บทที่ 12 - เหล่าสาวกของพระคริสต์
เหล่าสาวกได้ประกาศสั่งสอนออกพระนามพระผู้ช่วยให้รอดของโลกที่ทรงถูกตรึงที่กางเขนและทรงเป็นขึ้นมาด้วยมหิทธิฤทธิ์ พวกท่านเขาได้รักษาคนป่วย แม้แต่ผู้ที่เป็นง่อยมาตลอดก็ได้กลับคืนสภาพปกติสมบูรณ์ และได้เข้าไปในพระวิหารกับพวกท่านด้วย ต่างเดินไปกระโดดโลดเต้นไปและร้องสรรเสริญพระเจ้าท่ามกลางสายตาของประชาชนทั้งปวง ข่าวได้แพร่กระจายออกไปและประชาชนก็เริ่มเบียดเสียดกันล้อมรอบสาวกเหล่านั้น หลายคนวิ่งไปด้วยกันอย่างประหลาดใจและอัศจรรย์ใจยิ่งนักต่อการสำแดงรักษาGCTh 35.1
เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว บรรดาปุโรหิตใหญ่คิดว่าจะไม่มีปาฏิหาริย์สำแดงในท่ามกลางพวกท่านอีกแล้ว และคิดว่าความน่าตื่นเต้นก็จะตายลงไป และประชาชนก็คงจะหันกลับมาหาประเพณีต่าง ๆ ของมนุษย์อีกครั้ง แต่ดูเถิด ที่ท่ามกลางพวกเขานั่นเอง เหล่าสาวกกำลังทำการอัศจรรย์และเหล่าฝูงชนก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและจ้องมองพวกท่านด้วยอัศจรรย์ใจ พระเยซูก็ทรงถูกตรึงที่กางเขนแล้ว และพวกเขาก็สงสัยว่าเหล่าสาวกนั้นได้ฤทธิ์อำนาจนี้มาจากไหน เมื่อตอนที่พระองค์ทรงมีพระชนม์อยู่นั้นเขาทั้งหลายคิดว่าพระองค์ได้ทรงประทานอำนาจให้แก่สาวกของพระองค์ เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ พวกเขาก็คาดหวังว่าปาฏิหาริย์เหล่านั้นจะสิ้นสุดไปด้วย เปโตรเข้าใจความงุนงงของพวกเขา จึงกล่าวแก่พวกเขาว่า “ท่านชนชาติอิสราเอลทั้งหลาย ไฉนท่านพากันประหลาดใจด้วยเรื่องของคนนี้ เขม้นดูเราทำไมเล่า อย่างกับว่าเราทำให้คนนี้เดินได้โดยฤทธิ์หรือความชอบธรรมของเราเอง พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ คือพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา ได้ทรงโปรดประทานสง่าราศีแด่พระเยซูพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูผู้ซึ่งท่านทั้งหลายได้มอบไว้แล้ว และได้ปฏิเสธต่อหน้าปีลาด เมื่อปีลาดตั้งใจจะปล่อยพระองค์ไป แต่ท่านทั้งหลายได้ปฏิเสธพระองค์ ซึ่งเป็นองค์บริสุทธิ์และชอบธรรม และได้ขอให้เขาปล่อยผู้ฆ่าคนให้ท่านทั้งหลาย จึงฆ่าพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าชีวิตเสีย แต่พระเจ้าได้ทรงโปรดให้พระองค์เป็นขึ้นมาอีก เราเป็นพยานในเรื่องนี้” เปโตรได้บอกแก่พวกเขาว่ามันคือความเชื่อในพระเยซูนั่นเองที่ได้กระทำให้ชายคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นง่อยมาก่อนได้กลับสู่สภาพปกติสมบูรณ์GCTh 35.2
บรรดาปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่ทนฟังถ้อยคำเหล่านี้ไม่ได้ พวกเขาได้จับเหล่าสาวกและกักขังพวกท่านไว้ หากแต่นับพันคนได้หันกลับและเชื่อในการฟื้นคืนพระชนม์และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระคริสต์โดยได้ยินการเทศนาประกาศเพียงครั้งเดียวจากเหล่าสาวก บรรดาปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่ต่างเป็นทุกข์ใจ พวกเขาได้เข่นฆ่าพระเยซูด้วยหวังว่าประชาชนจะหันมาใส่ใจพวกเขา หากแต่ขณะนี้เรื่องราวกลับยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม พวกเขาถูกกล่าวหาจากเหล่าสาวกอย่างเปิดเผยว่าเป็นฆาตกรประหารพระบุตรของพระเจ้า และพวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะขยายกว้างขึ้นไปอีกเท่าใด หรือพวกเขาเองจะถูกมองว่าอย่างไรจากประชาชน พวกเขาอยากจะฆ่าเหล่าสาวกเสียให้ตาย แต่ก็ไม่กล้าด้วยกลัวว่าประชาชนจะเอาหินขว้างพวกเขา พวกเขาได้ใช้คนไปเรียกหาเหล่าสาวกผู้ได้ถูกนำเข้ามาต่อหน้าสภา เขาเหล่านั้นที่ได้เรียกร้องเอาพระโลหิตของพระผู้ทรงเที่ยงธรรมอย่างหื่นกระหายก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาได้ยินการปฏิเสธพระเยซูอย่างขี้ขลาดของเปโตร พร้อมกับการสบถและสาบาน ในขณะที่ท่านถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในเหล่าสาวกของพระองค์ พวกเขาคิดที่จะข่มขู่เปโตรให้กลัว แต่ตอนนี้ท่านได้หันกลับใจใหม่แล้ว ขณะนี้โอกาสหนึ่งได้มีให้แก่เปโตรแล้วที่จะยกย่องสรรเสริญพระเยซูขึ้น ครั้งหนึ่งท่านได้ปฏิเสธพระองค์ แต่ขณะนี้ท่านสามารถที่จะลบรอยด่างของการปฏิเสธอย่างขี้ขลาดและรีบร้อนในครั้งนั้นได้ และถวายเกียรติแด่พระนามที่ท่านปฏิเสธไปนั้น ไม่มีความขลาดกลัวใด ๆ ครอบครองหัวใจของเปโตรอีกแล้ว แต่เป็นความกล้าหาญอันบริสุทธิ์และในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านได้ประกาศแจ้งอย่างไม่เกรงกลัวแก่พวกเขาว่า “โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขน และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์ โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้ได้หายโรคเป็นปกติแล้วจึงยืนอยู่ต่อหน้าท่าน พระองค์เป็น “ศิลา” ที่ท่านทั้งหลายผู้เป็นช่างก่อได้ปฏิเสธเสีย ได้กลับกลายเป็นศิลามุมเอกแล้ว ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”GCTh 35.3
ประชาชนต่างพากันประหลาดใจในความกล้าหาญของเปโตรและยอห์น เขาทั้งหลายเข้าใจได้ว่าท่านทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู เพราะการปฏิบัติตัวอันสูงศักดิ์และไม่เกรงกลัวของพวกท่านนั้นเปรียบเทียบได้อย่างดีกับพระลักษณะท่าทางของพระเยซูครั้งพระองค์ทรงถูกฆาตกรของพระองค์ข่มเหง พระเยซูทรงตำหนิเปโตรหลังจากที่ท่านได้ปฏิเสธพระองค์ด้วยสายพระเนตรแห่งความสงสารและความโทมนัสเพียงครั้งเดียว และเวลานี้ในขณะที่ท่านยอมรับพระผู้เป็นเจ้าของท่านอย่างกล้าหาญนั้น เปโตรก็ได้เป็นที่รับรองและได้รับการอวยพระพร ท่านถูกสวมทับเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ถือเป็นเครื่องหมายสำแดงการเป็นที่ยอมรับของพระเยซูGCTh 36.1
