Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทที่ 18 - “จงออกไปตามถนนและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิด”

    อ้างอิงจาก ลูกา 14:1, 12-24

    พระผู้ช่วยให้รอดได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงของฟาริสีคนหนึ่ง พระองค์ทรงตอบรับคำเชิญของทั้งคนมั่งมีและคนยากจน และตามธรรมเนียมปฏิบัติ พระองค์ทรงเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเบื้องพระพักตร์ให้เข้ากับบทเรียนแห่งความจริง ในหมู่ชาวยิวนั้นงานเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์จะเกี่ยวโยงกับทุกฤดูกาลแห่งความชื่นชมยินดีของประเทศชาติและศาสนา งานเลี้ยงนี้เปรียบเสมือนเครื่องหมายแห่งพระพรของชีวิตนิรันดร์ เรื่องราวของงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ซึ่งพวกเขาจะได้นั่งร่วมโต๊ะกับอับราอัม อิสอัคและยาโคบ ในขณะที่คนนอกศาสนายืนอยู่ภายนอกและมองด้วยตาละห้อยนั้นเป็นเรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบที่จะพูดถึง บทเรียนของการตักเตือนและสั่งสอนที่พระคริสต์ทรงปรารถนาจะสอนนั้น จึงทรงอธิบายในเวลานี้ด้วยอุปมาเรื่องงานเลี้ยงใหญ่ พวกยิวคิดจะเก็บพระพรของพระเจ้าทั้งสำหรับชีวิตนี้และชีวิตหน้าไว้สำหรับตนเอง พวกเขาไม่ยอมให้ความเมตตาของพระเจ้าผ่านไปยังคนนอกศาสนา พระคริสต์ทรงแสดงให้เห็นในอุปมาว่าในขณะเดียวกัน พวกเขาปฏิเสธคำเชื้อเชิญแห่งความเมตตาซึ่งเป็นคำเชิญชวนให้เข้ามายังอาณาจักรของพระเจ้า พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าคำเชื้อเชิญที่เขาละเลยไม่สนใจนั้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้ที่เขาดูหมิ่น คือผู้ที่พวกเขาสะบัดเสื้อผ้าหนีราวกับว่าผู้นั้นเป็นโรคเรื้อนที่น่ารังเกียจ {COL 219.1}COLTh 185.1

    ในการคัดเลือกแขกมาร่วมงานเลี้ยง ชาวฟาริสีเลือกตามความคิดเห็นแก่ตัวของตน พระคริสต์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ เมื่อท่านจะจัดการเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือเวลาเย็นก็ตาม อย่าเชิญเฉพาะเพื่อนๆ หรือพี่น้อง หรือญาติๆ หรือบรรดาเพื่อนบ้านที่มั่งมี คาดว่าพวกเขาจะเชิญท่านกลับคืน แล้วท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดการเลี้ยงนั้น จงเชิญคนจน คนพิการ คนง่อยและคนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุขเพราะว่าเขาทั้งหลายไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ส่วนท่านจะได้รับการตอบแทนเมื่อคนชอบธรรมเป็นขึ้นจากตาย” ลูกา 14: 12-14 {COL 220.1}COLTh 186.1

    ในที่นี้ พระคริสต์ทรงย้ำถึงคำสั่งสอนที่พระองค์ประทานแก่ชนชาติอิสราเอลผ่านทางโมเสส ในงานพิธีอันศักดิ์สิทธิ์พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ คนต่างด้าวและลูกกำพร้าและแม่ม่าย ผู้ซึ่งอยู่ภายในเมืองของท่านจะได้มารับประทานอย่างอิ่มหนำ” เฉลยธรรมบัญญัติ14:29 งานชุมชนเหล่านี้ควรเป็นดังบทเรียนเปรียบเทียบแก่ชนชาติอิสราเอลคือเมื่อพวกเขาได้รับการสั่งสอนถึงความสุขจากการมีเมตตาอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาควรต้องดูแลเอาใจใส่ผู้ที่ต้องทนทุกข์และยากจนไปตลอดทั้งปี และงานเลี้ยงเหล่านี้ยังมีบทเรียนที่กว้างกว่านี้อีก คือพระพรฝ่ายจิตวิญญาณที่ชาวอิสราเอลได้รับไม่ได้มีไว้สำหรับพวกเขาเท่านั้น พระเจ้าประทานอาหารแห่งชีวิตให้แก่พวกเขาเพื่อพวกเขาจะแบ่งปันให้แก่โลกต่อไป {COL 220.2}COLTh 186.2

    พวกเขาทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ ถ้อยคำของพระคริสต์จึงตำหนิความเห็นแก่ตัวของพวกเขา คำตรัสของพระองค์จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของชาวฟาริสี พวกเขาพยายามจะเบี่ยงเบนการสนทนาไปเรื่องอื่นโดยมีคนหนึ่งในพวกเขาแสร้งพูดอย่างเลื่อมใสศรัทธาว่า “ผู้ที่จะได้รับประทานอาหารในแผ่นดินของพระเจ้าก็เป็นสุข” ลูกา 14:15 ชายผู้นี้พูดด้วยความมั่นใจราวกับว่าเขามีความแน่ใจว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของเขาแล้ว ทัศนคติของเขาคล้ายกับของผู้ที่ชื่นชมยินดีว่าตนได้รับความรอดโดยพระคริสต์แล้ว ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำตามเงื่อนไขเพื่อให้ได้ความรอดตามคำสัญญา จิตวิญญาณของเขาคล้ายคลึงกับของบาลาอัม เมื่ออธิษฐานว่า “ขอให้ข้าพเจ้าตายเหมือนอย่างการตายของผู้ชอบธรรมและขอให้บั้นปลายชีวิตข้าพเจ้าเป็นเหมือนของเขา’ กันดารวิถี 23:10 ชาวฟาริสีไม่ได้คำนึงว่าตนเองเหมาะสมกับแผ่นดินสวรรค์หรือไม่ กลับหวังแต่เพียงว่าจะได้ชื่นชมสิ่งต่างๆ ในสวรรค์ พระดำรัสของพระองค์ถูกยกขึ้นเพื่อหวังจะนำความนึกคิดของแขกที่มาในงานออกจากเรื่องหน้าที่ของพวกเขาที่ปฏิบัติอยู่ พระองค์ทรงประสงค์จะนำพวกเขาให้พ้นจากเรื่องในชีวิตปัจจุบันไปสู่กาลข้างหน้าเมื่อผู้ชอบธรรมจะเป็นขึ้นจากตาย {COL 221.1}COLTh 187.1

    พระคริสต์ทรงอ่านจิตใจของผู้เสแสร้งคนนี้ออก และขณะที่จ้องไปยังชายผู้นี้พระองค์ทรงเปิดเผยต่อหน้าคนทั้งปวงให้เห็นถึงคุณค่าและลักษณะของสิทธิพิเศษที่เขาทั้งหลายมีอยู่ในปัจจุบัน พระองค์ทรงสำแดงให้ประจักษ์ว่าเขาทั้งหลายมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในขณะนั้นเพื่อที่จะได้รับพรแห่งอนาคต {COL 221.2}COLTh 187.2

