สู่ยุคปฏิรูป
ขณะที่ความจริงของพระเจ้าถูกบดบังด้วยความมืดของศาสนาที่ ไม่ยึดมั่นในคำสอนของพระคัมภีร์ นักบวชหนุ่มชาวเยอรม้นซื่อ มาร์ติน ลูเธอร์ ได้ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้มืการปฏิรูปคริสตศาสนาเสียใหม่ เขาถูก ปฏิเสธและตราหน้าว่าเป็นพวก “โปรเตสแตนท์” (Protestant) ซึ่งหมายถึง พวกต่อด้านคริสตจักรที่มือำนาจทั้งการเมืองและการศาสนา พวกที่ต่อด้าน จึงถูกขับไล่ การปฏิรูปศาสนาจึงเกิดขึ้นเหมือนไฟลามทุ่ง ความจริงใน คำสอนของพระคัมภีร์ที่หายไปได้กลับคืนมาอีกครั้ง มีการแปลพระคัมภีร์ ออกมาเป็นภาษาที่สามัญซนอ่านได้ พิมพ์และจำหน่ายพระคัมภีร์อย่าง กว้างขวาง ตรงกันข้ามกับเมื่อสมัยถูกครอบงำด้วยศาสนาหลัก ผู้ใดมี พระคัมภีร์จะถูกลงโทษสถานหนัก ประชาชนหนมาศึกษาพระคัมภีร์อย่าง จริงจัง แสงสว่างของพระเจ้าได้เปิดตาใจของผู้ใฝ่รู้ ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิรูป ศาสนา จุดประกายการปฏิรูปชาติบ้านเมือง ประเทศที่ได้ร้บผลพวงของ การปฏิรูปศาสนาในยุโรป เจริญก้าวหน้าทางวิทยาการอย่างไม่เคยมี มาก่อน นำไปสู่ความมั่งคั่ง ศีลธรรมดีงาม และสังคมที่ดีขึ้น ด้งที่เราได้ เห็นในหลายประเทศขณะนี้ ล้วนได้ริบผลดีของการปฏิรูปศาสนา ขณะ เดียวกัน คริสตจักรใหญ่ที่สูญเสียอำนาจ ต้องการอำนาจกลับคืนเหมือน เติม จึงใช้วิธีการต่างๆ ทั้งวิธีทางการทูตและอำนาจทางทหาร การกดขี่ ข่มเหงอย่างรุนแรงจึงเกิดขึ้น คริสเตียนทำลายคริสเตียนด้วยก้นเอง เท่ากับมารซาตานได้ริบขัยชนะ ด้งคำพยากรณ์ “ทรงอนุญาตให้มันทำ สงครามกับบรรดาธรรมิกซนและชนะพวกเขา” (วิวรณ์ 13:7) GrHTh 9.1