Loading...
Larger font
Smaller font
Copy
Print
Contents

บหัศจรรย์แห่อการรักษา

 - Contents
  • Results
  • Related
  • Featured
No results found for: "".
  • Weighted Relevancy
  • Content Sequence
  • Relevancy
  • Earliest First
  • Latest First

    การคนกวาเพอไห่กราบกีงควาบลีกลับของพระเจา

    “สิ่งลี้ลับทั้งปวงเป็นของพระยาห์เวห์พระเจาของเราทั้งหลาย แต่ สิ่งที่ทรงสำแดงนั้นเป็นของเราทั้งหลายและของลูกหลานของเราเป็นนิตย์ เพื่อเราจะทำตามถ้อยคำทั้งสิ้นของธรรมบัญญ้ตินี้’’ เฉลยธรรมบัญญัติ 29:29 (THSV) พระวจะของพระเจ้าที่ทรงส่าแดงพระองค์ให้ปรากฏนั้น มีไว้เพื่อให้เราเรียนรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถจะแสวงหาเพื่อความเข้าใจ แต่ สิ่งที่นอกเหนือไปจากนี้ เราต้องไม่ถือสิทธิเข้าไปล่วงลํ้า ผู้ที่มีสติปัญญา ลํ้าเลิศที่สุด แม้ต้องใช้ความพยายามจนเหนื่อยล้าก็มิอาจที่จะหยั่งรู้ถึง สภาพของพระเจ้าไต้อย่างหมดสิ้น และความพยายามก็ไร้ผล ปริศนานี้ ไม่ใช่มีไวให้มนุษย์หาคำตอบ ไม่มีสมองของมนุษย์คนใดจะเข้าใจถึง พระเจ้าไดในทุกประการ เป็นการเปล่าประโยชน์ที่มนุษย์จะวุ่นวายอยู่กับ การคาดเดาถึงลักษณะของพระเจ้า การนิ่งเงียบโดยเก็บความลึกลับของ พระเจ้าไว้ในจิตใจของเราแทน ย่อมอธิบายถึงพระองค์ไต้เหมาะสม กว่า พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญทรงอยู่เหนือคำอภิปรายใดๆ {MH 429.1}MHTh 477.2

    แม้แต่เหล่าทูตสวรรค์ก็ยังไม่ไต้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการปรึกษา หารือระหว่างพระบิดาและพระบุตร เมื่อครั้นที่พระองค์ทรงกำหนดแผนการ แห่งการช่วยให้รอด ดังนั้น มนุษย์จึงไม่ควรเข้าไปล่วงลํ้าในสิ่งที่เป็นความ ลับขององค์ผู้สูงสุด เรายังมีความไม่เข้าใจอีกมากมายในเรื่องที่เกี่ยวกับ พระเจ้าเหมือนดังเช่นเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่ประสีประสาในสิ่งใด แต่เราจะรัก และเชื่อฟังพระองค์เหมือนดังเช่นเด็กๆ ไต้ แทนที่เราจะพยายามคาดเดา ถึงลักษณะหรือพระราชอำนาจของพระองค์ เราควรเชื่อฟังพระวจนะที่ พระองค์ใต้ตรัสไว้ว่าMHTh 478.1

    “ท่านจะหยั่งรู้สภาพของพระเจ้าได้หรือ
    ท่านหยั่งรู้องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้หมดหรือ
    นั่นสูงกว่าฟ้าสวรรค์ ท่านจะทำอะไรได้
    ลึกกว่าแดนคนตาย ท่านจะทราบอะไรได้
    วัดดูก็ยาวกว่าโลก
    และกว้างกว่าทะเล”