    พระองค์ตรัสว่า “ มีคนหนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่และเชิญแขกไว้จำนวนมาก” เมื่อเวลาที่งานเลี้ยงมาถึง เจ้าภาพสั่งบ่าวของตนไปยังผู้ที่ได้รับเชิญเป็นคำรบสองกล่าวว่า “เชิญมาเถิดเพราะสิ่งสารพัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว” แต่กลับได้รับการแสดงความไม่เอาใจใส่จนน่าประหลาดใจ “ พวกนั้นต่างพากันขอตัว คนแรกบอกว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อนาไว้และจะต้องไปดูนานั้น ข้าพเจ้าขอตัวเถอะ’ อีกคนหนึ่งบอกว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อวัวไว้ห้าคู่และจะต้องไปลองวัวนั้น ข้าพเจ้าขอตัวเถอะ’ อีกคนหนึ่งก็บอกว่า ‘ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงานใหม่ เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าไปไม่ได้’” ลูกา 14:16-20 {COL 221.3}SCOLTh 187.3

    ไม่มีคำแก้ตัวของผู้ใดที่แสดงถึงความจำเป็นอย่างแท้จริง ชายผู้ “จะต้องไปดูนานั้น” ซื้อไว้เรียบร้อยแล้ว การที่เขาต้องรีบไปดูนาก็เพราะความสนใจของเขาอยู่กับสิ่งที่เขาซื้อไว้แล้ว ส่วนคนมีวัวก็เช่นกัน เขาซื้อมาแล้ว การไปลองดูวัวนั้นก็เพื่อจะสนองความสนใจของผู้ซื้อ คำแก้ตัวเรื่องที่สามก็ไม่มีเหตุผล ความจริงที่ว่าผู้ที่รับเชิญพึ่งจะแต่งงาน ก็ไม่ควรเป็ฯสิ่งที่ขัดขวางการเข้าร่วมงานเลี้ยงของเขา ภรรยาของเขาก็จะได้รับการต้อนรับเข้าร่วมในงานเลี้ยงด้วย แต่เขามีแผนการของตนเองเพื่อแสวงหาความสุขและสิ่งนี้ดูเหมือนจะน่าปรารถนามากกว่างานเลี้ยงที่เขาสัญญาว่าจะเข้าร่วม เขาเรียนรู้ที่จะหาความสำราญจากงานอื่นมากกว่าที่จะไปตามคำเชิญของเจ้าของงานเลี้ยง เขาไม่ได้ขออนุญาตแก้ตัวที่จะไม่ไปหรือไม่ได้แสร้งทำเป็นมีมารยาทในการปฏิเสธคำเชิญ แต่คำว่า “ข้าพเจ้าไปไม่ได้” เป็นเพียงการอำพรางการพูดว่า “ ข้าพเจ้าไม่สนใจที่จะไป” เท่านั้นเอง {COL 222.1}COLTh 188.1

    คำแก้ตัวทั้งหลายเป็นการแสดงถึงจิตใจที่มีเรื่องอื่นอยู่เต็มแล้ว สำหรับแขกที่ได้รับเชิญเหล่านี้ ความสนใจในสิ่งอื่นครอบงำพวกเขาจนหมด พวกเขาละทิ้งคำเชิญซึ่งพวกเขาสัญญาว่าจะไปนั้นและท่าทีของการไม่สนใจใยดีของคนเหล่านี้เป็นการดูถูกสหายผู้ใจกว้าง {COL 222.2}COLTh 188.2

    ในงานเลี้ยงใหญ่นี้ พระคริสต์ทรงเปิดเผยให้เห็นถึงพระพรที่ทรงยื่นให้โดยผ่านทางข่าวประเสริฐ สรรพสิ่งที่จัดเตรียมไว้นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าองค์พระคริสต์เอง พระองค์ทรงเป็นอาหารทิพย์ซึ่งลงมาจากสวรรค์และกระแสความรอดก็ไหลผ่านมาจากพระองค์ ผู้สื่อข่าวของพระเจ้าประกาศแก่ชนชาติยิวถึงการเสด็จมาขององค์พระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาชี้ไปยังพระคริสต์ว่าเป็น “ พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับบาปของโลกไป” ยอห์น 1:29 ในงานเลี้ยงรับรองที่พระองค์ทรงจัดนั้น พระเจ้าทรงเสนอของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่สวรรค์สามารถประทานให้แก่พวกเขา เป็นของประทานที่ประเมินค่าไม่ได้ ความรักของพระเจ้าได้ตบแต่งงานเลี้ยงราคาแพงและจัดเตรียมทรัพยากรที่ไม่มีวันสูญสิ้นไว้ให้ พระคริสต์ตรัสว่า “ ถ้าใครกินอาหารนี้ คนนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์” ยอห์น 6:51 {COL 222.3}COLTh 188.3

    แต่ก่อนที่จะรับคำเชิญไปงานเลี้ยงแห่งข่าวประเสริฐนี้ พวกเขาจะต้องวางความใฝ่ใจทางโลกของตนเองให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายอันเดียวของการรับพระคริสต์และความชอบธรรมของพระองค์ พระเจ้าประทานทุกสิ่งทุกอย่างให้กับมนุษย์และพระองค์ทรงเรียกให้พวกเขาจัดวางการรับใช้พระองค์อยู่เหนือสิ่งใดอื่นในโลกและให้การรับใช้นั้นอยู่เหนือความเห็นแก่ตัว พระองค์ทรงรับจิตใจที่ยังลังเลเป็นสองฝ่ายไม่ได้ จิตใจที่หมกมุ่นอยู่กับความปรารถนาทางโลกจะนำมามอบถวายให้กับพระเจ้าไม่ได้ {COL 223.1}COLTh 189.1

    บทเรียนนี้ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เราต้องติดตามพระเมษโปดกของพระเจ้าไปทุกหนทุกแห่งที่พระองค์ทรงดำเนินไป เราต้องเลือกให้พระองค์ทรงนำและความสัมพันธ์ฉันมิตรกับพระองค์มีค่าเหนือกว่าความเป็นมิตรใดในโลก พระคริสต์ตรัสว่า “ ใครที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราและใครที่รักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา” มัทธิว 10:37 {COL 223.2}COLTh 189.2

    ในสมัยของพระเยซู เมื่อมีการร่วมโต๊ะรับประทานอาหารในครอบครัว ก็จะมีการท่องข้อความว่า “ ผู้ที่จะได้รับประทานอาหารในแผ่นดินของพระเจ้าก็เป็นสุข” ลูกา 14:15 แต่พระคริสต์ทรงเปิดเผยให้เห็นว่าการเชิญแขกเหรื่อมาร่วมโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ด้วยราคาแพงจนประเมินค่าไม่ได้นั้นเป็นสิ่งที่ยากเพียงไร ผู้ที่ฟังถ้อยคำของพระองค์ทราบดีว่าพวกเขาดูหมิ่นคำเชื้อเชิญอันมีเมตตาของพระองค์ พวกเขาถูกทรัพย์สมบัติและความสนุกสนานในโลกนี้ดึงดูดไปหมด พวกเขาจึงตกลงใจพร้อมกันแก้ตัวด้วยคำพูดแบบเดียวกัน {COL 223.3}COLTh 189.3

    ในปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน คำแก้ตัวที่บอกปฏิเสธคำเชื้อเชิญมายังงานเลี้ยงก็เป็นคำแก้ตัวที่ครอบคลุมคำแก้ตัวต่างๆ ที่บอกปฏิเสธการเชื้อเชิญให้รับข่าวประเสริฐ มนุษย์กล่าวว่าเขาไม่สามารถเอาสิ่งของในโลกนี้ไปเสี่ยงกับการให้ความสนใจต่อเรื่องข่าวประเสริฐ พวกเขาถือว่าความสนใจในสิ่งของฝ่ายโลกที่ไม่ยั่งยืนมีค่ายิ่งกว่าสิ่งที่เป็นนิรันดร์ พระพรที่พวกเขารับจากพระเจ้ากลับกลายเป็นสิ่งที่กีดขวางจิตวิญญาณของพวกเขาให้ห่างไปจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างและพระผู้ไถ่ของตนเอง พวกเขาไม่ยอมให้สิ่งใดๆ มาขัดขวางการดำเนินตามโลกนี้และพวกเขาพูดต่อผู้สื่อข่าวแห่งความเมตตาว่า “วันนี้เจ้าไปได้แล้ว ถ้ามีโอกาสข้าจะเรียกเจ้ามาอีก” กิจการ 24:25 คนอื่นๆ กล่าวถึงความลำบากที่จะเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ทางสังคมของเขาถ้าเขายอมเชื่อฟังคำเชื้อเชิญของพระเจ้า พวกเขาบอกว่าพวกเขาแยกตัวออกจากญาติสนิทและมิตรสหายไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเขาเองเป็นตัวละครในอุปมาเสียเอง เจ้าภาพงานเลี้ยงถือคำแก้ตัวที่ไม่มีสาระนี้ว่าเป็นการแสดงความไม่ให้เกียรติต่อคำเชิญของท่าน {COL 224.1}COLTh 189.4

    ชายที่พูดว่า “ ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงานใหม่ เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าไปไม่ได้ ” เป็นตัวแทนคนหมู่มาก มีหลายคนที่ยอมให้ภรรยาหรือสามีเป็นอุปสรรคในการตอบสนองคำเรียกของพระเจ้า ผู้เป็นสามีกล่าวว่า “ ข้าพเจ้าไม่สามารถทำตามหน้าที่ได้ ถ้าภรรยาไม่เห็นด้วย อิทธิพลของเธอจะทำให้ข้าพเจ้าเกิดความลำบากใจอย่างมาก ” ผู้เป็นภรรยาเมื่อได้ยินคำเรียกร้องแห่งพระคุณที่กล่าวว่า “ เชิญมาเถิด เพราะสิ่งสารพัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ” ลูกา 14:17 และเธอจะกล่าวว่า “ ได้โปรดเถิดดิฉันต้องขอตัว สามีของดิฉันปฏิเสธคำเชื้อเชิญแห่งความเมตตา เขากล่าวว่ายุ่งกับการงานไม่สะดวก ดิฉันจะต้องไปกับสามีเพราะฉะนั้นจึงไปร่วมงานด้วยไม่ได้” บุตรทั้งหลายจึงได้รับรอยประทับในจิตใจ พวกเขาปรารถนาจะไปแต่พวกเขามีความรักต่อบิดาและมารดา เมื่อบิดามารดาไม่ฟังคำเรียกร้องของข่าวประเสริฐ ลูกๆ จึงคิดว่าพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องไปก็ได้ พวกเขากล่าวเช่นเดียวกันว่า “ขอตัวเถอะ ” {COL 224.2}COLTh 190.1

    บุคคลทั้งหมดปฏิเสธคำเรียกร้องขององค์พระผู้ช่วยให้รอดเพราะกลัวความแตกแยกในครอบครัว พวกเขาคิดว่าการปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระเจ้าจะทำให้เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองขึ้นในครอบครัว แต่นี่เป็นภาพลวงตา บุคคลที่หว่านความเห็นแก่ตัวจะเกี่ยวเก็บผลแห่งความเห็นแก่ตัวนั้น การปฏิเสธความรักของพระคริสต์ก็เท่ากับปฏิเสธสิ่งเดียวที่นำมาซึ่งความบริสุทธิ์และความมั่นคงให้แก่ความรักของมนุษย์ พวกเขาไม่เพียงสูญเสียแผ่นดินสวรรค์เท่านั้นแต่จะไม่มีความสุขที่แท้จริงซึ่งแผ่นดินสวรรค์ยอมสละไว้ให้แล้ว {COL 225.1}COLTh 190.2

    ในอุปมานี้ ผู้ที่จัดงานเลี้ยงทราบดีว่าคำเชื้อเชิญของเขาถูกตอบสนองอย่างไร และ “นายก็โกรธ จึงสั่งบ่าวว่า จงออกไปโดยเร็ว ไปตามถนนใหญ่และตรอกเล็กซอยน้อยในเมือง พาคนจน คนพิการ คนตาบอดและคนง่อยเข้ามาที่นี่ ” ลูกา 14:21 {COL 225.2}COLTh 191.1

    เจ้าภาพหันไปจากคนที่ดูหมิ่นความใจกว้างของเขาเหล่านี้และไปเชิญหมู่คนที่ไม่มีความสมบูรณ์พูนสุข คนที่ไม่มีบ้านและที่ดินเป็นของตนเองแทน ท่านเชิญคนยากจนและหิวโหยและคนที่เห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ พระคริสต์ตรัสว่า “บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อนพวกท่าน” มัทธิว 21:31 แม้ผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้จะเป็นหมู่คนที่มนุษย์ต่างดูหมิ่นและหันหลังให้ แต่พวกเขาไม่ได้ต่ำต้อยเกินไปหรือเลวร้ายเกินกว่าที่ความรักและความสนใจของพระเจ้าจะไปถึง พระคริสต์ทรงรอคอยให้ผู้เหนื่อยอ่อน ทุกข์ยากแสนเข็ญ และถูกกดขี่ข่มเหงเข้ามาหาพระองค์ พระองค์ทรงรอที่จะประทานความสว่างและความยินดีและสันติสุขซึ่งไม่สามารถหาพบได้จากที่อื่นให้แก่ทุกคน คนบาปหนาที่สุดนั้นคือเป้าหมายแห่งความสงสารและความรักที่ล้ำลึกและจริงใจของพระองค์ พระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเรียกร้องพวกเขาด้วยความอ่อนโยนและเพื่อเสาะหานำพวกเขาให้มาหาพระองค์ {COL 225.3}COLTh 191.2

    บ่าวซึ่งออกไปนำบรรดาคนยากจนและคนตาบอดมายังงานเลี้ยงก็รายงานต่อเจ้านายว่า “ ข้าพเจ้าทำตามที่ท่านสั่งแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอยู่ นายจึงสั่งบ่าวคนนั้นว่า จงออกไปตามถนนและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิด บังคับให้พวกเขาเข้ามาเพื่อให้เรือนของเรามีแขกเต็ม” ลูกา 14: 22, 23 ในที่นี้พระคริสต์ทรงชี้ไปยังงานการประกาศข่าวประเสริฐนอกแวดวงศาสนายูดาย ทั้งตามถนนใหญ่และตรอกน้อยของโลก {COL 226.1}COLTh 191.3

