Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

บหัศจรรย์แห่อการรักษา

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    บทกี่ 3 - ความสับพนธ์ กับธรรมชาติแล:พร:เจ้า

    ชีวิตของพระผู้ช่วยให้รอดในโลกนี้เป็นชีวิตที่มีความส้มพันธโกล้ชิด กับธรรมชาติและพระเจ้า ในความผูกพันนี้พระองค์ทรงเผยแก่เราถึงความ ลี้ลับแห่ง,ชีวิตที่ประกอบด้วยฤทธิ้อำนาจ {MH 51.1}MHTh 46.1

    พระเยซูทรงเป็นผู้ปฏิบ้ตงานที่มีพระทัยมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนแปลง ใน บรรดามนุษย์ทั้งหลายนั้นยังไม่เคยมีผู้โดที่ต้องรับผิดชอบมากเท่ากับพระองค์ ไม่มีผู้!ดที่ต้องรับภาระหนักของความทุกข์โศกและความผิดบาปอันยิ่งใหญ่ ของโลกไว้มากมายเช่นนี้ ไม่มีผู้!ดอีกแล้วที่ต้องเหนื่อยยากตรากตรำด้วย ความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของมนุษย์ ถึงกระนั้น พระองค์ยังมีพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ทรง เปรียบเสมือนด้งลูกแกะที่ถูกนำไปเป็นเครื่องถวายบูชา เป็น “ลูกแกะที่ ปราศจากตำหนิหรือจุดด่าง,, 1 เปโตร 1:19 ทั้งร่างกายและจิตใจของ พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่พระเจ้าทรงมุ่งหมายที่จะให้บรรดามนุษย์โดย การเชื่อฟังและประพฤติตามพระบ้ญญติของพระองค์{MH 51.2}MHTh 46.2

    เมื่อมนุษย์มองไปยังพระเยซู พวกเขาเห็นพระพกตร์ที่เปียมด้วย พระกรุณาผสานกับฤทธิ้อำนาจแห่งการหยั่งรูของพระเจ้า เสมือนหนึ่งว่า มีบรรยากาศของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่ห้อมล้อมพระองค6ไว้ แม้ว่าในขณะ ที่พระองค์มีพระลักษณะที่สุภาพอ่อนโยนและถ่อมพระองค์ พระองค์ยังทรง สร้างศวามประทับใจแก่ผู้คนที่จะโน้มน้าวจิตใจของมนุษย์ได้ด้วยแรงรู้สึก ถึงฤทธิ้อำนาจที่ทรงปิดซ่อนอยู่ในพระองค์ไว้ ถึงกระนั้นก็มิอาจปิดบงไว้ ทั้งหมด {MH 51.3}MHTh 47.1

    ในระหว่างที่พระองค์ทรงกำลังปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์อยู่นั้น มีคนเจ้าเล่ห์และคนหน้าซื่อใจคดที่เฝัาติดตามเพื่อปองร้ายพระองค์ คน สอดแนมคอยสะกดรอยตามพระองค์ว่า พระองค์จะตรัสอย่างไรเพื่อหา โอกาสจับผิดพระองค์ บรรดาผู้ที่มีความฉลาดหลักแหลมและผู้คงแก่เรียน ของบ้านเมืองคอยหาทางโต้แย้งปัญญาเพื่อเอาชนะพระองค์ แต่พวกเขา เอาชนะพระองค์ไม่ได้ต่างต้องล่าถอยไปจากสถานที่เกิดการโต้แย้ง พวก เขางุนงงสับสน และอับอายต่อครูผู้ตาต้อยชาวกาลิลีท่านนี้ คำสอนของ พระคริสต์เป็นสิ่งใหม่และมีฤทธิ้อำนาจที่ไม่มีมนุษย์ผู้ไดเคยไดยินได้ฟังมา ก่อน แม้แต่ศัตรูของพระองค์ยังจำนนสารภาพว่า “ไม่เคยมีฝูใดพูดเหมือน คนนั้นเลย” ยอห์น 7:46 {MH 51.4}MHTh 47.2

