Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

บหัศจรรย์แห่อการรักษา

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    การจัดปรุงอาหาร

    เป็นการไม่ถูกต้องที่รับประทานอาหารเพียงเพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น โดยไม่ใส่ใจว่าอาหารที่รับประทานจะมีคุณภาพดีและลูกจัดปรุงอย่างไร ถ้าหากอาหารที่รับประทานนั้นไม่มีรสชาติเสียเลย ร่างกายก็จะไม่ได้รับ สารบำรุงมากนัก ควรใส่ใจในการเลือกสรรสิ่งต่างๆ มาประกอบเป็นอาหาร และควรมีทักษะและความเฉลี่ยวฉลาดในการจัดปรุงอย่างถูกหลัก {MH 300.2}MHTh 333.1

    แป้งสาลีขัดขาวนั้นไม่ใช่แป้งที่มีความเหมาะสมที่สุดในการนำมาท่า ขนมปัง การใช้แป้งชนิดนี้ท่าให้ต้องสิ้นเปลืองทั้งยังไม่มีประโยชน์ต่อ ร่างกาย ขนมปังที่ท่าจากแป้งขัดขาวขาดสารอาหารหลายชนิดที่พบใน ขนมปังที่ท่าจากแป้งสาลีที่ไม่ขัดขาว และมักจะเป็นสาเหตุของอาการท้อง ผูกและอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่บั่นทอนสุขภาพ {MH 300.3}MHTh 333.2

    การใช้เบกกิ้งโซดาหรือผงฟูในการทำขนมปังเป็นสิ่งที่มีอันตราย และไม่มีความจำเป็น ผงเบกกิ้งโซดา (โซเดียมไบคาร์บอเนต) จะทำให้ กระเพาะอาหารเกิดการอักเสบและเป็นพิษต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย แม่บ้านหลายคนคิดว่าตนไม่สามารถทำขนมปังให้ดีได้โดยไม่ใช้เบกกิ้ง โซดา แต่นี่เป็นความเข้าใจที่ผิด หากพวกเขาจะยอมทนลำบากสักนิดเพื่อ เรียนรูวิธีที่ดีกว่า ขนมปังของพวกเขาก็จะมีตุณประโยชน์ มีรสชาติที่เป็น ธรรมชาติและนำรับประทานมากยิ่งขึ้น {MH 300.4}MHTh 333.3

    ในการทำขนมปังโดยใช้เชื้อยีสต์ ไม่ควรใช้นมวัวแทนนํ้า การใช้ นมวัวทำให้สิ้นเปลืองเงินทองเพิ่มขึ้น และทำให้ขนมปังนั้นมีประโยชน์ต่อ ร่างกายน้อยลง ขนมปังที่ผสมนมวัวจะรักษารสกลมกล่อมได้ไม่นานภาย หสังการอบเหมือนอย่างขนมปังที่ผสมด้วยนํ้าและมักจะทำให้เกิดการ บูดในกระเพาะอาหารได้ง่าย {MH 301.1}MHTh 333.4

    ขนมปังควรจะมืนํ้าหนักเบาและมีรลหวาน โดยไม่มีรสเปรี้ยวเจือปน แม้แต่น้อย ควรปันก้อนขนมปังให้เป็นก้อนเล็กและอบให้สุกอย่างทั่วถึง เพื่อฆ่าเชื้อยีสต์ในผงฟู ไม่ว่าจะเป็นขนมปังชนิดใดๆ ก็ตามที่มีส่วนผสม ของเชื้อยีสต์เมื่ออบเสร็จใหม่ ๆ และยังร้อนอยู่จะเป็นอาหารที่ย่อยยากและ ยังไม่ควรนำมาเสริฟบนโต๊ะอาหารในทันที ยกเว้นขนมปังไร้เชื้อที่ไม่ใส่ผงฟู หรือยีสต์ และอบจากเตาอบด้วยความร้อนที่เหมาะสม จะเป็นขนมปังที่น่า รับประทานและมีประโยชน์ต่อร่างกาย {MH 301.2}MHTh 333.5

    ข้าวที่ใช้ทำข้าวต้มหรือ “ข้าวบด” ต้องใช้เวลาในการต้มหลาย ชั่วโมง แต่อาหารอ่อนและอาหารเหลวให้ประโยชน์ต่อร่างกายน้อยกว่า อาหารแห้ง ซึ่งต้องเคี้ยวให้ละเอียดเสียก่อน ขนมปังอบกรอบเป็นขนมปัง ที่อบสองหน อาหารประเภทนี้เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ย่อยได้ง่ายที่สุดและ มีรสชาติที่อร่อยมากที่สุด โดยการน่าเอาขนมปังธรรมดาที่ผสมผงฟูยีสต์ หั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วน่าไปอบให้แห้งในเตาอบความร้อนตา โดยให้ ความชื้นระเหยไปจนหมด แล้วปล่อยให้เหลืองกรอบดี เมื่อเก็บไว้ในที่แห้ง ขนมปังชนิดนี้จะสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าขนมปังธรรมดา และเมื่อน่าไป ทำให้ร้อนอีกครั้งก่อนรับประทาน จะมีความสดใหม่เหมือนกับขนมปังที่ เพิ่งอบเสร็จ {MH 301.3}MHTh 334.1

    โดยปกติเรามักจะเติมนํ้าตาลลงในอาหารมากเกินไป ขนมเค้ก พุดดิ้ง พาย เยลลี่และแยมเป็นอาหารที่ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย โดย เฉพาะอย่างยิ่งคัสตาร์ดและพดดิ้งซึ่งมีส่วนผสมหลักคือนมวัว ไข่ และ นาตาล เราควรหลืกเลืยIการโมววและน้ำตาลผสมกันมกเกินไป {MH 301.4}MHTh 334.2

    หากต้องใช้นมวัวก็ควรทำการนึ่งฆ่าเชื้อให้ทั่วถึง เพื่อเป็นการลด อันตรายจากการติดเชื้อจากการใช้นม ส่วนเนยเมื่อน่ามารับประทานร่วม กับขนมปังที่เย็นมีอันตรายต่อร่างกายน้อยกว่าการใช้เนยในการปรุงอาหาร แต่ตามปกติแล้ว จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ใช้เนยเลย เนยแข็ง (ชีส) ยิ่ง ไม่มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้รับประทานเป็นอาหาร {MH 302.1}MHTh 334.3

    อาหารที่ปรุงอย่างไม่ลูกสุขลักษณะทำให้โลหิตไม่สมบูรณ์ เพราะ ไปทำให้อวัยวะที่ใช้ในการสร้างโลหิตอ่อนแอ จึงส่งผลให้ระบบของร่างกาย เสียสมดุลและทำให้เกิดโรค สิ่งที่ตามมาก็คือ อาการหงุดหงิดฉุนเฉียว และอารมณ์เสีย คนนับพันนับหมื่นต้องตกเป็นเหยื่ยของการหุงต้มอาหาร ที่ไม่ถูกลุฃลักษณะ หน้าหลุมฝังศพหลายหลุมควรจะมีคำจารึกไว้ว่า “ตาย เพราะอาหารที่หุงต้มอย่างไม่ลูกสุขลักษณะ” “ตายเพราะกระเพาะอาหาร ถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบัน” {MH 302.2}MHTh 335.1

    ผู้ที่ปรุงอาหารมีหน้าที่อันสูงส่งที่ต้องเรียนรู้ถึงวิธีการในการจัด เตรียมอาหารที่ลูกสุขลักษณะ หลายคนต้องเสียชีวิตเพราะผลจากการหุง ต้มอาหารที่แย่ การทำขนมปังที่ดีได้นั้นจะต้องใช้ทั้งความคิดและการเอาใจ ใส่ อนึ่ง มีหลักธรรมคำสอนอยู่ในขนมปังที่ดีหนึ่งก้อนมากกว่าที่หลายคน คิด คนครัวที่ดีจริงๆ นั้นมีน้อยมาก พวกผู้หญิงสาวๆ คิดว่าการหุงหา อาหารและการทำงานบ้านอื่นๆ นั้นเป็นงานที่ตาด้อยและด้วยเหตุนี้ หญิง สาวหลายคนที่แต่งงานแล้วและต้องรับผิดชอบดูแลกิจการในบ้านเรือน จึงไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของภรรยาและมารดาเท่าไรนัก {MH 302.3}MHTh 335.2

    การปรุงอาหารมิเพียงแต่จะเป็นศาสตร์เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่สุดในการดำเนินชีวิต เป็นวิชาที่ผู้หญิงทุกคนควรจะได้เรียนรู้ และควร จะสอนคนยากจนกว่าให้ได้รับประโยชน์ การที่จะปรุงอาหารอย่างง่ายๆ ให้ อร่อยน่ารับประทานและให้มีคุณค่าทางอาหารนั้นต้องอาศัยทักษะ แต่สิ่ง นี้สามารถที่จะท่าไต้ ผู้ที่ท่าอาหารควรเรียนรู้ถึงวิธีการจัดเตรียมอาหารที่ เรียบง่าย มีรสชาติดีและให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก และถกหลักสุขภาพ {MH 302.4}MHTh 335.3