    เปาโลและบานาบัสเชื่อฟังต่อคำสั่งนี้จึงกล่าวกับชาวยิวว่า “เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องกล่าวพระวจนะของพระเจ้าให้ท่านทั้งหลายฟังก่อน แต่เมื่อพวกท่านปฏิเสธและตัดสินตัวเองว่าไม่สมควรจะได้ชีวิตนิรันดร์ นี่แน่ะ เราจะหันไปหาพวกต่างชาติ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเราว่าอย่างนี้ เราตั้งเจ้าไว้ให้เป็นความสว่างสำหรับคนต่างชาติ เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก เมื่อคนต่างชาติได้ยินอย่างนั้นก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวจนะของพระเจ้าและคนทั้งหลายที่ทรงหมายไว้แล้วเพื่อให้ได้ชีวิตนิรันดร์ก็เชื่อถือ” กิจการ 13:46-48 {COL 226.2}COLTh 191.4

    ข่าวประเสริฐซึ่งประกาศโดยสาวกทั้งหลายของพระคริสต์เป็นการประกาศถึงการเสด็จมายังโลกครั้งแรกของพระองค์ นี่เป็นการนำข่าวดีแห่งความรอดโดยความเชื่อในพระองค์มายังมนุษย์ ข่าวนี้เล็งไปถึงกาลข้างหน้าเมื่อพระเยซูเสด็จมาครั้งที่สองด้วยสง่าราศีของพระองค์ เพื่อไถ่ประชากรของพระองค์และยังนำมาซึ่งความหวังใจโดยผ่านทางความเชื่อศรัทธาและความเชื่อฟังในการแบ่งปันมรดกของผู้ชอบธรรมในแสงสว่าง ข่าวนี้ประกาศให้กับมนุษย์ในทุกวันนี้และปัจจุบันก็ยังประกาศอีกด้วยว่าการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์นั้นมาใกล้แล้ว หมายสำคัญซึ่งพระองค์เองตรัสไว้ถึงการเสด็จมาของพระองค์นั้นสำเร็จแล้ว และโดยคำสอนของพระวจนะของพระเจ้าเราจึงทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ประตู {COL 226.3}COLTh 192.1

    ยอห์นพยากรณ์ไว้ในพระธรรมวิวรณ์ถึงการประกาศข่าวประเสริฐก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ ท่านมองเห็นทูตสวรรค์ “เหาะไปในท้องฟ้าเพื่อประกาศข่าวประเสริฐนิรันดร์แก่คนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลก แก่ทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษาและทุกชนชาติ ท่านประกาศเสียงดังว่า จงเกรงกลัวพระเจ้าและถวายพระเกียรติแด่พระองค์เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว” วิวรณ์ 14:6, 7 {COL 227.1}COLTh 192.2

    ในคำพยากรณ์นี้ คำตักเตือนเรื่องการพิพากษารวมทั้งข่าวสารอื่นๆ ที่เกี่ยวพันกันในคำพยากรณ์ ตามมาด้วยการเสด็จกลับมาของบุตรมนุษย์บนเมฆในท้องฟ้า การประกาศข่าวการพิพากษาเป็นการประกาศการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ว่ามาใกล้แล้ว และการประกาศข่าวนี้ก็คือข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะ ด้วยเหตุนี้การเทศนาเรื่องการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์และการประกาศว่าเหตุการณ์นั้นใกล้เข้ามาแล้ว จึงเป็นส่วนสำคัญยิ่งของข่าวประเสริฐ {COL 227.2}COLTh 192.3

    พระคัมภีร์เปิดเผยให้ทราบว่าในยุคสุดท้ายนั้นมนุษย์จะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งของทางฝ่ายโลก ในความสนุกสนานและการแสวงหาเงินทอง เขาจะตาบอดต่อสิ่งที่เป็นความจริงอันนิรันดร์ พระคริสต์ตรัสว่า “ เพราะว่าสมัยของโนอาห์เคยเป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายพากันกินดื่มกัน สมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าในเรือใหญ่และน้ำท่วมกวาดเอาพวกเขาไปทุกคนโดยไม่ทันรู้ตัวอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้น ” มัทธิว 24:37-39 {COL 228.1}COLTh 193.1

    ทุกวันนี้ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน มนุษย์เร่งที่จะแสวงหากำไรและทำสิ่งที่ต้องการด้วยความเห็นแก่ตัวราวกับว่าไม่มีพระเจ้า ไม่มีแผ่นดินสวรรค์และไม่มีโลกหน้า ในสมัยของโนอาห์ คำตักเตือนที่บอกว่าน้ำจะท่วมโลก ได้ถูกส่งมาเพื่อกระตุ้นให้มนุษย์ตื่นตัวกับความชั่วของตนและเพื่อจะเรียกให้พวกเขากลับใจใหม่ ด้วยเหตุนี้ข่าวการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ที่ใกล้เข้ามาก็ส่งมาเพื่อกระตุ้นเร่งเร้ามนุษย์ให้หันกลับจากการหมกหมุ่นอยู่กับสิ่งของทางฝ่ายโลก ข่าวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะปลุกมนุษย์ให้ตื่นขึ้นสู่ความจริงนิรันดร์ เพื่อว่าพวกเขาจะเอาใจใส่ต่อคำเชื้อเชิญเข้าร่วมโต๊ะของพระผู้เป็นเจ้า {COL 228.2}COLTh 193.2

    คำเชิญชวนของข่าวประเสริฐจะต้องประกาศไปทั่วทั้งโลก “แก่ทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษาและทุกชนชาติ” วิวรณ์ 14:6 ข่าวสุดท้ายเพื่อตักเตือนและความเมตตาจะทำให้โลกสว่างไสวด้วยสง่าราศีและข่าวนี้จะต้องเข้าถึงชนทุกชั้นวรรณะไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สูงส่งหรือต่ำต้อย พระคริสต์ตรัสว่า “ จงออกไปตามถนนและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิด บังคับให้พวกเขาเข้ามาเพื่อให้เรือนของเรามีแขกเต็ม” {COL 228.3}COLTh 193.3

    โลกกำลังพินาศเพราะขาดข่าวประเสริฐ ขณะนี้เกิดการกันดารพระธรรมของพระเจ้า มีน้อยคนนักที่สั่งสอนพระธรรมที่ไม่ได้เจือปนด้วยธรรมเนียมของมนุษย์ แม้ว่ามนุษย์จะมีพระคัมภีร์อยู่ในมือ แต่พวกเขาหาได้รับพระพรซึ่งพระเจ้าทรงจัดวางไว้ให้แล้วไม่ พระยาห์เวห์ทรงเรียกบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ให้นำข่าวของพระองค์ไปยังคนทั้งหลาย พระวจนะแห่งชีวิตนิรันดร์จะต้องประกาศไปให้แก่ผู้ที่กำลังจะพินาศในบาปผิดของตน {COL 228.4}COLTh 193.4

    ในคำสั่งที่ให้ออกไปตามถนนและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิดนั้น พระคริสต์ทรงวางพระราชกิจของพระองค์ไว้ให้กับคนที่ทรงเรียกให้มาทำหน้าที่รับใช้พระนามของพระองค์ ทั่วทั้งโลกเป็นทุ่งนาสำหรับผู้รับใช้ของพระคริสต์ ครอบครัวมนุษย์ทั้งโลกจะรวมตัวกันได้โดยเขาเหล่านี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาจะประทานพระวจนะแห่งพระคุณของพระองค์ไปสู่จิตวิญญาณทุกดวง {COL 229.1}COLTh 194.1