    ช่วงวัยเยาว์ของพระเยซู พระองค์ทรงดำรงชีวิตด้วยความยากจน แต่พระอุปนิสัยของพระองค์มีได้ด่างพร้อยไปกับยุคสม้ยที่เสิ่อมทราม พระ- องค์ทรงท่างานอยู่ที่โต๊ะของช่างไม้ ทรงรับภาระอันหนักภายในบ้าน ได้ เรียนรู้ถึงบทเรียนของการเชื่อฟังและความเหนื่อยยาก พระองค์ทรงพก ผ่อนหย่อนพระทัยท่ามกลางทัศนียภาพของธรรมชาติ ทรงแสวงหาความ รู้โดยพยายามท่าความเข้าใจถึงความลี้ลับของธรรมชาติ ทรงศึกษาพระ วจนะของพระเจ้า เวลาที่พระองค์มีความสุขมากที่สุดก็คือ เมื่อทรงหยุดพัก จากการงานและหันไปยังท้องทุ่งเพื่อสำรวมพระทัยในหุบเขาอันเงียบสงัด เพื่อสนทนากับพระเจ้าบนเนินเขาหรือท่ามกลางแมกไม่ในป่า บ่อยครั้งใน ยามเข้าตรู่ พระองค์จะประทับอยู่ในสถานที่อันเงียบสงบ เพื่อสำรวมพระทัย และทรงค้นข้อความในพระคัมภีร์หรือทรงอธิษฐานอ้อนวอน พระสุรเสียง ของพระองค์ต้อนรับแสงอรุณในวันใหม่ ด้วยบทเพลงแห่งการโมทนาพระ- คุณพระเจ้า พระองค์ทรงกระทำให้เวลาที่พระองค์ทรงทำงานได้มีพระทัย เบิกบานและทรงนำความปีติยินดีของสวรรค์มาสู่ผู้ที่ต้องลำบากตรากตรำ และท้อแท้สิ้นหวัง {MH 52.1}MHTh 47.3

    ในระหว่างที่พระเยซูทรงปฏิบัติพระราชกิจ พระองค์ทรงใช้เวลา ส่วนใหญ่อยู่นอกบ้าน ทรงย่างพระบาทเสด็จไปยังที่ต่างๆ และพระองค์ทรง สั่งสอนในที่กลางแจ้งเป็นส่วนใหญ่ ในการสั่งสอนสาวก บ่อยครั้งพระองค์ เสด็จออกจากเมืองเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายไปยังท้องทุ่งที่สงบเงียบเพราะ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะสั่งสอนพวกเขาให้เกิดความเข้าใจและเพื่อให้ สอดคล้องกับบทเรียนแห่งชีวิตที่เรียบง่ายให้มีความเชื่อและรู้จักบ้งคับใจ ของตนเอง ภายใต้ร่มเงาของแมกไม้บนเนินเขาอ้นไม่ไกลจากทะเลสาบ กาลิลี สถานที่แห่งนี้พระองค์ทรงแต่งตั้งชายสิบสองคนให้เป็นอัครสาวก และทรงแสดงปฐมเทศนาที่นี่ {MH 52.2}MHTh 48.1

    พระคริสต์ทรงพอพระทัยที่จะให้ฝูงชนมาห้อมล้อมพระองค์ภายใต้ ท้องฟ้าสิคราม บนเนินเขาอันเขียวขจี หรือบนริมฝังทะเลสาบ ด้วยสภาพ ที่ห้อมล้อมด้วยสรรพสิ่งที่มาจากพระหัตถกิจแห่งการทรงสร้างของพระองค์ นี้ พระองค์ทรงชักจูงจิตใจของพวกเขาจากสิ่งที่มนุษย์ใต้สร้างขึ้นไปหา ธรรมชาติ ความเจริญงอกงามของธรรมชาติส่าแดงถึงหล้กการแห่งอาณา- จักรของพระองค์ เมื่อมนุษย์แหงนหน้าขึ้นมองดูบรรดาภูเขาของพระเจ้า และสังเกตเห็นถึงมหกิจแห่งพระหัตถ์ของพระองค์นั้น พวกเขาจะได้เรียน รู้บทเรียนแห่งความจริงอันประเสริฐของพระเจ้าในกาลภายหน้า สรรพสิ่ง ในธรรมชาติจะยํ้าเตือนให้ระลึกถึงบทเรียนของพระอาจารย์ได็อก จิตใจ ของเขาก็จะมีความปีติยินดีและได้รับการพักผ่อน {MH 54.1}MHTh 48.2

    หลายครั้งที่พระเยซูทรงให้พวกสาวกที่ร่วมปฏิบ้ติงานในพระราชกิจ ของพระองค์หยุดพักบ้าง เพื่อกล้บไปเยี่ยมครอบครัวและพักผ่อน แต่ ความพยายามของพวกสาวกที่จะให้พระองค์ใต้หยุดพักจากพระราชกิจนั้น ไม่เป็นผลแต่อย่างใด พระองค์ทรงให้การรักษาพยาบาลแก่ฝูงชนที่เข้ามา เฝืาพระองค์ตลอดทั้งวันและในเวลาใกล้คาหรือในยามเช้าตรู่ พระองค์จะ เสด็จไปยังที่สงัดบนภูเขาเพื่อสนทนากับพระบิดาของพระองค์ {MH 55.1}MHTh 48.3

