อำนาจการพูดเป็นความสามารถที่ควรได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง ในบรรดาของประทานที่เราได้รับจากพระเจ้า ไม่มีของประทานใดที่สามารถใช้เป็นสื่อแห่งพระพรได้มากไปกว่าของประทานนี้ เราใช้น้ำเสียงในการชักชวนและเกลี้ยกล่อม เราอธิษฐานและสรรเสริญพระเจ้าและเป็นพยานให้แก่ผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นรู้ถึงความรักของพระผู้ช่วยให้รอด จะเห็นได้ว่าการฝึกฝนใช้ของประทานในการพูดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพียงใด {COL 335.2} COLTh 297.1
การรู้จักการใช้และฝึกใช้เสียงอย่างถูกวิธีถูกละเลยไปมาก แม้กระทั่งในแวดวงของผู้มีความรู้และในกิจกรรมต่างๆ ของคริสเตียน มีคนจำนวนมากอ่านและพูดด้วยเสียงต่ำและเร็วจนกระทั่งคนฟังไม่เข้าใจ บ้างก็พูดเสียงหนักและไม่ชัดเจน บ้างก็พูดด้วยเสียงสูง แหลมคม จนสร้างความระคายเคืองต่อผู้ฟัง บางครั้งมีการอ่านข้อพระคัมภีร์ บทเพลงและรายงานในที่ประชุมด้วยวิธีการอ่านที่ผู้ฟังไม่เข้าใจ ทำให้ประโยชน์ที่ควรจะได้รับสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย {COL 335.3} COLTh 297.2
นี่คือผลเลวร้ายหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงได้และจะต้องได้รับการแก้ไข ในเรื่องนี้พระคัมภีร์สอนว่า คนเลวีที่มีหน้าที่อ่านข้อพระคัมภีร์ให้ประชาชนในสมัยของท่านเอสราฟังได้รับการแนะนำว่า “และพวกเขาอ่านจากหนังสือ จากธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างชัดเจน และเขาก็อธิบายความหมาย ประชาชนจึงเข้าใจข้อความที่อ่านนั้น” เนหะมีย์ 8:8 {COL 335.4} COLTh 297.3
ด้วยความพยายามอย่างขยันขันแข็ง ทุกคนมีความสามารถในการอ่านให้เข้าใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นสมบูรณ์ ชัดเจนและเต็มไปด้วยท่าทีที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ฟังได้ การกระทำเช่นนี้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรับใช้พระคริสต์ได้ {COL 335.5} COLTh 297.4
คริสเตียนทุกคนได้รับการทรงเรียกให้ประกาศแก่ผู้อื่นให้ทราบถึงความมั่งคั่งไพบูลย์ของพระคริสต์ที่ไม่มีผู้ใดค้นพบได้ ฉะนั้นเขาจำเป็นต้องแสวงหาการพูดที่สมบูรณ์ เขาควรแนะนำพระวจนะของพระเจ้าด้วยวิธีที่สามารถเชิญชวนผู้ฟังให้มอบจิตใจ พระเจ้าไม่ทรงมีพระประสงค์ให้สื่อนี้ถูกละเลยไม่พัฒนา พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้มนุษย์เหยียดหยามดูแคลนกระแสแห่งสวรรค์ที่ไหลผ่านผู้รับใช้ไปยังมวลชนของโลกนี้ {COL 336.1} COLTh 297.5
เราควรมองไปยังพระเยซูผู้ทรงเป็นแบบอย่างอันสมบูรณ์แบบ เราควรอธิษฐานทูลขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และโดยกำลังของพระองค์นี้ให้ฝึกอวัยวะทุกส่วนเพื่อพันธกิจนั้นจะสมบูรณ์ {COL 336.2} COLTh 298.1
สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ที่ทำงานรับใช้ในด้านการประกาศแก่ชุมนชน ศาสนาจารย์ทุกคน ครูทุกคนควรจดจำไว้เสมอว่า พวกเขากำลังประกาศให้ทุกคนรับทราบข่าวอันน่าสนใจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นนิรันดร์ ความจริงที่พวกเขาพูดจะตัดสินพวกเขาในวันพิพากษา สำหรับจิตวิญญาณของคนอีกจำนวนมากนั้น วิธีการเสนอข่าวจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะได้รับการยอมรับหรือการปฏิเสธ ฉะนั้นจงให้คำพูดทุกคำที่เปล่งออกมานั้นเป็นที่เรียกร้องให้เกิดความเข้าใจและสร้างความประทับใจให้เกิดแก่ผู้ฟัง ความสำคัญของการพูดเรียกร้องให้ต้องพูดอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำและขึงขังด้วยความจริงใจ {COL 336.3} COLTh 298.2