    งานส่วนใหญ่จะสำเร็จได้ด้วยการทำงานของแต่ละคน นี่เป็นวิธีที่พระคริสต์ทรงใช้ งานของพระองค์ส่วนใหญ่ประกอบด้วยการสนทนาตัวต่อตัว พระองค์ทรงสนพระทัยต่อจิตวิญญาณแม้เพียงดวงเดียว จากจิตวิญญาณเพียงดวงเดียวนี้เอง ข่าวนี้ก็ขยายออกไปยังคนนับพันนับหมื่น {COL 229.2}COLTh 194.2

    เราไม่ควรรอให้คนทั้งหลายเข้ามาหาเราเอง เราต้องออกไปแสวงหาพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน คำเทศนาบนธรรมาสน์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทำงาน ข่าวประเสริฐจะเข้าถึงคนอีกมากมายไม่ได้ จะต้องมีผู้นำไปให้พวกเขา {COL 229.3}COLTh 194.3

    คำเชิญชวนให้ไปร่วมงานเลี้ยงได้ส่งไปหาชาวยิวก่อนเป็นอันดับแรก พวกเขาได้รับการทรงเรียกให้เป็นครูสอนและผู้นำท่ามกลางปวงชน เป็นผู้ที่มีหนังสือม้วนคำพยากรณ์อยู่ในมือที่บอกถึงการเสด็จมาของพระคริสต์ไว้ล่วงหน้าและเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติกิจซึ่งมีเครื่องหมายเล็งถึงพันธกิจของพระองค์ หากบรรดาปุโรหิตและคนเหล่านี้เอาใจใส่ต่อการทรงเรียกแล้ว พวกเขาคงมีส่วนร่วมกับผู้สื่อข่าวของพระคริสต์ในการประกาศคำเชื้อเชิญของข่าวประเสริฐให้แก่ชาวโลก ความจริงได้ส่งไปให้แก่พวกเขาเพื่อการแบ่งปัน เมื่อพวกเขาปฏิเสธคำเชิญชวน ข่าวนี้จึงส่งต่อไปยังคนยากจน คนพิการ คนง่อยและคนตาบอด คนเก็บภาษีและคนบาปต่างพากันรับคำเชื้อเชิญนี้ เมื่อข่าวประเสริฐแห่งการทรงเรียกนี้ถูกส่งไปยังชาวต่างชาติ มีการใช้แผนงานอย่างเดียวกันในการทำงาน ข่าวนี้จะต้องไปยัง “ ถนนใหญ่ ” ก่อน คือ ไปยังผู้ที่มีบทบาทในโลก ครูและผู้นำทั้งหลาย {COL 229.4}COLTh 194.4

    ขอให้ผู้สื่อข่าวขององค์พระผู้เป็นเจ้าจดจำสิ่งนี้ไว้ในใจ ให้ผู้เลี้ยงฝูงแกะคือบรรดาครูผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยสวรรค์จงเอาใจใส่พระบัญชานี้ พวกเขาควรแสวงหาบุคคลระดับสูงในสังคมด้วยความรักอ่อนสุภาพและด้วยความรักเอาใจใส่ฉันพี่น้อง ทั้งนักธุรกิจ นักปกครองที่อยู่ในตำแห่งสำคัญ นักค้นคว้าทางวิชาการ นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ คนที่มีความสามารถสูง ครูผู้ประกาศข่าวประเสริฐที่ยังไม่ได้รับการทรงเรียกให้ทราบข่าวความจริงพิเศษสำหรับยุคนี้ บุคคลเหล่านี้ควรเป็นคนกลุ่มแรกที่รับข่าวการทรงเรียก คำเชื้อเชิญจะต้องส่งไปยังบุคคลเหล่านี้ {COL 230.1}COLTh 195.1

    มีงานที่ต้องทำเพื่อคนมั่งมี พวกเขาต้องได้รับการปลุกให้ทราบถึงความรับผิดชอบของเขาว่าเป็นเหมือนผู้ที่ได้รับฝากของประทานจากสวรรค์ พวกเขาจะต้องได้รับคำเตือนให้ระลึกว่าพวกเขาจะต้องให้การต่อพระองค์ผู้ทรงตัดสินความทั้งคนเป็นและคนตาย คนร่ำรวยต้องการงานปฏิบัติ ของท่านที่ทำด้วยความรักและความยำเกรงพระเจ้า บ่อยครั้งคนเหล่านี้วางใจในทรัพย์สมบัติของตนและไม่รู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดแก่ตนเอง สายตาของพวกเขาจะต้องถูกชี้แนะเพื่อให้มองไปยังสิ่งที่มีค่าชั่วนิรันดร์ พวกเขาจะต้องตระหนักถึงพระราชอำนาจของความดีงามที่แท้จริง ซึ่งกล่าวว่า “ บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อมและจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะและภาระของเราก็เบา ” มัทธิว 11:28-30 {COL 230.2}COLTh 195.2

    บุคคลที่อยู่ตำแหน่งสูงในโลกที่มีการศึกษาสูง ร่ำรวยหรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงมักจะไม่ได้รับการบอกกล่าวเป็นการส่วนตัวถึงเรื่องที่มีความสำคัญต่อจิตวิญญาณ ผู้รับใช้คริสตเตียนลังเลใจที่จะเข้าหาคนกลุ่มนี้ แต่ไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย ถ้ามีคนกำลังจมน้ำ เราไม่ควรยืนนิ่งและดูเขาพินาศไปเพียงเพราะเขาเป็นทนายความ เป็นพ่อค้าหรือผู้พิพากษา ถ้าเราพบคนกำลังวิ่งไปที่หน้าผาเราคงจะไม่ลังเลที่จะร้องขอให้เขาหันกลับมาโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งหรือหน้าที่การงานของเขา เช่นเดียวกัน เราไม่ควรลังเลในการเตือนเพื่อนมนุษย์ถึงภัยอันตรายของจิตวิญญาณ {COL 230.3}COLTh 195.3

    เราไม่ควรละเลยไม่เอาใจใส่ต่อคนใดเพราะเห็นว่าพวกเขาสนใจในสิ่งของทางฝ่ายโลก มีหลายคนที่อยู่ในสังคมชั้นสูงที่จิตใจชอกช้ำ เบื่อหน่ายกับสิ่งที่เป็นอนิจจัง พวก เขาอยากมีความสงบสุขที่ยังขาดอยู่ ในสังคมชั้นสูงสุดยังมีคนที่กำลังหิวและกระหายความรอด มีหลายคนที่จะยอมรับการช่วยเหลือถ้าผู้รับใช้ของพระเจ้าจะเข้าหาเขาเป็นการส่วนตัว ด้วยมารยาทที่ดีและจิตใจที่อ่อนสุภาพ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยความรักของพระคริสต์ {COL 231.1}COLTh 196.1

    ความสำเร็จของข่าวประเสริฐหาได้ขึ้นอยู่กับความรู้ในการพูด คำพยานที่คล่องแคล่วหรือคำโต้ตอบอันแยบยล แต่ขึ้นอยู่กับความเรียบง่ายของข่าวประเสริฐและความสามารถในการปรับเข้าหาจิตวิญญาณที่กำลังหิวกระหายอาหารแห่งชีวิต จิตใจที่มีความต้องการจะถามว่า “ ข้าพเจ้าควรทำประการใดจึงจะได้รับความรอด” {COL 231.2}COLTh 196.2