    “แต่จะพบพระปัญญาที่ไหน
    และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน
    มนุษย์ไม่รู้จักค่าของพระปัญญา
    และในแผ่นดินของคนเป็นก็หาไม่พบ
    บาดาลพูดว่า ที่ข้าไม่ปี และทะเลกล่าวว่า ไม่อยู่กับข้า
    จะเอาทองคำซื้อก็ไม่ได้
    และจ ะชั่งเงินให้ตามราคาก็ไม่ได้
    จะตีราคาเป็นทองคำโอฟีร์ก็ไม่ได้
    หรือเป็นโกเมนหรือแก้วไพฑูรย์ประเสริฐก็ไม่ได้
    จะเทียบเท่าทองคำและแก้วก็ไม่ได้
    หรือจะแลกกับเครื่องทองคำนพคุณก็ไม่ได้
    อย่าเอ่ยถึงปะการังและแก้วผลึกเลย
    ค่าของพระปัญญาสูงกว่ามุกดา
    บุษราคัมนํ้าอ่อนแห่งเมืองเอธิโอเปีย
    ก็เปรียบกับพระปัญญาไม่ได้
    หรือจะตีราคาเป็นทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่ไต้
    ดังนั้นพระปัญญามาจากไหนเล่า
    และที่ของความเข้าใจอยู่ที่ไหน...
    แดนพินาศและมัจจุราชกล่าวว่า
    เราได้ยินเสียงลือเรื่องพระปัญญากับหูของเรา
    พระเจ้าทรงทราบทางไปหาพระปัญญานั้น
    และพระองค์ทรงทราบที่อยู่ของพระปัญญาด้วย

    “เพราะพระองค์ทอดพระเนตรไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก
    และทรงเห็นทุกสิ่งที่ใต้ฟ้าสวรรค์ เมื่อพระองค์ทรงสร้างกฎให้ฝน
    และสร้างทางไว้ให้แสงแลบของฟ้าผ่า
    แล้วพระองค์ทอดพระเนตรพระปัญญา
    และทรงขันสูตรทรงสถาปนา ไว้และทรงวิจัย
    และพระองค์ตรัสกับมนุษย์ว่า ‘ดูเถิด ความยำเกรงพระเจ้า
    นั้นแหละคือพระปัญญาและที่จะหันจากความชั่ว คือความเข้าใจ”
    MHTh 478.2

    โยบ 1 1:7-9; 28:12-28 {MH 429.2}

    แม้ว่าเราจะค้นหาในทุกซอกทุกมุมของแผ่นดินโลกหรือพยายาม อย่างไร้ผลที่จะล่วงลํ้าเข้าไปยังความลึกลับของพระเจ้า เราก็มิอาจที่จะพบ สติปัญญา เราจะพบสติปัญญาได้ก็ต่อเมื่อเราถ่อมใจยอมรับในสิ่งที่พระเจ้า ทรงโปรดสำแดงให้ปรากฏแก่เราตามที่พระองค์ทรงพอพระทัยและดำเนิน ชีวิตด้วยการปฏิบัติตามนํ้าพระทัยของพระองค์เท่านั้น {MH 431.1}MHTh 480.1

    มนุษย์ผู้มีสติปัญญาอันลํ้าเลิศที่สุด ก็ยังไม่สามารถเข้าใจถึงความ ลึกลับที่พระเยโฮวาห์ทรงสำแดงให้ปรากฏในธรรมชาติ พระคัมภีร์อันเป็น หนังสือที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้าได้ถามถึงคำถามมากมายที่ผู้คงแก่ เรียนที่มีสติปัญญามากที่สุดก็มิอาจที่จะตอบได้ คำถามเหล่านี้ไม่ใช่ถาม เพื่อที่จะให้เราตอบ แต่เพื่อให้เราสนใจต่อความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเพื่อที่จะสอนให้เรารู้ว่าสติปัญญาของเรานั้นมีขอบเขตที่จำกัดเพียงไร แม้แต่สิ่งรอบข้างในชีวิตประจำวันของเรา ก็มีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างที่MHTh 480.2