บรรดาปุโรหิตใหญ่ไม่กล้าแสดงความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อท่านสาวกนั้น พวกเขาได้สั่งให้พวกท่านออกไปจากที่ประชุมสภา และพวกเขาได้ปรึกษากันในหมู่ของพวกเขาเองว่า “เราจะทำอย่างไรกับคนทั้งสองนี้ เพราะการที่เขาได้กระทำการอัศจรรย์อันเด่น ก็ได้ปรากฏแก่คนทั้งปวงที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มแล้ว และเราปฏิเสธไม่ได้” พวกเขากลัวว่าการงานอันดีนี้จะแพร่กระจายออกไป ถ้ามันได้เลื่องลือแพร่หลายออกไปล่ะก็ อำนาจของพวกเขาก็จะสูญสิ้นไป แล้วพวกเขาก็จะถูกมองว่าเป็นฆาตกรของพระเยซู ในบรรดาสิ่งทั้งปวงที่พวกเขากล้าที่จะทำก็คือ ข่มขู่พวกท่านและสั่งห้ามไม่ให้พวกท่านพูดอ้างชื่อของพระเยซูอีกเลย ไม่เช่นนั้นพวกท่านจะต้องตาย แต่เปโตรประกาศแจ้งอย่างกล้าหาญว่า พวกท่านจะต้องพูดถึงสิ่งที่พวกท่านได้เห็นและได้ยินมาGCTh 36.2
โดยฤทธานุภาพของพระเยซู เหล่าสาวกยังคงทำการรักษาทุกคนที่ได้รับความทุกข์ยากลำบากและคนป่วยที่ถูกนำเข้ามาหาพวกท่าน พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ร่วมมือกับพวกเขาต่างตื่นตระหนก คนนับร้อยได้ขึ้นทะเบียนกันเข้ามาในแต่ละวันให้มาอยู่ภายใต้ธงแห่งพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขน ทรงคืนพระชนม์และทรงเสด็จขึ้นสู่เบื้องบน พวกเขากักขังอัครสาวกไว้ในคุก และหวังว่าความตื่นเต้นนั้นจะคลายลงไป ซาตานได้โห่ร้องไชโยและพวกทูตสวรรค์ชั่วร้ายต่างปรีดาปราโมทย์ แต่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ถูกส่งมาเปิดประตูคุก และซึ่งตรงกันข้ามกับคำสั่งของพวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ ได้สั่งให้พวกท่านเข้าไปที่พระวิหาร และประกาศบรรดาข้อความแห่งชีวิตนี้ ที่ประชุมได้รวมตัวกันและใช้คนไปให้พานักโทษของพวกเขาออกมา เมื่อเจ้าพนักงานเปิดประตูคุกแล้ว แต่นักโทษที่พวกเขาตามหากลับอยู่ที่นั่นไม่ พวกเขากลับไปหาพวกปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่และรายงานว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นคุกปิดอยู่มั่นคงและคนเฝ้าก็ยืนอยู่หน้าประตู ครั้นเปิดประตูแล้วก็ไม่เห็นผู้ใดอยู่ข้างใน” มีคนหนึ่งมาบอกเขาว่า “ดูเถิด คนเหล่านั้น ซึ่งท่านทั้งหลายได้จำไว้ในคุกกำลังยืนสั่งสอนคนทั้งปวงอยู่ในพระวิหาร” แล้วนายทหารรักษาพระวิหารกับพวกเจ้าพนักงานจึงได้ไปพาพวกอัครสาวกมาโดยดี เพราะกลัวว่าคนทั้งปวงจะเอาหินขว้าง เมื่อเขาได้พาพวกท่านมาแล้วก็ให้ยืนหน้าสภา มหาปุโรหิตจึงถามพวกท่านว่า “เราได้กำชับพวกเจ้าอย่างแข็งแรงมิให้สอนออกชื่อนี้ ก็ดูเถิด เจ้าได้ให้คำสอนของเจ้าแพร่ไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม และปรารถนาให้ความผิดเนื่องด้วยโลหิตของผู้นั้นตกอยู่กับเรา”GCTh 36.3
พวกเขาเป็นพวกหน้าซื่อใจคดและรักคำสรรเสริญของมนุษย์มากกว่ารักพระเจ้า จิตใจของพวกเขาแข็งกระด้าง และกิจการประกอบด้วยฤทธิ์เดชอันสูงสุดของอัครสาวกเพียงแค่นั้นก็ทำให้พวกเขาเดือดดาลแล้ว พวกเขารู้ว่าถ้าเหล่าสาวกประกาศสอนออกพระนามของพระเยซู การตรึงที่กางเขน การคืนพระชนม์และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระองค์มันก็จะเป็นการตรึงความผิดฝังแน่นอยู่บนพวกเขา และประกาศว่าพวกเขาคือฆาตกรของพระองค์พวกเขาไม่ยินดีรับโลหิตของพระเยซูเหมือนเมื่อตอนที่พวกเขาร้องขึ้นอย่างแรงกล้าว่า “ให้โลหิตของเขาตกอยู่แก่เราทั้งบุตรของเราเถิด”GCTh 37.1
เหล่าอัครสาวกประกาศขึ้นอย่างกล้าหาญว่าพวกท่านจำต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ เปโตรกล่าวว่า “พระเยซูซึ่งท่านทั้งหลายได้ฆ่าเสียโดยแขวนไว้ที่ต้นไม้นั้น พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราได้ทรงบันดาลให้เป็นขึ้นมาใหม่ พระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์ไว้ด้วยพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ให้เป็นเจ้าชาย และองค์พระผู้ช่วยให้รอด เพื่อจะให้ชนอิสราเอลกลับใจใหม่ แล้วจะทรงโปรดยกความผิดบาปของเขา เราทั้งหลายจึงเป็นพยานของพระองค์ถึงเรื่องเหล่านี้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงประทานให้ทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์นั้นก็เป็นพยานด้วย” แล้วฆาตกรเหล่านั้นก็รู้สึกเดือดดาล พวกเขาปรารถนาที่จะให้มือของพวกเขาเปื้อนเลือดอีกครั้งโดยการเข่นฆ่าเหล่าอัครสาวก ในขณะที่เขาทั้งหลายกำลังวางแผนที่จะทำการนี้อยู่นั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจากพระเจ้าได้ถูกส่งให้มาดลใจกามาลิเอลให้แนะนำพวกหัวหน้าปุโรหิตและผู้ปกครองบ้านเมือง กามาลิเอลกล่าวว่า “จงปล่อยคนเหล่านี้ไปตามเรื่อง อย่าทำอะไรแก่เขาเลย เพราะว่าถ้าความคิดหรือกิจการนี้มาจากมนุษย์ก็จะล้มละลายไปเอง แต่ถ้ามาจากพระเจ้า ท่านทั้งหลายจะทำลายเสียก็ไม่ได้ เกลือกว่าท่านกลับจะเป็นผู้สู้รบกับพระเจ้า” ทูตสวรรค์ชั่วร้ายกำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือเหล่าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่เพื่อจะได้ฆ่าเหล่าอัครสาวกให้ตาย แต่พระเจ้าได้ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาป้องกันไว้ โดยให้มีเสียงหนึ่งเพื่อสนับสนุนเหล่าสาวกในระดับตำแหน่งของพวกปุโรหิตนั่นเองGCTh 37.2
