Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

บหัศจรรย์แห่อการรักษา

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทกี่ 4 - สัมผัสแห่งความเชื่อ

    “ถ้าเราได้แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้น เราก็จะหายโรค’ ม้ทธิว 9:21 ผู้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ คือ หญิงผู้น่าสงสารคนหนึ่งที่มีชีวิตที่ต้องทน ทุกข์ทรมานด้วยโรคร้ายมาเป็นเวลาสิบสองปีแล้ว นางไดัใช้เงินทองที่มีอยู่ ทั้งหมดไปเป็นค่าหมอและในการเยียวยารักษา แต่ก็เพียงเพื่อจะได้รับการ วินิจฉัยว่าโรคร้ายที่นางเป็นอยู่นั้นเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่เมื่อนางได้ยิน เรื่องของแพทย์ผู้ประเสริฐ ความหวังจึงได้เรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง นางคิด ว่า “ หากเราเพียงแต่ได้อยู่ใกล้พอที่จะทูลพระองค์เราจะหายโรคได้’ {MH 59.1}MHTh 52.1

    พระคริสต์กำลังเสด็จไปที่บ้านของไยรัส อาจารย์รับบีชาวยีว ผูได้ ทูลขอให้พระองค์เสด็จมาเพื่อรักษาบุตรสาวของเขา คำทูลอ้อนวอนที่ ระคนด้วยความโศกเศร้าเสียใจที่ว่า “ลูกสาวเล็กๆ ของข้าพระองค์เจ็บ เกือบจะตายแล้ว ขอเชิญพระองค์ไปวางพระหัตถ์บนเขา เพื่อเขาจะได้หาย โรคและไม่ตาย’, มาระโก 5:23 ทำให้พระทัยอันอ่อนโยนของพระคริสต์ รู้สึกสงสาร ดังนั้นพระองค์จึงเสด็จไปยังบ้านของท่านผู้ปกครองในทันที {MH 59.2}MHTh 52.2

    พวกเขาพากันเดินไปอย่างช้า ๆ เพราะฝูงชนเบียดเสียดยัดเขียดอยู่ รอบด้าน ในขณะที่ทรงดำเนินฝ่าฝูงชนเข้าไปนั้น พระผู้ช่วยให้รอดได้ เสด็จเข้ามาใกล้หญิงที่เจ็บป่วยทรมานที่กำลงยืนอยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่นาง ได้พยายามจะเข้าไปใหใกล้กับพระองค์ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของ นางจะเป็นสิ่งที่ไร้ผล บ้ดนี้โอกาลของนางมาถึงแล้ว นางมองไม่เห็นหนทาง ที่จะได้ทูลขอต่อพระองค์ นางไม่ต้องการขวางทางการดำเนินอย่างช้าๆ ของ พระองค์ แต่นางเคยได้ยินมาว่า แม้แต่เพียงการสัมผัสชายฉลองพระองค์ ก็จะสามารถเขียวยารักษาให้หายจากโรคได้ และการที่นางกลัวว่าจะหมด โอกาสที่มือยู่เพียงครั้งเดียวนี้ เพื่อที่จะได้รับการปลดเปลื้องให้หาย นางจึง พยายามเบียดเสียดฝูงชนไปข้างหน้า นางได้พูดกับตนเองว่า “ถ้าเราได้ แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้นเราก็จะหายโรค,, {MH 59.3}MHTh 53.1

    พระคริสต์ทรงทราบความนึกคิดที่มือยู่ในจิตใจของนางทุกประการ ดังนั้นพระองค์จึงทรงดำเนินไปยังที่ๆ นางยินอย่ พระองค์ทรงตระหนักถึง ความต้องการอันใหญ่หลวงของนาง และพระองค์ใต้ทรงช่วยให้นางไดํมโอกาส ใช้ความเชื่อที่นางมีอยู่ {MH 60.1}MHTh 53.2

    ในขณะที่พระองค์ทรงกำลังดำเนินผ่านไป นางพยายามเอื้อมมือ ออกไปและแตะแค่เพียงชายฉลองพระองค์ ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง นางประ- จักษ์ว่านางไต้รับการรักษาให้หายจากโรคแล้ว นางได้บรรจบรวมความ เชื่อที่มือยู่ในชีวิตเข้ามาอยู่ในการสัมผัสนั้นเพียงครั้งเดียว ความเจ็บปวด ทรมานและความอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของนางได้มลายหายสิ้นไปในบ้ดดล นางมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีกระแสไฟฟ้าได้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย อย่างฉับพลัน นางรู้สึกได้ถึงลุขภาพที่กลับมาสมบูรณ์ดีเลิศอีกครั้ง“ผู้หญิง นั้นรู้สึกต้วว่าโรคหายแล้ว” มาระโก 5:29 {MH 60.2}MHTh 53.3