    มนุษย์ผู้มีขีดจำกัดมิอาจที่จะเข้าใจได้ {MH 431.2}MHTh 480.3

    ผู้ที่มีความสงลัยไม่เชื่อในพระเจ้า เพราะว่าเขาเหล่านั้นไม่อาจเข้าใจ ถึงฤทธานุภาพอันไม่จำกัดของพระเจ้าที่พระองค์ทรงสำแดงโดยพระองค์ เอง แต่มนุษย์ต้องยอมรับในพระเจ้าจากสิ่งที่พระองค์ไม่ได้ทรงสำแดง เท่าๆ กับสิ่งที่พระองค์ใต้ทรงเปิดเผยให้แก่ความเข้าใจอันมีขีดจำกัดของ เรา ทั้งในการทรงสำแดงพระองค์เองและในสิ่งต่างๆ ตามธรรมชาติ พระเจ้า ประทานความเร้นลับเกิดขึ้นเพื่อกำกับความเชื่อของเรา ซึ่งจะต้องเป็น เช่นนี้ เราอาจจะต้องค้นคว้าแสวงหาอยู่เรื่อยไป ตั้งคำถามต่อไปและเรียน รู้อยู่เสมอไปและกระนั้นก็ตาม สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่มีวันสิ้นสุดMHTh 480.4

    “ผู้ใดได้เคยตวงน้ำทั้งสิ้นด้วยอุ้งมือของตน
    และวัดฟัาสวรรค์ด้วยคืบเดียว
    บรรจุผงคลีของแผ่นดินโลกไว้ในถังเดียว
    และชั่งภูเขาในตาชั่ง
    และชั่งเนินด้วยตราชู ผู้ใดได้ให้กำหนดแก่พระวิญญาณของพระเจ้า
    หรือเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ให้คำแนะนำแก่พระองค์...

    ดูเถิด บรรดาประชาชาติก็เหมือนน้ำหยดหนึ่งจากถัง และนับว่าเหมือนผงบนตาชั่ง
    ดูเถิด พระองค์ทรงหยิบเกาะทั้งหลายขึ้นมาเหมือนผงคลี
    เลบานอนไม่พอเป็นฟืน
    และสัตว์ของปานั้นก็ไม่พอเป็นเครื่องเผาบูชา
    ต่อพระองค์บรรดาประชาชาติทั้งสิ้น ก็เหมือนไม่มือะไรเลย
    พระองค์ทรงนับว่าเขาน้อยยิ่งกว่าศูนย์และศูนยภาพ

    “ท่านจะเปรียบพระเจ้าเหมือนผู้ใด
    หรือเปรียบพระองค์คล้ายกับอะไร...
    ท่านทั้งหลายไม่เคยรู้หรือ
    ท่านไม่เคยได้ยินหรือ
    ไม่ผู้ใดบอกท่านตั้งแต่แรกแล้วหรือ
    ท่านไม่เข้าใจรากฐานของแผ่นดินโลกหรือ
    คือพระองค์ผู้ประทับเหนือปริมณฑลของแผ่นดินโลก
    และขาวแผ่นดินโลกก็เหมือนอย่างตั๊กแตนโม
    ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์เหมือนขึงม่าน
    และกางออกเหมือนเต็นท์ที่อาศัย...
    เจ้าจะเปรียบเรากับผู้ใดเล่า...
    องค์บริสุทvธิ์ตรัสว่า
    จงแหงนหน้าขึ้นดูว่า
    ผู้ใดสร้างสิ่งเหล่านี้
    พระองค์ผู้ทรงนำบริวารออกมาตามจำนวน
    เรียกชื่อมันทั้งหมด โดยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
    และเพราะพระองค์ทรงฤทธิ์เข้มแข็ง
    จึงไม่ขาดไปสักดวงเดียว

    “โอ โอ ยาโคบเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงว่า
    โอ อิสราเอลเอ๋ย ทำไมจึงพูดว่า
    ทางของข้าพเจ้าปิดบังไว้จากพระเจ้า
    และความยุติธรรมอันควรตกแก่ข้าพเจ้านั้น
    ก็ผ่านพระเจ้าของข้าพเจ้าไปเสีย
    ท่านไม่เคยรู้หรือ
    ท่านไม่เคยได้ปีนหรือ
    พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์
    คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก
    พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย
    ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้”
    MHTh 480.5