    บ่อยครั้ง ในการปฏิป้ตพระราชกิจโดยไม่หยุดหย่อนและความขัด แย้งกับเหล่ารับบิที่ตั้งตัวเป็นศัตรูและสั่งสอนอย่างผิด ๆ ทำให้พระองค์ทรง เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ายิ่งนัก จนมารดาและพี่น้องและแม้แต่กระทั้งเหล่า สาวกของพระองค์ต่างกลัวว่าพระองค์อาจเสียชีวิตไปก่อน แต่เมื่อพระองค์ เสด็จกลับจากการอธิษฐานเป็นชั่วโมงที่ปิดท้ายการทำงานหนักตลอดวัน พวกเขาสังเกตว่าพระพักตร็ของพระองค์ดูสุขสงบ สดชื่น มีชีวิตชีวาและ มีกำลังวังชา เสมือนว่าแผ่ซ่านไปทั้งวรกายของพระองค์ เมื่อพระองค์เสด็จ กลับมาจากการใช้เวลาอยู่กับพระเจ้าตามลำพังเช่นนี้ จึงทรงพร้อมที่จะนำ แสงสว่างจากสวรรค์มาประทานให้แก่มนุษย์ใต้ทุกวัน {MH 55.2}MHTh 49.1

    เมื่อสาวกกลับจากการประกาศศาสนาในครั้งแรก พระเยซูทรง รับสั่งพวกเขาให้ใต้แยกตัวออกมาจากฝูงชน เพี่อจะได้หยุดพักสักระยะหนึ่ง พวกสาวกได้กลับมาด้วยความชื่นชมยินดีกับผลสำเร็จในการประกาศพระ กิตติคุณประเสริฐ แต่เมื่อได้รับข่าวว่ายอห์นผูให้รับบัพติศมาได้สิ้นชีพ แล้วตามคำสั่งของกษัตริย์เฮโรด เป็นความโศกเศร้าที่ขมขื่นใจและผิดหวัง พระเยซูทรงทราบดีว่าการที่ปล่อยให้ยอห์นผูให้รับบัพติศมาต้องตายอยู่ใน คุกนั้น เป็นการทดสอบความเชื่อของเหล่าสาวกอย่างรุนแรง พระองค์ทรง ทอดพระเนตรลูใบหน้าอันโศกเศร้าที่อาบด้วยนํ้าตาของเหล่าสาวกด้วย พระทัยที่เปียมด้วยความเมตตาสงสาร พระเนตรและพระสุรเสียงของ พระองค์ทรงคลอด้วยนํ้าตา ขณะที่พระองค์ตรัสว่า “ ท่านทั้งหลายจงแยก ตัวไปหาที่เปลี่ยวหยุดพกหายเหนื่อยสักหน่อย” มาระโก 6:31 {MH 56.1}MHTh 49.2

    ใกล้เมืองเบธไซดาทางทิศเหนือของทะเลสาบกาลิลี มีสถานที่ๆ เงียบ สงัดอยู่แห่งหนึ่งที่งดงามอุดมด้วยพฤกษานานาพันธุในฤดูใบไม้ผลิ ที่ได้ มอบคำเชื้อเชิญให้พระเยซูและเหล่าสาวกได้พักผ่อนในช่วงเวลาที่เงียบสงบ พวกเขาได้ลงเรือข้ามทะเลสาบเพี่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งนี้เพี่อจะได้ หยุดพักผ่อนบ้างและแยกไปจากความวุ่นวายของฝูงชน ณ ที่แห่งนี้ที่พวก สาวกจะได้ฟังพระดำรัสของพระคริสต์โดยที่ไม่ต้องถูกรบกวนจากจากคำ เย้ยหยันและกล่าวโทษจากพวกฟาริสี ที่นี้อีกเช่นกัน ที่พวกเขาหวังที่จะได้ เบิกบานใจที่ได้ร่วมสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาสัก ระยะหนึ่งได้ {MH 56.2}MHTh 49.3

    พระเยซูทรงมีเวลาอยู่กับเหล่าสาวกที่พระองค์ทรงรักตามลำพังแต่ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เป็นชั่วขณะที่สุดแสนประเสริฐสำหรับพวกเขาเสีย เหลือเกิน เขาสนทนากันถึงกิจการในการประกาศข่าวประเสริฐและการที่ จะดำเนินงานให้เกิดประสีทธิภาพให้มากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะสามารถเข้าถึง ประชาชนได้ เมื่อพระเยซูทรงเปิดคลังสมบติแห่งความจริงให้แก่พวกเขา พวกเขาจึงได้รับกำลังด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้าอีกทั้งยังได้รับแรง บันดาลใจแห่งความหวังและความกล้าหาญ {MH 56.3}MHTh 50.1