    หญิงนั้นรู้สึกซาบซึ้งในพระเมตตาของพระองค์จึงปรารถนาที่จะ ขอบพระคุณต่อแพทย์ผู้ทรงฤทธิ์อำนาจ ผู้ทรงกระทำคุณอนันต์แก่นาง ด้วยการสัมผัสเพียงครั้งเดียวยิ่งกว่าพวกหมอที่ได้รักษามาเป็นเวลานาน ถึงสิบสองปี แต่นางก็ไม่กล้า จึงหาทางเดินออกไปจากฝูงชน ด้วยจิตใจที่ ซาบซึ้งในพระคุณ ทันใดนั้นเองพระเยซูทรงหยุดพระดำเนินและเหลียว มองไปรอบๆ และตรัสถามว่า “ใครถูกต้องเสื้อของเรา’, {MH 60.3}MHTh 54.1

    เปโตรมองดูพระองค์ด้วยความประหลาดใจ แล้วได้ทูลตอบว่า “อาจารย์เจ้าข้า ก็เป็นเพราะประชาชนเปียดเสียดพระองค์ และพระองค์ ยังทรงถามอีกหรือว่า ‘ใครไต้ถูกต้องเรา,,, ลูกา 8:45 (TKJV) {MH 60.4}MHTh 54.2

    พระเยซูตรัสว่า “มีผู้หนึ่งไต้ถูกต้องเรา เพราะเรารู้สึกว่าฤทธึ๋ไต้ซ่าน ออกจากเราแล้ว,, ลูกา 8: 46 พระองค์ทรงแยกความแตกต่างระหว่าง สัมผัสแห่งความเชื่อและการแตะต้องถูกพระองค์โดยไม่ได้ตั้งใจของฝูงชน ออกจากกันไต้ ใครคนหนึ่งได้สัมผัสพระองค์ด้วยความมุ่งหมายอันลึกซึ้ง และผู้นั้นก็ได้รับการตอบสนอง {MH 60.5}MHTh 54.3

    พระคริสต์มิได้ตรัสถามเพื่อให้พระองค์ใต้รับคำตอบ พระองค์ทรงมี บทเรียนไว่ให้กับฝูงชน สาวกและหญิงคนนั้น พระองค์ทรงปรารถนาที่จะ ดลปันดาลใจของผู้ที่กำลังเจ็บป่วยทุกข์ทรมานอยู่ให้ได้มีความหวัง พระ- องค์ทรงปรารถนาที่จะสำแดงให้เห็นว่าความเชื่อเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดฤทธิ้ อำนาจในการเยียวยา พระองค์ทรงมิยอมปล่อยให้ความไว้วางใจของหญิง นั้นผ่านพ้นไปโดยที่มิได้กล่าวถึง คำสารภาพด้วยการสำนึกในพระคุณต่อ พระองค์ของหญิงนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า พระคริสต์ ทรงปรารถนาที่จะให้นางได้เข้าใจว่าพระองค์ทรงเห็นชอบในการกระทำอัน แสดงถึงความเชื่อของนาง พระองค์จะมิทรงยอมให้นางต้องจากไปโดยที่ ได้รับพระพรแต่เพียงส่วนเดียว นางจะต้องไม่ตกอยู่ในสภาพที่ไม่รู้ว่า แท้จริงพระองค์ใต้ทรงทราบถึงความเจ็บป่วยทรมานของนางหรือไม่รู้ว่า พระองค์ทรงมิความรักใคร่ด้วยพระทัยที่เมตตาสงสาร และพระองค์ทรง เห็นชอบในการกระทำอันแสดงถึงความเชื่อของนางในฤทธิ้อำนาจของ พระองค์ที่ทรงสามารถเป็นนิตย์ที่จะช่วยคนทั้งปวงที่ได้เข้ามาถึงพระองค์ ฮีบรู 7:25 {MH 60.6}MHTh 54.4