    อิสยาห์40:1 2-28 {MH 431.3}

    จากสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานแก่บรรดาผู้เผยพระวจนะ ขอให้เราเรียนรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ เขียนไว้ว่า {MH 432.1}MHTh 482.1

    ” ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ประทับ ณ พระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น และขายฉลองพระองค์ของพระองค์ เต็มพระวิหาร เหนือพระองค์มิเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้ สองปีกบังหน้า และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไปต่างก็ร้องต่อ กันและก่นว่า บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้ง สิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์ และรากฐานของธรณีประตูทั้งหลาย ก็สั่น สะเทือนด้วยเสียงของผู้ร้อง และพระนิเวศก็มีควันเต็มไปหมด {MH 432.2}MHTh 482.2

    “และข้าพเจ้าว่า วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะ ข้าพเจ้าเป็นคน,ริมฝีปากไม่สะอาด และข้าพเจ้าอยู่ในหมู่ขนชาติที่ริมฝีปาก ไม่สะอาด เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระเจ้าจอมโยธา {MH 433.1}MHTh 483.1

    “แล้วตนหนึ่งในเสราฟิเมบินมาหาข้าพเจ้า ในมือมีถ่านเพลิง ซึ่งเขา เอาคีมคืบมาจากแท่นบูชา และเขาถูกต้องปากของข้าพเจ้าพูดว่า ดูเถิด สิ่งนี้ไต้ถูกต้องริมฝีปากของเจ้าแล้ว กรรมชั่วของเจ้าก็ถูกยกเสีย และเจ้า ก็จะรับการลบมลทินบาป” อิสยาห์ ธ:1-7MHTh 483.2

    “ข้าแต่พระเจ้า หามีผู้เดเหมือนพระองค์ไม่
    พระองค์ทรงเป็นใหญ่
    และพระนามของพระองค์,มีฤทธิ์,’มาก
    ข้าแต่พระราชาแห่งบรรดาประชาชาติ ผู้ใดจะไม่ยำเกรงพระองค์”

    “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไต้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์
    และทรงรู้จักข้าพระองค์
    เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบ
    พระองค์ทรงประจักษ์ในความคิดของข้าพระองค์ไต้แต่ไกล
    พระองค์ทรงค้นวิถีของข้าพระองค์และการนอนของข้าพระองค์
    และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์
    ข้าแต่พระเจ้า แม้ก่อนที่ลินของข้าพระองค์จะพูด
    พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว
    พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์อยู่ทั้งข้างหลังและข้างหน้า
    และทรงวางพระหัตถ์บนข้าพระองค์ ความรู้อย่างนี้อัศจรรย์เกินข้าพระองค์
    สูงนัก ข้าพระองค์เอื้อมไม่ถึง”
    MHTh 483.3

    เยเรมีย์10:6, 7;สดุดี 139:1-6 {MH 433.2}

    “องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราใหญ่ยิ่งและทรงฤทธานุภาพอุดม ความ เข้าใจของพระองค์นั้นวัดไม่ได้” สดุดี 147:5 {MH 433.3}MHTh 484.1

    “เพราะว่าทางของคนก็อยู่ในสายพระเนตรพระเจ้า และพระองค์ ทรงเฝ้าดูวิถีทั้งสิ้นของเขา” สุภาษิต 5:21 {MH 433.4}MHTh 484.2