    แต่ไม่นานต่อมา ฝูงชนก็ตามมาหาพระองค์อีก พวกเขาคิดว่าพระ- องค์คงจะเสด็จไปยังสถานที่ๆ พระองค์ทรงเคยไปพักผ่อน ความหวังของ พระองค์ที่จะได้พักผ่อนแม้สักชั่วโมงเดียวจึงเป็นอันต้องหมดสิ้นไป แต่ ภายในส่วนลึกของพระหทัยของพระองค์ที่ใสบริสุทธึ๋และเปียมด้วยพระทัย กรุณา ผู้เลี้ยงแกะที่ดีนั้นย่อมมีแต่เพียงความรักและความเมตตาสงสารให้ แก่จิตวิญญาณที่กระวนกระวายและหิวกระหายเหล่านี้และแสวงหาที่จะได้ รับการพักผ่อน ตลอดทั้งวันพระองค์ทรงช่วยเหลือและทรงให้การรักษา พยาบาลคนป่วยเจ็บ ส่วนในตอนคา พระองค์ตรัสบอกให้พวกเขาได้กลับ ไปพักผ่อนยังที่บ้านของเขา {MH 57.1}MHTh 50.2

    พระผู้ช่วยให้รอดทรงอุทิศทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ ให้แก่ผู้อื่น พระองค์ทรงทราบถึงความจำเป็นที่พระองค์จะต้องหันไปจาก การงานที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดและต้องเข้าถึงความต้องการของมนุษย์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงพักผ่อนและได้ติดต่อสนทนากับพระบิดาโดยไม่ลูก รบกวน เมื่อฝูงชนที่ติดตามพระองค์ใต้จากไปแล้ว พระองค์เสด็จไปยัง ภูเขา และที่นั่นพระองค์ทรงอยู่ร่วมกับพระเจ้าตามลำพัง พระองค์ทรงเท พระวิญญาณของพระองค์ลงในคำอธิษฐานเพื่อคนทั้งหลายที่กำลังเจ็บป่วย ทุกข์ทรมาน ตกอย่ในบาปและยากจนขัดสน {MH 58.1}MHTh 50.3

    เมื่อพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า การเก็บเกี่ยวนั้นยิ่ง ใหญ่นักแต่คนงานยังมีน้อย พระองค์มิได้ทรงเร่งรัดสนับสนุนให้พวกเขา ต้องตรากตรำทำงานโดยไม่รู้จักหยุดหย่อน แต่ทรงรับสั่งว่า “จงอ้อนวอน พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์, ม่ทธิว 9:38 พระองค์ตรัสด้วยพระทัยกรุณากับผู้รับใช้ของพระองค์ที่ต้อง ตรากตรำทำงานหนักในทุกวันนี้เหมือนดังเช่นที่ตรัสกับเหล่าสาวกกลุ่มแรก ของพระองค์ว่า “จงไปหาที่เปลี่ยวหยุดพักหายเหนื่อยสักหน่อยหนึ่ง,, มาระโก 6:31 {MH 58.2}MHTh 51.1

    คนทั้งหลายที่อยู่ภายใต้การฝืกฝนอบรมจากพระเจ้าจะต้องการ เวลาที่สงบเพื่อไดใคร่ครวญกับตนเอง ได้สัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และติดต่อสนทนากับพระเจ้า เขาจะต้องสำแดงชีวิตที่มืได้ประพฤติตามผู้ ที่อยู่ในฝ่ายโลก ตามขนบธรรมเนียม หรือวิธีปฏิบ้ติตามอย่างโลก และ เขาจะต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวที่จะไต้เข้าใจถึงนํ้าพระทัยของพระเจ้า เราจะต้องสด้บฟังสิ่งที่พระองค์ตรัสกับจิตใจของเราเป็นการส่วนตัว เมื่อ เสียงอื่นๆ ทุกเสียงได้เงียบลงและเราได้เฝืารออยู่ที่เบื้องพระพักตร์ของ พระองค์อย่างสงบ จิตวิญญาณที่สงบนิ่งย่อมจะทำให้เราไดยินพระสุรเสียง ของพระเจ้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น พระองค์ทรงรับสั่งกับเราว่า “จงนึ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า,, สดุดี 46:10 นี้คือ การเตรียมตัวที่ได้ผล ส่าหรับการปฏิบัติงานทั้งหลายของพระเจ้า ในท่ามกลางฝูงชนที่กำลัง เร่งรีบและการงานในชีวิตที่เคร่งเครียด โดยประการฉะนี้ผู้ที่ถูกห้อมล้อม ไว้ด้วยบรรยากาศของแสงสว่างและความสงบสุขจากพระเจ้า จึงได้รับ ความสดชื่นและเขาจะได้รับกำลังกายและกำลังสติปัญญาที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น ชีวิตของเขาจะได้ส่งกลิ่นหอมให้กำจายออกไปและจะได้ส่าแดงให้เห็นถึง ฤทธิ้อำนาจของพระเจ้าที่จะเข้าถึงจิตใจของมนุษย์ทั้งปวงได้ {MH 58.3}MHTh 51.2

    *****