    พระคริสต์ทรงทอดพระเนตรไปทางหญิงนั้นและทรงยืนยันที่จะ ทราบว่าผูใดได้แตะต้องพระองค์ เมื่อนางเห็นว่ามิอาจจะปิดปังได้อีกต่อไป นางจึงก้าวออกมาด้วยอาการเนื้อตัวสั่นเทาและหมอบลงแทบพระบาทของ พระองค์ ทูลพระองค์ต่อหน้าฝูงชนด้วยนํ้าตาที่ซาบซึ้งในพระคุณว่าเหตุใด นางจึงได้สัมผัสฉลองพระองค์ และนางได้หายจากโรคในทันที นางเกรง ว่าการที่นางได้ถูกต้องสัมผัสชายฉลองพระองค์นั้นจะเป็นการกระทำที่ ปังอาจ แต่ไม่มีคำตำหนิใดออกมาจากพระโอษฐ์ของพระคริสต์ พระองค์ ตรัสแต่เพียงถ้อยคำที่แสดงถึงความเห็นชอบ เป็นถ้อยคำที่ออกมาจาก พระทัยที่เปียมด้วยความรัก ความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ยากของ มนุษย์ พระองค์ตรัสอย่างอ่อนโยนว่า “ ลูกหญิงเอ๋ย ที่เจ้าหายโรคนั้นก็ เพราะเจ้าเชื่อ จงไปเป็นสุขเถิด”, ลูกา 8: 48 พระดำรัสเหล่านี้ได้สร้าง ความยินดีให้กับนางยิ่งนัก ปัดนี้ จึงไม่มีความหวาดกลัวที่เกิดจากการ กระทำผิด อันจะทำให้ความปีติยินดีของนางต้องกลายเป็นความเศร้า เสียใจอีกต่อไป {MH 61.1}MHTh 55.1

    ฝูงชนที่อยากรู้อยากเห็นที่เบียดเสียดกันโดยรอบพระเยซูนั้นกลับ มิได้รับซึ่งฤทธิ์อำนาจที่ประทานชีวิต แต่หญิงผู้ต้องทนทุกข์ทรมานซึ่งได้ สัมผัสพระองค์ด้วยความเชื่อกลับได้รับการรักษาให้หาย ฉันนั้น ในสิ่งที่ เกี่ยวกับฝ่ายจิตวิญญาณ การสัมผัสอย่างธรรมดาโดยที่มิได้มีความตั้งใจ ย่อมจะแตกต่างจากการสัมผัสด้วยความเชื่อ การเพียงแต่เชื่อว่าพระคริสต์ ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลกย่อมมิอาจที่จะนำการรักษามาให้แก่จิต วิญญาณได้ ความเชื่อที่จะนำไปสู่ความรอดได้นั้นมิใช่เพียงแต่การยอมรับ ความจริงของพระกิตติคุณประเสริฐเท่านั้น ความเชื่อที่แท้จริงได้มาจากการ ยอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการส่วนตัว พระเจ้าประทาน พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อว่าโดยความเชื่อในพระองค์ ข้าพเจ้า “จะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร” ยอห้น3:16 เมื่อข้าพเจ้ามาหาพระคริสต์ ตามคำเชิญของพระองค์ ข้าพเจ้าจะต้องเชื่อว่าข้าพเจ้าจะได้รับพระคุณ แห่งความรอดของพระองค์ ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าจะต้อง “ดำเนินอยู่โดยความเชื่อไนพระบุตรของพระเจ้า ผูได้ทรง รักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า’, กาลาเทีย 2:20 (THSV) {MH 62.1}MHTh 55.2

    หลายคนต่างถือว่าความเชื่อเป็นเพียงแค่ความคิดเห็น แต่ความ เชื่อที่นำไปสู่ความรอดนั้นเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล คนทั้งหลายที่ ไต้รับพระคริสต์จะได้มีส่วนร่วมในสายสัมพันธ์ของพันธสัญญากับพระเจ้า ความเชื่อที่มีชีวิต หมายถึง การมีกำลังอำนาจฝ่ายจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ยิ่งขึ้น มีความไว้วางใจด้วยความเชื่อมั่น และโดยพระคุณของพระเจ้า จิต วิญญาณจึงมีกำลังอำนาจที่จะมีชัยชนะเหนือโลก {MH 62.2}MHTh 56.1

    ความเชื่อเป็นผู้พิชิตที่ยิ่งใหญ่กว่าความตาย หากเราสามารถจะ ชักจูงผู้ที่เจ็บป่วยให้เพ่งมองไปยังแพทย์ผู้ทรงฤทธ์อำนาจด้วยความเชื่อได้ แล้ว เราก็จะได้เห็นผลอันน่าอัศจรรย์อย่างมากมาย ซึ่งจะน่าชีวิตมาสู่ ร่างกายและจิตใจ {MH 62.3}MHTh 56.2

    ในการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้องเจ็บป่วยทุกข์ทรมานอันเนื่อง มาจากนิสัยที่ชั่วร้ายนั้นให้เราได้หันเหสายตาของเขาไปยังพระเยซู แทนที่ จะชี้ให้เขาเห็นแต่เพียงความสิ้นหวังและความพินาศที่ตัวเขากำลังรุดหน้า ไปสู่ ให้พวกเขาจ้องไปยังสง่าราศีแห่งสวรรค์ สิ่งนี้จะช่วยทั้งกายและจิต วิญญาณให้รอดได้มากกว่าเรื่องน่ากลัวของความตายที่น่ามาแสดงให้คน ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และมองเห็นว่าเป็นผูไร้ซึ่งความหวังใด ๆ ได้เห็น {MH 62.4}MHTh 56.3