    “ พระองค์ทรงเผยสิ่งที่ลึกซึ้งและลี้ลับ พระองค์ทรงทราบสิ่งที่อยู่ใน ความมืด และความสว่างก็อยู่กับพระองค์” ดาเนียล 2:22 {MH 433.5} “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงแจ้งเหตุการณ์เหล่านี้ให้ทราบแต่โบราณ- กาลได้ตรัสไว้แล้ว” “เพราะว่า ใครเล่ารู้พระทัยของพระเจ้า หรือใครเล่า เป็นที่ปรึกษาของพระองค์ หรือใครเล่าได้ถวายสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่พระองค์ ที่พระองค์จะต้องประทานตอบแทนให้แก่เขา เพราะสิ่งสารพดมาจาก พระองค์โดยพระองค์และเพื่อพระองค์ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์อาเมน” กิจการ 15:18;โรม 1 1:34-36 {MH 433.6} “พระเกียรติและพระสิริจงมีแด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระเจริญอยู่ นิรันดร ผู้ทรงเป็นองค์อมตะ ซึ่งมืไต้ปรากฎพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแต่ องค์เดียวสิบๆ ไปเป็นนิตย์อาเมน” “พระองค์ผู้เดียวทรงอมตะ และสถิต ในความสว่างที่ซึ่งไม่มีคนใดจะเข้าไปถึง ผู้ซึ่งมนุษย์ไม่เคยเห็น และจะเห็น ไม่ไต้ พระเกียรติและฤทธานุภาพอันถาวรจงมีแด่พระองค์นั้น” 1 ทิโมธี 1:17; 6:16MHTh 484.3

    “ความโอ่อ่าตระการของพระองค์จะไม่กระทำให้ท่านคร้ามกลัว
    และความครั่นคร้ามต่อพระองค์จะไม่ตกเหนือท่านหรือ”

    “พระเจ้ามิไต้สถิตอยู่ ณ ที่สูงในฟ้าสวรรค์หรือ
    ดูดาวที่สูงที่สุดเถิด มันสูงจริง ๆ”

    “กองทัพของพระองค์มีจำนวนหรือ
    ความสว่างของพระองค์มีไต้ส่องมาเหนือผู้ใดบ้าง”
    MHTh 484.4

    “พระองค์ทรงกระทำการใหญ่โตซึ่งเราเข้าใจไม่ไต้
    เพราะพระองค์ตรัสกับหิมะว่า
    ตกลงบนแผ่นดินซี
    และในทำนองเดียวกันก็ตรัสกับฝน
    และกับห่าฝนอันหนักของพระองค์
    พระองค์ทรงมัดมือของมนุษย์ทุกคน
    เพื่อทุกคนซึ่งพระองค์ทรงสร้างจะรู้ได้...
    พระองค์ทรงกระจายเมฆแห่งฟ้าแลบออกไป
    มันหันไป ๆ ตามการนำของพระองค์
    เพื่อให้สำเร็จกิจทั้งสิ้นซึ่งพระองค์ทรงบัญชามัน
    ที่เหนือผิวพิภพที่มนุษย์อาศัยอยู่ได้
    ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการดีสอนหรือเพื่อแผ่นดินของพระองค์
    หรือเพื่อความรักมั่นคง พระองค์ทรงกระทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

    “ขอฟังข้อนี้...
    จงนิ่งพิจารณาการกระทำอันอัศจรรย์ของพระเจ้า
    ท่านทราบหรือว่าพระเจ้าทรงกำชับมันอย่างไร
    และกระท่าให้ฟ้าแลบแห่งเมฆของพระองค์มีแสง
    ท่านทราบถึงการทรงตัวของเมฆหรือ
    เป็นพระราชกิจอันประหลาดของพระองค์ผู้สมบูรณในความรู้

    ท่านแผ่ฟ้าออกไปอย่างพระองค์ได้หรือ
    ให้แข็งอย่างศันฉ่องหลอม
    จงสอนเรามาว่าเราควรจะทูลพระองค์อย่างไร
    เพราะความมีดเราจึงร่างสำนวนของเราไม่ได้...
    ผ่ายมนุษย์เพ่งดูแสงสว่างไม่ได้เมื่อมันสุกใสอยู่ในท้องฟ้า “เมื่อลมฝานไปกวาดให้กระจ่าง
    แสงทองส่องมาจากทิศเหนือ
    พระเจ้าทรงฉลองพระองค์ ด้วยความโอ่อ่าตระการอย่างน่าคร้ามกลัว
    องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้นเราจะค้นพบพระองค์ไม่ได้
    พระองค์ใหญ่ยิ่งในเรื่องฤทธานุภาพ
    ความยุติธรรมและความขอบธรรมอันมากยิ่ง...
    เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงยำเกรงพระองค์”

