องชายเจ้ามีชีวิตที่ตกอับ เจ้าไม่ได้มีโอกาสอยู่เป็นเพื่อนกับพ่อหรือ {COL 208.1}COLTh 173.3

    ทุกสิ่งที่ให้ความสุขแก่บุตรทั้งหลายมีให้อย่างไม่จำกัด บุตรชายไม่จำเป็นต้องสงสัยในรางวัลหรือสิ่งตอบแทน “ สิ่งของทั้งหมดของพ่อก็เป็นของลูก” เจ้าเพียงแต่ต้องเชื่อในความรักของเราและรับของประทานได้อย่างเต็มที่ {COL 208.2}COLTh 174.1

    บุตรชายคนหนึ่งได้ตัดตัวเองออกจากบ้านโดยไม่คำนึงถึงความรักของบิดา แต่บัดนี้เขากลับมาแล้วและคลื่นแห่งความสุขกำจัดทุกความคิดที่รบกวนออกไป “เพราะน้องคนนี้ของลูกตายไปแล้ว แต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ยังได้พบกันอีก” ลูกา 15: 32 {COL 209.1}COLTh 174.2

    บุตรคนโตมองเห็นจิตใจที่เห็นแก่ตัวและไม่สำนึกบุญคุณของเขาเองหรือไม่ เขามองเห็นว่าแม้น้องชายที่ทำตัวชั่วร้ายยังเป็นน้องของเขาอยู่หรือไม่ พี่ชายคนนี้กลับใจจากความริษยาและใจที่แข็งกระด้างหรือไม่ ในเรื่องเช่นนี้ พระคริสต์ไม่ทรงกล่าวถึง เพราะอุปมานี้ยังคงดำเนินต่อไป ขึ้นกับผู้ฟังที่จะตัดสินว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร {COL 209.2}COLTh 174.3

    บุตรชายคนโตเปรียบเหมือนชาวยิวในสมัยของพระคริสต์ที่ไม่กลับใจและเปรียบเหมือนพวกฟาริสีในทุกยุคทุกสมัย พวกเขามองดูคนทั้งหลายที่พวกเขาถือว่าเป็นคนเก็บภาษีและคนบาปด้วยสายตาเหยียดหยาม เนื่องจากว่าพวกเขาเองไม่เคยทำการชั่วร้ายเลวทรามยิ่งใหญ่จึงคิดว่าตนเองชอบธรรม พระคริสต์ทรงเผชิญกับคนจับผิดเหล่านี้ตามกติกาที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเอง เหมือนกับบุตรชายคนโตในอุปมาพวกเขาอยู่อย่างมีความสุขกับสิทธิพิเศษจากพระเจ้า อ้างว่าตนเป็นบุตรในบ้านของพระเจ้า แต่มีจิตใจของลูกจ้าง พวกเขาทำงานไม่ใช่ด้วยความรักแต่ด้วยความหวังที่จะได้รับการตอบแทน ในสายตาของคนเหล่านี้ พระเจ้าเป็นเพียงนายที่เห็นแก่ได้ พวกเขาเห็นว่าการที่พระคริสต์เชื้อเชิญคนเก็บภาษีและคนบาป มอบของประทานฝ่ายพระคุณให้อย่างไม่จำกัด ของประทานเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกธรรมาจารย์หวังที่จะได้โดยความมานะพยายามและการบังคับทรมานตนเองจึงทำให้พวกเขาไม่พอใจ บุตรเสเพลกลับมาทำให้จิตใจของบิดามีความยินดีปรีดา แต่กลับทำให้คนเหล่านี้อิจฉาริษยาเท่านั้น {COL 209.3}COLTh 174.4

    ในอุปมา การทัดทานของบิดาที่กล่าวกับบุตรคนโตเป็นการเรียกเชิญพวกฟาริสีอย่างนุ่มนวล “ สิ่งของทั้งหมดของพ่อก็เป็นของลูกอยู่แล้ว” ลูกา 15:31 ไม่ใช่เป็นค่าจ้างแต่เป็นของประทาน เหมือนเช่นบุตรเสเพล ท่านรับสิ่งนี้ได้อย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่มีเงื่อนไขด้วยความรักของพระบิดา {COL 209.4}COLTh 175.1