ภารกิจของอัครสาวกยังไม่เสร็จสิ้นลง พวกท่านกำลังจะถูกพาไปยืนอยู่ต่อพระพักตร์กษัตริย์เพื่อเป็นพยานให้แก่พระนามของพระเยซู และเพื่อเป็นพยานยืนยันถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พวกท่านได้เห็นและได้ยิน แต่ก่อนที่พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่เหล่านี้จะปล่อยพวกท่านไปนั้น พวกเขาได้เฆี่ยนและกำชับไม่ให้พวกท่านออกพระนามของพระเยซูอีก พวกท่านจึงออกไปจากสภาด้วยสรรเสริญพระเจ้าที่เห็นว่าตนสมจะได้รับการหลู่เกียรติเพราะพระนามของพระองค์อันเป็นที่รักนั้น พวกท่านยังคงกระทำภารกิจต่อไปในการเทศนาที่ในพระวิหารและตามบ้านเรือนทุกหลังที่พวกท่านได้รับเชิญไป พระวจนะของพระเจ้าได้เติบโตและเพิ่มทวีคูณ ซาตานได้ปลุกปั่นให้บรรดาปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่จ้างวานทหารโรมันให้เป็นพยานเท็จใส่ร้ายว่าพวกสาวกได้มาลักเอาพระเยซูไปในขณะที่พวกเขานอนหลับอยู่ พวกเขาหวังว่าจะปกปิดข้อเท็จจริงได้โดยการโกหกนี้ แต่ดูเถิด สิ่งที่ผุดขึ้นมารอบตัวพวกเขานั้นเป็นหลักฐานอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู เหล่าสาวกประกาศอย่างกล้าหาญและเป็นพยานยืนยันถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พวกท่านได้เห็นและได้ยิน และโดยพระยามแห่งองค์พระเยซูพวกท่านได้กระทำการอัศจรรย์ด้วยฤทธิ์เดชต่าง ๆ พวกท่านได้วางพระโลหิตของพระเยซูลงบนคนเหล่านั้นอย่างกล้าหาญ ผู้ซึ่งเต็มใจยอมรับพระโลหิตนั้น เมื่อครั้งพวกเขาได้รับอนุญาตให้มีอำนาจเหนือพระบุตรของพระเจ้าGCTh 37.3
ข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่ถูกส่งมาประจำการเพื่อดูแลเป็นพิเศษและเฝ้ายามให้แก่ความจริงอันสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะเป็นดังหลักสมอที่จะคอยยึดเหนี่ยวเหล่าสาวกของพระคริสต์ในตลอดทุกยุคสมัยGCTh 37.4
พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงประทับเป็นพิเศษอยู่กับเหล่าอัครสาวก ผู้ที่ได้เป็นพยานเกี่ยวกับการตรึงกางเขน การคืนพระชนม์ และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซู - ความจริงอันสำคัญยิ่งซึ่งจะเป็นความหวังของอิสราเอล ทุกคนจะต้องมองไปที่พระผู้ช่วยให้รอดของโลกในฐานะที่เป็นความหวังเดียวของพวกเขา และดำเนินไปบนทางที่พระเยซูทรงเปิดไว้โดยการสละชีพของพระองค์เอง และรักษาพระราชบัญญัติของพระเจ้าและมีชีวิต ข้าพเจ้าได้เห็นพระสติปัญญาและความกรุณาของพระเยซูในการที่ทรงประทานฤทธิ์อำนาจให้แก่เหล่าสาวกเพื่อกระทำภารกิจเดียวกันต่อไป ซึ่งเป็นเหตุให้ชาวยิวเกลียดชังและเข่นฆ่าพระองค์ พวกท่านมีอำนาจที่ได้รับการประทานมาเหนือการงานต่าง ๆ ของซาตาน พวกท่านได้กระทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่าง ๆ โดยพระนามของพระเยซู ผู้ซึ่งถูกรังเกียจและถูกเข่นฆ่าด้วยน้ำมืออันชั่วร้าย รัศมีวงแหวนแห่งดวงสว่างและสง่าราศีได้ปกคลุมหนาทึบในช่วงเวลาแห่งความตายและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ทำให้ข้อเท็จจริงอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลกนั้นเป็นอมตะนิรันดร์กาลGCTh 37.5
โปรดดู กิจการของอัครทูต บทที่ 3-5GCTh 37.6