    เราเข้าถึงคนนับพันได้ด้วยวิธีการอย่างง่ายๆ และด้วยความถ่อมตน คนที่มีสติปัญญาสูงสุดซึ่งผู้คนมองว่าเป็นชายและหญิงที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของโลกนี้ มักจะได้รับความรู้สึกสดชื่นเมื่อฟังถ้อยคำอันเรียบง่ายของผู้ที่รักพระเจ้า และสามารถพูดถึงความรักนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากเท่าๆ กับการพูดถึงสิ่งของในโลกซึ่งเป็นที่สนใจสูงสุดของพวกเขา {COL 232.1}COLTh 196.3

    บ่อยครั้งถ้อยคำซึ่งตระเตรียมและศึกษามาอย่างดีมักมีอิทธิพลเพียงเล็กน้อย แต่การแสดงออกทางความรู้สึกอย่างจริงใจและซื่อตรงของบุตรชายหรือบุตรหญิงของพระเจ้าที่กล่าวถ่อยคำอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความเรียบง่ายกลับมีพลังที่จะเปิดประตูใจที่ถูกปิดมาเป็นเวลานานต่อพระคริสต์และความรักของพระองค์ {COL 232.2}COLTh 196.4

    ขอให้ผู้รับใช้ของพระคริสต์ระลึกว่าไม่ควรทำงานด้วยกำลังของตนโดยลำพัง เขาควรยึดพระที่นั่งของพระเจ้าด้วยความเชื่อในอำนาจของพระองค์ที่จะช่วยให้รอดได้ ให้เขาปล้ำสู้กับพระเจ้าในการอธิษฐาน แล้วจึงทำงานด้วยสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่พระเจ้าประทาน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงอยู่เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้พวกเขา ทูตสวรรค์ที่รับใช้พระเจ้าจะอยู่เคียงข้างพวกเขาเพื่อสร้างความประทับใจขึ้นในจิตใจ {COL 232.3}COLTh 196.5

    หากผู้นำและครูในกรุงเยรูซาเล็มรับความจริงที่พระคริสต์ทรงนำมาให้ กรุงนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางผู้ประกาศข่าวได้อย่างดีมากเพียงไร ชนชาติอิสราเอลที่หลงหายไปคงได้กลับใจ กองทหารอันเหลือคณานับคงจะมาชุมนุมกันเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และข่าวประเสริฐจะประกาศไปทุกแห่งทั่วโลกได้เร็วมากขึ้นเพียงใด ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ถ้าบุคคลผู้มีอิทธิพลสูงและความสามารถดีได้เข้ามาเชื่อพระคริสต์ พวกเขาจะกระทำการเพื่อช่วยอุ้มชูผู้ที่หลงไป รวบรวมผู้ที่ถูกทอดทิ้งและเผยแพร่ข่าวประเสริฐแห่งความรอดไปอย่างกว้างไกลได้มากเพียงใด คำเชื้อเชิญจะถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็วและผู้รับเชิญจะถูกรวบรวมมาร่วมโต๊ะขององค์พระผู้เป็นเจ้า {COL 232.4}COLTh 197.1

    แต่เราไม่ควรคิดถึงแต่คนสูงศักดิ์หรือมีความสามารถสูงจนกระทั่งละเลยคนที่ยากจนกว่า พระคริสต์ทรงสอนให้บ่าวของพระองค์ไปตามตรอกซอยและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิดด้วย ไปยังคนยากจนและคนธรรมดาของโลก ตามคฤหาสน์และตรอกของเมืองใหญ่ ตามซอกซอยเปลี่ยวเปล่าในชนบทยังมีครอบครัวและผู้คนซึ่งอาจเป็นคนแปลกหน้าในบ้านเมืองใหม่ ผู้ไม่มีมิตรสหายในคริสตจักรและอยู่โดดเดี่ยวที่รู้สึกว่าพระเจ้าลืมพวกเขาไปแล้ว พวกเขาไม่เข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรับความรอดได้ หลายคนจมอยู่ในบาป หลายคนตกทุกข์ร้อน พวกเขาทุกข์ยากทรมาน ขัดสน ไม่มีความเชื่อ ทุกข์ใจ โรคร้ายทุกชนิดรุมล้อมเขาทั้งทางร่างกายและจิตใจ พวกเขาปรารถนาการเล้าโลมใจจากปัญหาต่างๆ และซาตานล่อลวงพวกเขาให้หาทางออกด้วยการเข้าหาตัณหาและความสนุกสนานซึ่งมีแต่นำไปสู่ความพินาศและความตาย มันหยิบยื่นผลไม้แห่งเมืองโสโดมให้พวกเขา ที่จะเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านคาปาก พวกเขากำลังใช้จ่ายเงินทองไปเพื่อสิ่งซึ่งไม่ใช่อาหารและทำงานหนักเพื่อสิ่งซึ่งไม่ให้ความพึงพอใจ {COL 232.5}COLTh 197.2

    ในท่ามกลางคนที่ทุกข์ยากลำบากเหล่านี้ เราจะต้องไปค้นหาผู้ที่พระคริสต์เสด็จมาเพื่อช่วยให้รอด คำเชิญของพระองค์ที่มายังคนเหล่านี้คือ “โอ้ ทุกคนที่กระหาย จงมายังน้ำและผู้ที่ไม่มีเงิน จงมาหาซื้อและรับประทาน จงมาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนมโดยไม่ต้องเสียเงินและค่าใช้จ่าย…จงเอาใจใส่ฟังเราและรับประทานของดีและให้ตัวเจ้าปีติยินดีในอาหารโอชา จงเอียงหูของเจ้าแล้วมาหาเรา จงฟังเพื่อเจ้าจะมีชีวิต ” อิสยาห์ 55:1-3 {COL 233.1}COLTh 198.1

    พระเจ้าทรงมอบหมายคำสั่งพิเศษให้เราว่าจะต้องเอาใจใส่คนแปลกหน้า ผู้ถูกทอดทิ้งและจิตวิญญาณน่าสงสารที่อ่อนแอฝ่ายศีลธรรม มีหลายคนซึ่งดูเหมือนว่าไม่สนใจในเรื่องศาสนาเลยแต่ภายในใจกลับแสวงหาความสงบสุขและการพักผ่อน แม้ว่าพวกเขาจะจมลึกอยู่ในความผิดบาปแต่ก็ยังมีโอกาสที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้ {COL 233.2}COLTh 198.2

    ผู้รับใช้ของพระคริสต์จะต้องทำตามแบบอย่างของพระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงดำเนินไปตามที่ต่างๆ พระองค์ทรงปลอบประโลมผู้ทนทุกข์และรักษาผู้เจ็บป่วย จากนั้นก็ทรงเปิดเผยความจริงยิ่งใหญ่เกี่ยวกับแผ่นดินของพระองค์ให้พวกเขาทราบ นี่คือภารกิจของผู้ติดตามพระองค์ ขณะที่ท่านปลดเปลื้องความทุกข์ฝ่ายร่างกายให้เขา ท่านก็จะพบหนทางที่จะเข้าถึงความต้องการฝ่ายจิตวิญญาณ ท่านชี้ไปยังองค์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงรับการยกชูขึ้น และบอกถึงความรักของแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้เดียวที่มีอำนาจที่จะนำกลับสู่สภาพดีดังเดิมได้ {COL 233.3}COLTh 198.3

