พระเยซูทรงถ่อมพระองค์ลงเป็นผู้รับใช้

เมื่อเหล่าสาวกของพระเยซูเข้าไปในห้องชั้นบน จิต ใจของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ยูดานั่งใกล้พระ คริศต์ทางซ้ายมือ โยฮันนั่งอยู่ทางขวามือ ถ้ามีที่นั่งที่สูง สุด ยูดาก็ตั้งใจจะนั่งที่นั้นให้ได้ และเขาคิดว่าที่นั้นคือที่ๆ อยู่ถัดไปจากพระคริศต์ และยูดาเป็นผู้คิดทรยศต่อพระ เยซูCChTh 14.1

มีสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้พวกสาวกแก่งแย่งชิงดี กัน ในเวลามีงานเลี้ยงตามธรรมเนียมของพวกยิว ผู้รับ ใช้คนหนึ่งจะต้องเอาน้ำมาล้างเท้าให้แขกที่ได้รับเชิญมาใน งาน และในโอกาสนี้เขาได้จัดเตรียมเครื่องใช้สำหรับการ ล้างเท้าไว้พร้อม มีเหยือกน้ำ ชามอ่าง และผ้าสำหรับ เช็ดเท้า แต่ไม่มีผู้รับใช้ และพวกสาวกมีหน้าที่เป็นผู้ล้าง เท้า สาวกแต่ละคน ๆ ต่างมีใจเย่อหยิ่งถือดีและไม่มีใคร ยอมรับหน้าที่เป็นผู้รับใช้ ทุก ๆ คนแสดงท่าทางราวกับว่า เขาไม่มีอะไรที่จะต้องทำ การที่เขาอยู่เฉย ๆ ไม่ยอมทำ อะไรแสดงว่าเขาไม่ยอมถ่อมตัวลงCChTh 15.1

เหล่าสาวกไม่มีความตั้งใจที่จะรับใช้ซึ่งกันและกัน พระเยซูทรงรออยู่ครู่หนึ่งว่าเหล่าสาวกจะทำอะไรแล้วพระ องค์ผู้เป็นพระอาจารย์ผู้ประเสริฐได้ลุกขึ้นจากโต๊ะ พระ องค์ทรงถอดฉลององค์ชั้นนอกออก แล้วทรงหยิบผ้าเช็ด ตัวมาคาดเอวไว้ พวกสาวกเฝ้าดูด้วยความประหลาดใจ และสนใจ เขารอดูอยู่เงียบ ๆ ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป แล้วพระเยซูทรงรินน้ำใส่ชามอ่าง และเริ่มล้างเท้าให้ เหล่าสาวก แล้วเอาผ้าที่คาดเอวไว้เช็ดเท้าให้เขา การ การทำของพระเยซูช่วยให้เหล่าสาวกมองเห็นความผิดของ เขา พวกเหล่านั้นรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งและเขากลับรู้สึก ถ่อมใจลง เขาเข้าใจการกระทำที่พระเยซูทรงติเตียนเขา โดยมิได้ตรัสประการใดและทราบดีว่าพวกเขาได้กระทำผิด และรู้สึกเสียใจCChTh 15.2

โดนการกระทำเช่นนี้ พระเยซูได้แสดงความรักต่อ เหล่าสาวกของพระองค์ ความเห็นแก่ตัวของพวกเหล่านั้น ทำให้พระเยซูทรงเสียพระทัย แต่พระองค์มิได้ทรงโต้แย้ง กับเขาในการที่เขามีใจเย่อหยิ่งและไม่ยอมรับใช้ซึ่งกันและ กัน แทนที่จะทำเช่นนั้นพระองค์กลับวางแบบอย่างที่เขา จะไม่มีวันลืม ความรักที่พระองค์มีต่อเหล่าสาวกมิได้สูญ สิ้นไปได้ง่าย ๆ พระองค์ทรงทราบว่าพระบิดาทรงมอบ สารพัตรทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์มา จากพระเจ้าแล้วเสด็จกลับไปหาพระเจ้า พระองค์ทรงทราบ ดีว่าพระองค์เป็นพระเจ้า แต่พระองค์ได้ทรงถอดมงกุฎ และฉลององค์ของกษัตริย์ออกเสียและทรงถือกำเนิดเป็นผู้ รับใช้และยอมทำหน้าที่ของผู้รับใช้ CChTh 16.1