    การเป็นคนชอบธรรมด้วยตนเอง ไม่เพียงนำคนให้เข้าใจพระเจ้าในทางผิด แต่จะทำให้คนเหล่านี้มีใจเย็นชาและคอยติเตียนพี่น้องของตน บุตรคนโตอยู่ในสภาพที่เห็นแก่ตัวและอิจฉาริษยาต่อพี่น้องของตน พร้อมที่จะคอยดูพี่น้องเพื่อติเตียนการกระทำทุกอย่างและใส่ร้ายเขาในความบกพร่องแม้ในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด เขาจะจับผิดทุกความผิดและหาประโยชน์สูงสุดจากการกระทำผิดทุกอย่าง ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะหาทางแก้ตัวให้กับวิญญาณของการไม่ยอมให้อภัยของพวกเขา ทุกวันนี้มีคนจำนวนมากกำลังทำสิ่งเดียวกันนี้ ในขณะที่จิตวิญญาณกำลังดิ้นรนเป็นครั้งแรกเพื่อต่อสู้การล่อลวงที่โหมเข้ามา พวกเขาก็คอยท่า ดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเอง บ่นติเตียน พวกเขาอาจจะอ้างว่าตัวเองเป็นบุตรของพระเจ้า แต่กำลังแสดงออกด้วยวิญญาณแบบซาตาน ด้วยท่าทีที่มีต่อพี่น้องของเขาแบบนี้ คนใส่ร้ายพวกนี้ทำตัวเองให้ตกอยู่ในสภาพที่พระเจ้าส่องรัศมีให้แก่พวกเขาไม่ได้ {COL 210.1}COLTh 175.2

    มีคนเป็นจำนวนมากถามขึ้นมาอยู่เสมอว่า “ข้าพเจ้าจะนำอะไรเข้ามาเฝ้าพระยาห์เวห์และกราบไหว้พระเจ้าเบื้องสูง ควรข้าพเจ้าจะเฝ้าพระองค์ด้วยเครื่องบูชาเผาทั้งตัวหรือ ด้วยลูกวัวอายุหนึ่งปีหลายตัวหรือ พระยาห์เวห์จะพอพระทัยการถวายแกะผู้หลายพันตัวและธารน้ำมันหลายหมื่นสายหรือ” แต่ “ พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตาและให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ” มีคาห์ 6:6-8 {COL 210.2}COLTh 175.3

    การรับใช้ที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ก็คือ “ การแก้พันธนะอธรรม การแก้สายรัดแอก การปลดปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ และการหักแอกทั้งหมดเสีย…[และ]ไม่ซ่อนตัวเจ้าจากญาติของเจ้า” อิสยาห์ 58:6, 7 เมื่อท่านเห็นว่าตนเป็นคนบาปที่ได้รับความรอดโดยความรักของพระบิดาบนสวรรค์แล้ว ท่านก็จะเมตตาสงสารผู้อื่นที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในบาป ท่านจะไม่มองความทุกข์ยากและการกลับใจด้วยความริษยา หรือตำหนิติเตียน เมื่อน้ำแข็งแห่งการเห็นแก่ตัวละลายไปจากหัวใจของท่าน ท่านจะมีความรู้สึกเห็นใจเหมือนกับความรู้สึกของพระเจ้าและจะร่วมยินดีกับพระองค์ในการช่วยเหลือคนที่หลงหายให้รอด {COL 210.3}COLTh 175.4

    จริงอยู่ท่านอ้างตนว่าเป็นบุตรของพระเจ้า แต่หากเป็นการอ้างที่แท้จริงแล้วก็จะมีความรู้สึกว่า “น้องคนนี้ของลูกตายไปแล้ว แต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ยังได้พบกันอีก” ลูกา 15:32 น้องชายคนนี้ผูกพันกับท่านด้วยสายใยที่ใกล้ชิดแนบแน่น เพราะพระเจ้าทรงยอมรับเขาเป็นบุตร หากท่านปฏิเสธความสัมพันธ์กับเขา ท่านแสดงออกว่าตนเป็นเพียงบ่าวลูกจ้างในบ้านเท่านั้นไม่ใช่บุตรในครอบครัวของพระเจ้า {COL 211.1}COLTh 176.1

    ถึงแม้ท่านจะไม่เข้าร่วมในการต้อนรับผู้หลงหาย ความชื่นชมยินดีก็ยังจะดำเนินต่อไป ผู้ที่กลับเข้ามาจะมีที่อยู่เคียงข้างพระบิดาและเข้าร่วมในราชกิจของพระบิดา ผู้ใดที่ได้รับการอภัยมากก็จะมีความรักมากดุจกัน แต่ท่านจะอยู่ในความมืดภายนอกเพราะว่า “ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้าเพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก” 1 ยอห์น 4:8 {COL 211.2}COLTh 176.2

    *****

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents