Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First
    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents

    ตามทางที่เป็นพื้นหิน

    “เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกในที่ดินซึ่งมีพื้นหินนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะแล้วก็รับทันทีด้วยความยินดี แต่ไม่มีรากลึกในตัวจึงทนอยู่ชั่วคราว และเมื่อเกิดการยากลำบาก หรือการข่มเหงต่างๆ เพราะพระวจนะนั้น เขาก็เลิกเสียในทันทีทันใด” มัทธิว 13:20-21 {COL 46.2}COLTh 21.2

    เมล็ดพืชที่หว่านตกลงบนที่มีหินเนื้อดินตื้น พืชนั้นงอกขึ้นเร็วแต่รากชอนไชผ่านก้อนหินเพื่อดูดซึมอาหารมาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ต่อมาไม่นานก็เหี่ยวเฉาไป คนจำนวนมากแสดงตนเป็นผู้รับเชื่อศาสนาจัดเป็นผู้ฟังประเภทพื้นดินที่มีหิน เหมือนเช่นก้อนหินที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน ความเห็นแก่ตัวของจิตใจตามธรรมชาติก็ซ่อนอยู่ใต้ความต้องการและความทะเยอทะยานอันดี ความรักตนเองไม่ได้ถูกควบคุม พวกเขามองไม่เห็นความผิดอย่างมหันต์ของบาปและจิตใจไม่ได้ถ่อมลงภายใต้ความรู้สึกผิด คนกลุ่มนี้รับเชื่อง่ายและดูเหมือนว่ากลับใจจริงๆ แต่พวกเขานับถือศาสนาเพียงผิวเผินเท่านั้น{COL 46.3}COLTh 21.3

    มนุษย์พลาดล้มไม่ใช่เพราะพวกเขายอมรับพระวจนะโดยเร็วหรือเพราะมีความชื่นชมยินดีในพระวจนะ ในทันทีที่มัทธิวได้ยินเสียงเรียกของพระผู้ช่วยให้รอด เขาลุกขึ้นละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ไป พระเจ้าทรงปรารถนาให้เรารับพระวจนะทันทีที่เข้ามาสู่จิตใจของเรา และการรับพระวจนะด้วยความยินดีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “ จะมีความชื่นชมยินดีในสวรรค์เรื่องคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่ ” ลูกา 15:7COLTh 21.4

    และมีความยินดีในจิตใจของผู้ที่เชื่อพระคริสต์ แต่ผู้ซึ่งอุปมากล่าวถึงว่าได้รับพระวจนะในทันใด ไม่ได้คำนึงถึงราคา เขาไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่พระวจนะของพระเจ้ากำหนดให้เขาทำ เขาไม่ได้นำพระวจนะมาส่องเทียบกับอุปนิสัยทั้งหมดในชีวิตของเขา และยอมเต็มใจให้พระวจนะเป็นผู้ควบคุม {COL 46.4}COLTh 22.1

    รากของพืชเจาะไชลึกลงสู่พื้นดินจนถูกปิดบังจากสายตาภายนอก เป็นส่วนหล่อเลี้ยงชีวิตของพืช เช่นเดียวกับชีวิตคริสเตียน เมื่อจิตวิญญาณเข้าสนิทกับพระคริสต์โดยความเชื่อที่มองด้วยตาไม่เห็น ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณก็ได้รับการหล่อเลี้ยง แต่ผู้ฟังแบบดินที่มีหินพึ่งในตนเองแทนที่จะพึ่งในพระคริสต์ พวกเขาวางใจในการประพฤติและความรู้สึกที่ดีของเขาเอง และเข้มแข็งในความชอบธรรมของตนเอง พวกเขาไม่เข้มแข็งในพระผู้เป็นเจ้าและพระกำลังอำนาจของพระองค์ คนเช่นนี้ “ไม่มีรากลึกในตัว” มัทธิว 13:21 เพราะเขาไม่ได้ติดสนิทกับพระคริสต์ {COL 47.1}COLTh 22.2

    ดวงอาทิตย์ร้อนแรงในฤดูร้อนที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและทำให้เมล็ดพืชเติบโตเต็มที่นั้นทำลายต้นพืชที่ไม่มีรากหยั่งลึก ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ “ ไม่มีรากลึกในตัว จึงทนอยู่ชั่วคราว ” แต่ “ เมื่อเกิดการยากลำบากหรือการข่มเหงต่างๆ เพราะพระวจนะนั้น เขาก็เลิกเสียในทันทีทันใด ” มัทธิว 13:21 มีคนจำนวนมากรับข่าวประเสริฐเพียงเพื่อเป็นวิถีที่จะหลบให้พ้นจากความทุกข์แทนที่จะเพื่อให้หลุดพ้นจากบาป พวกเขามีความชื่นชมยินดีเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเพราะคิดว่าศาสนาจะปลดเขาจากความยากลำบากและปัญหา เมื่อชีวิตยังคงราบรื่น พวกเขาก็ดูเหมือนเป็นคริสเตียนที่เสมอต้นเสมอปลาย แต่เมื่อมีการทดลองอย่างจริงจังเขาก็ล้มลง พวกเขารับคำติเตียนเพราะพระนามของพระคริสต์ไม่ได้ เมื่อพระวจนะของพระเจ้าเปิดเผยให้เห็นถึงบาปที่เขายังรักอยู่หรือต้องการให้เขารู้จักบังคับตัวเองหรือเสียสละ เขาก็รู้สึกขุ่นเคือง สำหรับเขาแล้วการจะเกิดความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ในชีวิตของตนเองกลายเป็นภาระมากเกินไป เขามองไปยังความทุกข์ยากลำบากและการทดสอบในปัจจุบันและลืมคิดถึงชีวิตนิรันดร์ในภายภาคหน้า ดังเช่นสาวกที่จากพระเยซูไป พวกเขาพร้อมที่จะกล่าวว่า “คำสอนเรื่องนี้ยากนักใครจะรับได้” ยอห์น 6:60 {COL 47.2}COLTh 22.3

    คนจำนวนมากอ้างว่าตนเป็นผู้รับใช้พระเจ้า แต่กลับไม่มีประสบการณ์ความรู้กับพระองค์ ความต้องการที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ของพวกเขาตั้งอยู่บนความประสงค์ของตนเอง ไม่ได้ตั้งอยู่บนรากฐานการกลับใจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความประพฤติของเขาไม่สอดคล้องกับบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาอ้างว่าได้รับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด แต่กลับขาดความเชื่อว่าพระองค์จะประทานกำลังให้พวกเขาเอาชนะบาป คนเหล่านี้ไม่มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงพระชนม์อยู่ และอุปนิสัยของพวกเขาก็มีความบกพร่องออกมาให้เห็น ซึ่งเป็นความบกพร่องทั้งที่เกิดจากทางพันธุกรรมและที่เกิดจากการสั่งสมมา {COL 48.1}COLTh 23.1

    เป็นเรื่องหนึ่งที่จะยอมรับว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสื่อตัวแทนทั่วไป และเป็นคนละเรื่องที่จะยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำหน้าที่ของการตักเตือนเชิญชวนให้กลับใจ หลายคนรู้สึกห่างเหินจากพระเจ้า ตระหนักถึงการตกเป็นทาสของตนเองและบาป พวกเขาลงแรงเพื่อปฏิรูปแต่ไม่นำตัวเองไปตรึงกางเขน พวกเขาไม่ยอมมอบถวายตนเองไว้ให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระคริสต์ แสวงหากำลังจากเบื้องบนเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พวกเขาไม่ยอมรับการปั้นแต่งให้เป็นไปตามพระลักษณะของพระเจ้า พวกเขาเพียงยอมรับโดยทั่วไปถึงความบกพร่องของตนแต่พวกเขาไม่ยอมที่จะละทิ้งบาปที่เฉพาะเจาะจง ทุกครั้งเมื่อกระทำผิด ธรรมชาติแห่งความเห็นแก่ตัวเดิมๆ ก็แข็งแกร่งขึ้น {COL 48.2}COLTh 23.2

    ความหวังเดียวสำหรับจิตวิญญาณเหล่านี้คือ การตระหนักด้วยตัวเองถึงความจริงของพระดำรัสของพระคริสต์ต่อนิโคเดมัสที่กล่าวว่า “ พวกท่านต้องเกิดใหม่ ” “ ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า ” ยอห์น 3:7, 3 {COL 48.3}COLTh 23.3

    ความบริสุทธิ์ที่แท้จริงคือการถวายทั้งตัวรับใช้พระราชกิจของพระเจ้า นี่คือเงื่อนไขการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่แท้จริง พระคริสต์ทรงเรียกหาการถวายทั้งตัว การรับใช้อย่างหมดใจ พระองค์ทรงประสงค์ให้เรามอบถวายใจ ความคิด จิตวิญญาณและพละกำลังทั้งหมดแก่พระองค์ จะต้องไม่ยึดมั่นในอัตตา ผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่เพื่อตัวเองไม่ได้เป็นคริสเตียน {COL 48.4}COLTh 23.4

    ความรักจะต้องเป็นหลักการของการประพฤติ ความรักเป็นหลักการพื้นฐานการปกครองของพระเจ้าในสวรรค์และบนโลก และสิ่งนี้จะต้องเป็นรากฐานแห่งอุปนิสัยของคริสเตียน เป็นสิ่งเดียวที่รักษาเขาให้มั่นคงอยู่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาเผชิญกับความทุกข์ยากและการทดลอง {COL 49.1}COLTh 24.1

    ความรักนั้นย่อมแสดงออกในการเสียสละ แผนการแห่งการไถ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเสียสละ เป็นการเสียสละที่ลึกและกว้างและสูงจนไม่สามารถวัดได้ พระคริสต์ประทานทุกสิ่งสำหรับเราและทุกคนที่ยอมรับพระองค์ก็พร้อมที่จะเสียสละทุกสิ่งเพื่อพระผู้ไถ่ให้รอดของพวกเขา การระลึกถึงการถวายเกียรติและพระสิริของพระองค์จะต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด {COL 49.2}COLTh 24.2

    ถ้าเรารักพระเยซูเราย่อมรักที่จะดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ ทูลถวายขอบคุณพระองค์และทำงานรับใช้พระองค์ ภาระจะเบา เพื่อเห็นแก่พระองค์ เราย่อมปรารถนาความเจ็บปวดและความยากลำบากและความเสียสละ เราย่อมมีความเห็นใจในพระประสงค์ของการนำความรอดมาสู่มวลมนุษย์ เราควรรู้สึกเช่นเดียวกับพระองค์ที่อยากเห็นจิตวิญญาณเหล่านั้นได้รับการช่วยเหลือ {COL 49.3}COLTh 24.3

    นี่คือศาสนาของพระคริสต์ สิ่งอื่นที่น้อยไปกว่านี้ย่อมเป็นการหลอกลวง ไม่มีทฤษฎีแห่งความจริงใดๆ หรือการแกล้งทำตัวให้ดูเหมือนว่าเป็นผู้ติดตามของพระคริสต์ที่จะช่วยจิตวิญญาณให้รอดได้ เราจะเป็นคนของพระคริสต์ไม่ได้จนกว่าเราจะมอบชีวิตทั้งหมดถวายพระองค์ การถวายจิตใจเพียงครึ่งเดียวของชีวิตคริสเตียน ทำให้มนุษย์มีความไม่มั่งคงในเป้าหมายและเปลี่ยนแปลงไปตามความปรารถนา ความพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อตัวเองและรับใช้พระคริสต์ในขณะเดียวกันทำให้บุคคลผู้นั้นกลายเป็นผู้ฟังที่มีหินมากบนดินและเขาจะทนไม่ได้เมื่อเกิดการทดสอบ {COL 50.1}COLTh 24.4

    Larger font
    Smaller font
    Copy
    Print
    Contents