พระคริสต์ปรารถนาจะให้เหล่าสาวกของพระองค์เข้า ใจว่า แม้ว่าพระองค์ทรงล้างเท้าของเขา การกระทำเช่นนี้ ก็มิได้ทำให้พระองค์เสื่อมอำนาจลง “เจ้าเรียกเราว่าพระ อาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า เจ้าว่าดังนั้นก็ถูกแล้วเพราะ เราเป็นเช่นนั้น” และโดยเหตุที่พระองค์ทรงเป็นผู้มีฤทธา นุภาพยิ่งใหญ่ พระองค์ได้ทำให้พิธีถือศีลระลึกครั้งนี้มี ฤทธิ์อำนาจและมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครเคยได้ รับการยกย่องเชิดชูมากเท่าพระคริศต์ แม้กระนั้นพระองค์ ได้ถ่อมพระองค์ลงปฏิบัติหน้าที่ ๆ ต่ำต้อยที่สุด พระคริศต์ ได้ทรงวางแบบอย่างแห่งการถ่อมตัวลงไว้เพื่อพลไพร่ของ พระองค์จะไม่ถูกชักจูงให้หลงกระทำผิด เพราะเขามีความ เห็นแก่ตัวอยู่ในใจตามธรรมชาติของมนุษย์ พระเยซูไม่ ทรงยอมให้มนุษย์เป็นผู้จัดการในเรื่องนี้เอง พระองค์ทรง ถือว่าการอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสิ่งสำคัญ จนถึงกับยอม ถ่อมพระองค์ลงเป็นผู้รับใช้ของเหล่าสาวกของพระองค์ทั้งๆ ที่พระองค์มีฐานะเท่าเทียมพระเจ้า ขณะที่เหล่าสาวกแก่ง แย่งกันจะนั่งในที่สูงสุด พระองค์ผู้ซึ่งมนุษย์ทุก ๆ คนจะ ต้องคุกเข่าลงกราบไหว้นมัสการ… พระองค์ผู้ที่เหล่าทูต สวรรค์ยอมปรนนิบัติรับใช้ ได้คุกเข่าลงล้างเท้าของเหล่า สาวกที่เรียกว่าพระองค์ว่าพระอาจารย์ พระองค์ทรงล้าง เท้าของผู้ที่มอบพระองค์ไว้CChTh 16.2

ภายหลังที่ได้ทรงล้างเท้าของเหล่าสาวกแล้ว พระ องค์ตรัสว่า “ด้วยว่าเราได้วางแบบอย่างให้แก่ท่านทั้ง หลายแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนที่เราได้กระทำแก่ท่าน” (โยฮันบท 13:15)CChTh 18.1

ในถ้อยคำเหล่านี้ พระคริศต์มิใช่แต่เพียงตักเตือนสั่ง สอนให้เหล่าสาวกมีใจเอื้อเฟื้อต่อกันและกันเท่านั้น พระ องค์ยังทรงปรารถนาจะให้เขาทราบความหมายของพิธีถือศีล ระลึกอีกด้วย การล้างเท้าในพิธีนี้ มีความหมายลึกซึ้งยิ่ง กว่าการชำระล้างฝุ่นละอองที่ติดเท้าของผู้เดินทาง ในที่นี้ พระคริศต์ได้จัดตั้งพิธีทางฝ่ายศาสนาขึ้น โดยการกระทำ ของพระเยซูคริศต์ พิธีล้างเท้าซึ่งถือกันว่าเป็นสิ่งที่ต่ำต้อย ได้ตั้งขึ้นไว้เป็นพิธีทางฝ่ายศาสนาในคริศต์จักร เหล่าสาวก จะต้องประกอบพิธีถือศีลระลึกนี้ เพื่อเขาจะได้ระลึกถึง บทเรียนที่พระเยซูทรงสอนเขาให้มีใจถ่อมลง และยอม ปรนนิบัติรับใช้ซึ่งกันและกันCChTh 18.2