    จงบอกคนทุกข์โศกที่หลงทางไปว่าพวกเขาไม่ต้องเศร้าเสียใจอีกต่อไป แม้พวกเขาจะพลาดไปแล้วและไม่ได้ปลูกฝังอุปนิสัยที่ถูกต้อง พระเจ้าจะทรงนำความยินดีกลับคืนมาให้ แม้กระทั่งความยินดีในความรอดของพระองค์ พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะนำผู้ที่เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นคนสิ้นหวังซึ่งเป็นคนที่ซาตานทำนั้นให้นำมาอยู่ใต้ร่มพระคุณของพระองค์ พระเจ้าทรงยินดีที่จะนำพวกเขาออกจากพระพิโรธที่ตกกับผู้ไม่เชื่อ จงบอกให้พวกเขารู้ว่ามีการรักษาและการชำระสำหรับจิตวิญญาณทุกดวง มีที่จัดไว้สำหรับพวกเขาที่โต๊ะขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเฝ้ารอที่จะต้อนรับพวกเขาด้วยความยินดี {COL 234.1}COLTh 198.4

    บรรดาผู้ที่ไปตามตรอกซอยและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิดจะพบผู้คนที่มีอุปนิสัยที่แตกต่างกันอย่างมาก คนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือจากเขา มีบางคนปฏิบัติตนอย่างดีที่สุดตามแสงสว่างที่พวกเขาได้รับและทำงานรับใช้พระเจ้าอย่างดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ แต่พวกเขาตระหนักดีว่ายังมีงานใหญ่ที่ต้องทำเพื่อตัวเขาเอง และเพื่อคนที่อยู่รอบข้าง พวกเขาอยากมีความรู้เรื่องของพระเจ้ามากขึ้นแต่พวกเขาเพียงแค่เริ่มต้นที่จะเห็นประกายของแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่กว่าเท่านั้น พวกเขาเฝ้าอธิษฐานด้วยน้ำตาเพื่อขอพระเจ้าประทานพระพรซึ่งโดยความเชื่อพวกเขามองเห็นอยู่แต่ไกล ในใจกลางเมืองใหญ่ที่ชั่วร้ายของเราจะพบจิตวิญญาณเหล่านี้จำนวนมาก หลายคนมีสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นอย่างยิ่ง และเพราะสภาพของเขาเป็นเช่นนี้จึงไม่เป็นที่สนใจของชาวโลก มีหลายคนซึ่งผู้รับใช้และคริสตจักรไม่เคยทราบเรื่องเลย แต่ในสภาพที่ต่ำต้อยและยากแค้นเช่นนี้พวกเขาเป็นพยานให้แก่พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาอาจจะได้รับแสงสว่างเพียงเล็กน้อยและมีโอกาสได้รับการฝึกฝนแบบคริสเตียนเพียงน้อยนิด แต่ท่ามกลางความเปลือยเปล่า ความหิวโหยและหนาวเหน็บ พวกเขากำลังหาทางที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ขอให้ผู้อารักขาที่ได้รับพระคุณมากมายจากพระเจ้าแสวงหาวิญญาณจิตเหล่านี้ ไปเยี่ยมเยียนบ้านเขาและด้วยฤทธานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ความช่วยเหลือพวกเขา จงศึกษาพระคัมภีร์กับเขาและอธิษฐานร่วมกับเขาด้วยความเรียบง่ายตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจ พระคริสต์จะประทานถ้อยคำ ซึ่งเป็นเสมือนอาหารจากสวรรค์สำหรับจิตวิญญาณ พระพรอันมีค่าจะถูกนำไปให้แก่จิตใจแต่ละดวง จากครอบครัวสู่ครอบครัว {COL 234.2}COLTh 198.5

    คำสั่งในอุปมาที่กล่าวว่า “ บังคับให้พวกเขาเข้ามา ” มักจะถูกแปลความหมายผิดเสมอ โดยถือว่าเป็นคำสอนให้เราจะต้องบังคับมนุษย์ยอมรับข่าวประเสริฐ แต่แท้จริงแล้วคำบัญชานี้เล็งถึงการให้เร่งนำคำเชิญนี้ออกไปแจ้งแก่คนทั้งหลายและประสิทธิภาพในการชักจูงคนให้เข้ามามากกว่า ข่าวประเสริฐไม่ได้บังคับให้มนุษย์มาหาพระคริสต์ ข่าวนั้นมีว่า “ ทุกคนที่กระหาย จงมายังน้ำ ” อิสยาห์ 55:1 “ พระวิญญาณและเจ้าสาวกล่าวว่า เชิญเสด็จมาเถิด…ใครมีใจปรารถนาจงมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ” วิวรณ์ 22:17 อำนาจของความรักและพระคุณของพระเจ้าเร่งให้เราเข้ามา {COL 235.1}COLTh 199.1

    พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “ นี่แนะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าใครได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาเขาและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขาและเขาจะรับประทานร่วมกับเรา ” วิวรณ์ 3:20 การดูหมิ่นจะไม่ผลักไสพระองค์ หรือคำขู่จะไม่ทำให้พระองค์หันจากไป แต่ทรงแสวงหาผู้หลงหายอยู่เสมอโดยตรัสว่า “ เราจะให้เจ้าแก่ผู้อื่นได้อย่างไร ” โฮเซยา 11:8 แม้ว่าความรักของพระองค์จะถูกโต้กลับด้วยจิตใจที่ดื้อดึง แต่พระองค์ทรงอ้อนวอนตอบด้วยกำลังที่เพิ่มขึ้น นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ” อำนาจที่มีชัยแห่งความรักของพระองค์เร่งเร้าจิตวิญญาณให้เข้ามา และพวกเขากล่าวกับพระคริสต์ว่า “ การถ่อมพระองค์ลงก็ทำให้ข้าพระองค์เป็นใหญ่ขึ้น ” สดุดี 18:35 {COL 235.2}COLTh 200.1

    พระคริสต์จะทรงมอบความรักที่เรียกร้องหา อย่างเดียวกันกับที่พระองค์ทรงเสาะหาผู้ที่หลงหายแก่ผู้สื่อข่าวของพระองค์ เราไม่ควรเพียงเอ่ยคำว่า “ เชิญมาเถิด ” มีหลายคนได้ยินเสียงเรียก แต่หูของพวกเขาตึงเกินกว่าที่จะรับทราบความหมาย ดวงตาของพวกเขามืดเกินกว่าที่จะเห็นสิ่งดีใดๆ ที่เก็บไว้ คนอีกมากมายตระหนักถึงความตกต่ำอย่างแสนสาหัสของตน เขากล่าวว่าข้าพเจ้าไม่สมควรที่จะได้รับความช่วยเหลือ ปล่อยข้าพเจ้าตามลำพังเถิด แต่ผู้รับใช้ไม่ควรหยุดอยู่ตรงนั้น จงเข้าถึงคนที่หมดกำลังใจและช่วยเหลือตนเองไม่ได้เหล่านี้ด้วยความอ่อนโยนและความรักความสงสาร จงให้กำลังใจแก่พวกเขา ให้ความหวังและความเข้มแข็งแก่พวกเขา จงเร่งเร้าเขาด้วยความปรานีให้เขาเข้ามา “ จงมีใจเมตตาคนที่ยังสงสัยอยู่ จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกจากไฟ” ยูดา 22, 23 {COL 235.3}COLTh 200.2