    ผู้หญิงทุกคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ยังไม่เข้าใจถึงวิธีการประกอบ อาหารที่ลูกสุขลักษณะ ควรตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะเรียนรู้สิ่งที่มีความ สำคัญอย่างยิ่งต่อความผาสุกของสมาชิกในครอบครัว ในที่หลายแห่ง โรงเรียนสอนท่าอาหารสุขภาพเปิดโอกาสให้มีการเรียนการสอนถึงวิธีการ ในการประกอบอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากในพื้นที่ไม่มีที่ให้ เรียนรู้และศึกษาตังกล่าว ผู้หญิงที่สนใจก็สามารถเรียนฝึกหัดการปรุงอาหาร กับคนครัวที่มีความสามารถ และพากเพียรปรับปรุงวิธีปรุงอาหารให้ดีขึ้น ตามลำดับ จนในที่สุดย่อมจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะของการประ- กอบอาหารได้ {MH 303.1}MHTh 335.4

    การรับประทานอาหารให้เป็นเวลาเป็นสิ่งที่มีความสำคญเป็นอย่าง ยิ่ง เราควรจะกำหนดเวลาที่แน่นอนในการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ เมื่อถึงเวลาให้ทุกคนรับประทานอาหารตามที่ร่างกายต้องการและจะต้อง ไม่รับประทานสิ่งใดอีกจนกว่าจะถึงเวลาของอาหารมื้อกัดไป หลายคนรับ ประทานอาหารในเวลาที่ร่างกายไม่มีความต้องการอาหาร คือในช่วงเวลา ที่ไม่เหมาะสมระหว่างมื้ออาหาร เพราะเขาไม่มีความหนักแน่นพอที่จะ ขัดขืนการตามใจปากของตัวเอง ในขณะเดินทาง บางคนมักจะกินจุบกิน จิบอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีอะไรที่กินได้อยู่ใกล้มือ การกระทำเช่นนี้ให้โทษเป็น อย่างมาก ถ้าผู้ที่เดินทางจะรับประทานอาหารที่เรียบง่ายและมีประโยชน์ ต่อร่างกายให้เป็นเวลา พวกเขาก็จะไม่รู้สึกอ่อนเพลียถึงขนาดนี้หรือไม่ ต้องทนทรมานด้วยการป่วยหนักเช่นที่เป็นอยู่ {MH 303.2}MHTh 336.1

    นิสัยอีกประการหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างร้ายแรงคือ การ รับประทานอาหารก่อนเข้านอน แม้เขาจะรับประทานอาหารตามเวลาแล้ว ก็ตาม แต่เพราะว่ายังมีความรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ เขาจึงรับประทานอาหาร เพิ่มเข้าไปอีก ด้วยการตามใจตัวเองเช่นนี้ การกระทำที่ผิดๆ จึงเริ่มติด เป็นนิสัย จนเขาคิดว่าไม่อาจนอนหล้บได้ ถ้าไม่ได้รับประทานอะไรก่อน นอน ผลที่เกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารมื้อดึกเช่นนี้ทำให้ระบบยังคง ต้องย่อยอาหารต่อไปอีกในขณะที่นอนหล้บอยู่ และถึงแม้ว่ากระเพาะ อาหารยังคงทำงานต่อไปก็ตาม แต่ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ เมื่อเข้านอนก็มัก จะทำให้หลับไม่สนิทและทำให้ฝันร้าย เมื่อตื่นขึ้นในเวลาเช้าก็รู้สึกไม่สดชื่น และไม่อยากรับประทานอาหารเช้า เมื่อเราล้มตัวลงนอนหลับพีกผ่อน กระเพาะอาหารควรเสร็จสิ้นการทำงานของมัน เพื่อกระเพาะอาหารจะได้ หยุดพักผ่อนเช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีนิสัยที่ ชอบนั่งนอนอยู่กับที่ การรับประทานอาหารมื้อดึกก่อให้เกิดอันตรายต่อ ร่างกาย เมื่อการนอนหลับถูกรบกวนจากนิสัยเช่นนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ โรคภัยที่มีอันตรายถึงชีวิต {MH 303.3}MHTh 336.2

    ในหลายกรณี ความรู้สึกอ่อนเพลียที่ทำให้เกิดความอยากอาหาร เกิดขึ้นเนื่องจากอวัยวะที่ใช้ย่อยอาหารต้องทำงานหนักเกินไปตลอดทั้งวัน เมื่อเสร็จหน้าที่หนึ่งมื้อไปแล้ว อวัยวะที่ใช้ย่อยอาหารก็ต้องการการพัก ผ่อน อย่างน้อยที่สุดควรจะมีเวลาพักระหว่างมื้ออาหารห้าหรือหกชั่วโมง และคนส่วนใหญ่ที่ไต้ทดลองดู จะรู้สึกว่าการรับประทานอาหารวันละสอง มื้อดีกว่าสามมื้อ {MH 304.1}MHTh 337.1