การฝึกฝนที่ถูกต้อง และการใช้อำนาจของการพูดมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานในทุกด้านของคริสเตียน ทั้งในชีวิตครอบครัวและเมื่อพบปะพูดคุยกับคนอื่นเราควรฝึกให้เกิดความเคยชินกับการพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง การใช้ภาษาที่บริสุทธิ์และถูกต้อง และคำพูดที่ประกอบด้วยความเมตตากรุณา มีมารยาทในการพูด อันความเมตตานั้นเปรียบได้กับน้ำค้างและละอองฝนที่ช่วยประพรมจิตวิญญาณ พระคัมภีร์บันทึกเรื่องราวของพระคริสต์ไว้ว่า พระคุณหลั่งจากพระโอษฐ์ของพระองค์เพื่อ “จะรู้จักการค้ำชูคือค้ำชูผู้อิดโรยด้วยถ้อยคำ” สดุดี 45:2 อิสยาห์ 50:4 และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ” โคโลสี 4:6 “เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน” เอเฟซัส 4:29 {COL 336.4} COLTh 298.3
เมื่อเราต้องการตักเตือนผู้อื่นก็ควรระวังการใช้คำพูดให้ดี คำพูดนั้นจะเป็นเช่นกลิ่นแห่งความตายซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นกลิ่นหอมแห่งชีวิตซึ่งนำไปสู่ชีวิต มีหลายคนเมื่อตักเตือนหรือให้คำแนะนำมักจะใช้คำพูดที่สร้างความเจ็บปวด วาจาที่รุนแรงเป็นคำพูดที่ไม่ได้ช่วยรักษาแผลทางจิตวิญญาณ โดยการใช้คำพูดที่ไม่ให้กำลังใจเช่นก่อให้เกิดความหดหู่ใจแก่ผู้ฟัง บางครั้งผู้ที่ได้ยินได้ฟังกลับยิ่งต่อต้านมากยิ่งขึ้น ผู้ที่ส่งเสริมหลักการแห่งความจริงจะต้องเป็นผู้ได้รับน้ำมันแห่งความรักจากสวรรค์ ผู้ให้คำแนะนำตักเตือนจะต้องพูดด้วยความรักในทุกสถานการณ์ ทุกกรณี และผลของคำพูดนั้นก็จะก่อให้เกิดการปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้น จะไม่ทำให้ผู้ฟังโกรธ พระเยซูคริสต์จะประทานกำลังและพลังผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่คือพระราชกิจของพระองค์ {COL 337.1} COLTh 299.1
อย่าปล่อยให้คำพูดแม้แต่คำเดียวออกจากปากอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ไม่ควรพูดใส่ร้ายผู้อื่น พูดเล่น ไม่เอาจริงเอาจัง ตลกคะนอง บ่นเสียใจหรือโอดครวญ อาจารย์เปาโลบันทึกภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า “อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากท่านทั้งหลาย” เอเฟซัส 4:29 การสนทนาที่ใช้ถ้อยคำหยาบคายไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราพูดในสิ่งที่ต่อต้านกับหลักธรรมที่บริสุทธิ์ไร้มลทิน รวมทั้งคำพูดที่ส่อไปในทางที่ไม่บริสุทธิ์และชี้ไปยังสิ่งที่ชั่วร้าย หากไม่รีบห้ามปรามให้หยุดการพูดเช่นนี้เสีย ก็จะนำไปสู่บาปที่ใหญ่หลวงยิ่งขึ้น {COL 337.2} COLTh 299.2
ทุกครอบครัว ทุกคนต่างก็ได้รับหน้าที่ในการขัดขวางคำพูดที่นำไปสู่ความชั่ว หากเราอยู่ในกลุ่มคนที่กำลังสนทนาในเรื่องที่ไร้สาระ เป็นหน้าที่ของเราที่จะเปลี่ยนเรื่องพูด หากสามารถทำได้โดยพระคุณของพระเจ้า เราควรหยุดพูดเสียหรือหาเรื่องอื่นมาพูดแทนเพื่อให้การสนทนาเป็นสื่อที่ก่อให้เกิดประโยชน์ {COL 337.3} COLTh 299.3