    ถ้าผู้รับใช้ของพระเจ้าเดินไปกับพระองค์ด้วยความเชื่อ พระองค์จะประทานพลังอำนาจให้แก่ข่าวของพวกเขา พวกเขาจะได้รับความสามารถในการประกาศความรักของพระองค์และภัยอันตรายของการปฏิเสธพระคุณของพระเจ้าจนสามารถเร่งเร้าให้คนทั้งหลายที่ได้ยินยอมรับข่าวประเสริฐได้ พระคริสต์จะทรงกระทำการอัศจรรย์ หากมนุษย์จะกระทำหน้าที่ในส่วนที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้แก่พวกเขา ในจิตใจของมนุษย์ทุกวันนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏในทุกยุคที่ผ่านมา จอห์น บันยันได้รับการไถ่จากการเป็นผู้ที่ลบหลู่ศาสนาและรักความสนุกสนาน จอห์น นิวตันจากการค้าทาสมาเป็นผู้ประกาศองค์พระผู้ช่วยให้รอด ทุกวันนี้บุคคลเช่นบันยันและนิวตันอาจได้รับการไถ่จากสังคมได้ โดยผ่านตัวแทนมนุษย์ที่ร่วมมือกับพระเจ้าจะมีคนผู้ถูกทอดทิ้งรับการไถ่กลับคืน และจากนั้นพวกเขาจะพยายามนำพระฉายาของพระเจ้ากลับคืนสู่มนุษย์ดังเดิม ยังมีผู้ที่ด้อยโอกาส ผู้ที่ดำเนินในทางที่ผิดเพราะเขาไม่ได้ทราบถึงหนทางที่ดีกว่า พวกเขาเหล่านี้จะได้รับแสงสว่าง ดังเช่นพระดำรัสของพระคริสต์ที่มีมายังศักเคียส “เพราะว่าวันนี้เราจะต้องพักอยู่ในบ้านของท่าน” ลูกา 19:5 พระดำรัสนั้นจะมาถึงพวกเขาด้วยและคนที่ดูเหมือนว่าเป็นคนบาปที่แข็งกระด้างก็จะพบว่ามีจิตใจที่อ่อนโยนเช่นเด็กเล็กๆ เพราะว่าพระคริสต์ทรงถ่อมพระทัยลงมาหาเขา จะมีหลายคนที่มาจากหมู่คนทำบาปทำชั่วและพวกเขาจะเข้ามาแทนที่คนอื่นๆ ที่ได้รับโอกาสและสิทธิ์พิเศษแต่ไม่ได้เห็นคุณค่าของสิ่งนี้ พวกเขาเหล่านี้จะถูกเรียกว่าเป็นผู้เลือกสรรที่มีค่ายิ่งของพระเจ้า และเมื่อพระคริสต์จะเสด็จมาในแผ่นดินของพระองค์ พวกเขาจะยืนอยู่เคียงข้างพระบัลลังก์ของพระองค์ {COL 236.1}COLTh 200.3

    จงระวังให้ดี อย่าปฏิเสธพระองค์ผู้ตรัสอยู่นั้น ” ฮีบรู12:25 พระเยซูตรัสว่า “ ในพวกคนที่ได้รับเชิญนั้น จะไม่มีสักคนหนึ่งได้ลิ้มรสอาหารของเราเลย ” ลูกา 14:24 พวกเขาปฏิเสธคำเชื้อเชิญและจะไม่มีผู้ใดในพวกนั้นได้รับเชิญอีกเลย การปฏิเสธพระคริสต์ทำให้จิตใจของชาวยิวแข็งกระด้างและยอมมอบตัวอยู่ใต้อำนาจของซาตาน จนกระทั่งพวกเขายอมรับพระคุณของพระองค์ไม่ได้ ทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าความรักของพระเจ้าถูกมองอย่างไม่เห็นคุณค่าและไม่นำมาเป็นหลักการทำให้จิตใจสงบเสงี่ยม เราก็จะหลงหายไปอย่างแน่นอน องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักที่ทรงเปิดเผยให้เห็นแล้วไม่ได้ หากความรักของพระเยซูทำให้จิตใจของเรายอมสงบเสงี่ยมต่อพระองค์ไม่ได้ ก็ไม่มีหนทางอื่นใดที่จะเข้าถึงตัวเราได้ {COL 236.2}COLTh 201.1

    ทุกครั้งที่ท่านปฏิเสธที่จะฟังข่าวแห่งพระกรุณาคุณ ท่านเพิ่มความไม่เชื่อของท่านให้มากขึ้น ทุกครั้งที่ท่านไม่ยอมเปิดประตูใจแก่พระคริสต์ ท่านก็จะยิ่งไม่ยอมฟังพระสุรเสียงของพระองค์ที่ตรัสกับท่าน ทำให้โอกาสที่จะตอบสนองการทรงเรียกครั้งสุดท้ายแห่งพระกรุณาคุณลดน้อยลง จงอย่าให้มีการบันทึกไว้เกี่ยวกับตัวท่านดังเช่นที่เกิดขึ้นกับชนชาติอิสราเอลในกาลก่อนว่า “ เอฟราอิมก็ผูกพันอยู่กับรูปเคารพแล้ว ปล่อยเขาไปเถิด” โฮเชยา 4:17 จงอย่าให้พระคริสต์ทรงกรรแสงเพราะท่านดังเช่นที่พระองค์ทรงกรรแสงเพื่อเยรูซาเล็มว่า “เราปรารถนาจะรวบรวมลูกๆ ของเจ้าไว้เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่พวกเจ้าไม่ยอม นี่แน่ะ นิเวศของพวกเจ้าจะถูกทอดทิ้ง” ลูกา 13:34-35 {COL 237.1}COLTh 202.1

    เรากำลังอาศัยอยู่ในช่วงสุดท้ายของข่าวแห่งพระกรุณาคุณ คำเชื้อเชิญครั้งสุดท้ายกำลังประกาศดังกังวานมายังบุตรทั้งหลายของมนุษย์ พระบัญชาที่ว่า “จงออกไปตามถนนใหญ่และตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิด” ลูกา 14:23 กำลังจะสำเร็จ คำเชิญของพระคริสต์จะต้องออกไปถึงจิตวิญญาณทุกดวงผู้ประกาศข่าวที่กำลังร้องว่า “เชิญมาเถิด เพราะสิ่งสารพัดจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว” ลูกา 14:17 ทูตสวรรค์กำลังทำงานร่วมกับมนุษย์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ทุกวิถีทางที่จะเร่งชักนำให้ท่านเข้ามา พระคริสต์ทรงเฝ้าดูสัญญาณบางอย่างที่จะบอกว่ากลอนประตูของท่านถอดออกแล้วและประตูของท่านเปิดออกเพื่อให้พระองค์เสด็จเข้ามาในจิตใจ ทูตสวรรค์กำลังเฝ้ารอที่จะนำข่าวดีกลับไปยังสวรรค์ว่าได้พบคนบาปที่หลงหายไปอีกคนหนึ่ง ชาวสวรรค์กำลังเฝ้ารอเตรียมพร้อมที่จะบรรเลงพิณและเปล่งเสียงแห่งความชื่นชมยินดีที่จิตวิญญาณอีกหนึ่งดวงยอมรับคำเชิญให้มางานเลี้ยงแห่งข่าวประเสริฐ {COL 237.2}COLTh 202.2

    *****