พ่อแม่มีหน้าที่ฝึกลูกๆ ให้มีนิสัยและการพูดที่ถูกต้อง โรงเรียนที่ดีที่สุดที่จะให้การอบรมเรื่องนี้ก็คือบ้าน เด็กควรได้รับการสอนให้พูดกับพ่อแม่และคนอื่นๆ ด้วยวาจาที่แสดงความเคารพและด้วยความรัก เด็กๆ ควรได้รับการสอนให้พูดและใช้คำพูดที่สุภาพจริงใจและบริสุทธิ์เท่านั้น ให้พ่อแม่เรียนรู้จากโรงเรียนของพระคริสต์ทุกวัน ด้วยคำสอนและแบบอย่าง พ่อแม่จะสอนบุตรได้ด้วย “คำพูดอันมีหลักซึ่งไม่มีผู้ใดจะตำหนิได้” ทิตัส 2:8 (TBS1971) นี่คือส่วนหนึ่งของหน้าที่อันสำคัญและยิ่งใหญ่ของพวกเขา {COL 337.4} COLTh 299.4
ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามพระคริสต์ เราควรให้คำพูดของเรามีส่วนช่วยและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันในการดำเนินชีวิตคริสเตียน สิ่งที่สำคัญกว่าการกระทำคือการพูดถึงบทเรียนอันมีคุณค่าจากประสบการณ์ในชีวิตของเรา พูดถึงพระเมตตาและความรัก ความกรุณาของพระเจ้า ความรักอันลึกซึ้งของพระผู้ช่วยให้รอด คำพูดของเราเป็นคำสรรเสริญและคำขอบพระคุณ หากความคิดและหัวใจของเราเต็มไปด้วยความรักของพระเจ้า ก็จะมีการแสดงออกในการสนทนา ไม่เป็นการยากอย่างใดเลยในการแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ความคิดที่ยิ่งใหญ่ ความมุ่งหวังในสิ่งที่สูงส่ง ความเข้าใจในสัจจะที่แจ่มชัด ความตั้งใจที่ไม่เห็นแก่ตัว ความปรารถนาในชีวิตที่เคร่งครัดในฝ่ายธรรมและชีวิตอันบริสุทธิ์จะเกิดผลออกมาทางคำพูด จะกลายเป็นพลังอำนาจในการนำจิตวิญญาณมาหาพระองค์ได้ {COL 338.1} COLTh 300.1
เราควรพูดถึงพระคริสต์ให้ผู้ที่ยังไม่รู้จักพระองค์ เราควรปฏิบัติตามแบบอย่างของพระคริสต์ ไม่ว่าพระองค์จะประทับอยู่ที่ใดก็ตาม จะเป็นในพระวิหาร ตามถนนหนทาง ในเรือที่ลอยอยู่ริมชายฝั่ง ในงานเลี้ยงของพวกฟาริสี หรือที่โต๊ะของคนเก็บภาษี พระองค์จะตรัสแต่เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตที่สูงส่ง พระองค์ทรงโยงเรื่องของธรรมชาติ เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันเข้ากับพระวจนะแห่งความจริง จิตใจของผู้ที่ได้ฟังนั้นมีความโน้มเอียงมาหาพระองค์เพราะพระองค์ทรงรักษาความเจ็บป่วย ปลอบประโลมเขาและทรงอุ้มเด็กๆ ไว้ในพระหัตถ์ ทรงอวยพรเด็กเหล่านั้น เมื่อพระองค์ทรงเริ่มตรัสทุกคนก็จะหันความสนใจมายังพระองค์ และคำพูดทุกคำก็เป็นเช่นกลิ่นหอมแห่งชีวิตซึ่งนำไปสู่ชีวิต {COL 338.2} COLTh 300.2
พวกเราก็ต้องทำอย่างนี้เช่นกัน ไม่ว่าเราจะอยู่แห่งใดก็ตาม เราต้องหาโอกาสพูดให้ผู้อื่นฟังถึงพระผู้ช่วยให้รอด หากเราปฏิบัติตามแบบอย่างของพระคริสต์ในการทำความดีแล้ว จิตใจของผู้ฟังก็จะเปิดออกรับพระองค์ อาจจะไม่เกิดขึ้นในทันที แต่ด้วยความรอบคอบ ด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความรักที่มาจากเบื้องบน เราจะบอกให้พวกเขาทราบว่าพระองค์ทรง “โดดเด่นท่ามกลางคนนับหมื่น” และทรงเป็นคน “ช่างน่าปรารถนา” เพลงซาโลมอน 5:10 , 16 นี่คืองานสูงส่งที่สุดที่เราสามารถใช้ของประทานในด้านการพูดซึ่งเป็นความสามารถที่ทรงโปรดประทานให้เราใช้ในการแนะนำให้โลกรู้จักพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงไถ่บาปของเราทั้งหลาย {COL 339.1} COLTh 300.3