    “ไม่มีพระใดเป็นเหมือนพระเจ้าของเราผู้ประทับบนที่สูง
    ผู้ทอดพระเนตรลงมาที่เหนือฟัาสวรรค์และแผ่นดินโลก”

    “พระมรรคาของพระองค์อยู่ในลมบ้าหมูและพายุ
    และเมฆเป็นผงคลีแห่งพระบาทของพระองค์”

    “พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ และสมควรจะสรรเสริญอย่างยิ่ง
    ความใหญ่ยิ่งของพระองค์นั้นเหลือจะหยั่งรู้
    คนชั่วอายุหนึ่งจะสรรเสริญพระราชกิจของพระองค์
    ไห้คนอีกชั่วอายุหนึ่งพง
    และประกาศกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์
    ข้าพระองค์จะภาวนาถึงสง่าราศี อันรุ่งโรจน์ของความสูงส่งของ
    พระองค์
    และถึงพระราชกิจอัศจรรย์ของพระองค์
    มนุษย์จะกล่าวถึงอานุภาพแห่งกิจการอันน่าเกรงขามของพระองค์
    และข้าพระองค์จะเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
    เขาทั้งหลายจะโฆษณาข่าวเลื่องลือถึงคุณความดี
    อันอุดมของพระองค์ออกมา
    และจะร้องเพลงถึงความขอบธรรมของพระองค์.. “ข้าแต่พระเจ้า พระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
    จะถวายโมทนาขอบพระคุณพระองค์
    และธรรมิกชนทั้งสิ้นของพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์
    เขาทั้งหลายจะพูดถึงพระสิริแห่งราชอาณาจักรของพระองค์
    และเล่าถึงฤทธานุภาพของพระองค์
    เพื่อให้กิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์
    และสง่าราศีอันรุ่งโรจน์แห่งราชอาณาจักรของพระองค์
    แจ้งแก่บรรดาบุตรของมนุษย์
    ราชอาณาจักรของพระองค์เป็นราชอาณาจักรนิรันดร
    และแผ่นดินของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดทุกชั่วชาติพันธ์. . .
    ปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญ พระเจ้า
    และให้บรรดาเนื้อหนังทั้งสิ้นถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของ
    พระองค์เป็น นิจกาล”
    MHTh 485.1

    โยบ 13:11;22:12;25:3;37:5-24; สดุดี 113:5, ธ;นา?(ม 1:3;สดุดี145:3-21 {MH 434.1}

    เมื่อเราเรียนรู้ถึงพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และเรียนรู้ถึงสภาพของเราเอง ในสายพระเนตรของพระองค์ เราก็จะมีความยำเกรงและหวาดหวั่นเมื่อเรา อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ ขอให้มนุษย์ในยุคนี้เข้าใจคำเตือนสติ จากเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นกับคนทั้งหลายในยุคกาลก่อน ที่บังอาจเข้าไป ก้าวก่ายต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อชนอิสราเอล บังอาจไปเปิดหีบพันธะสัญญาในขณะที่นำกลับมาจากแผ่นดินของชาว ฟีลิสเตีย ความท้าทายอย่างไม่เคารพยำเกรงนี้ได้รับการลงโทษอย่างที่ เห็น {MH 435.1}MHTh 487.1

    อีกครั้งหนึ่ง ให้เราพิจารณาการทรงลงอาญาแก่อุสซาห์ ใน’รัชสม่ยํ ของกษัตริย์ดาวิด หีบพันธะสัญญาถูกนำกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม อุสซาห์ เหยียดมือของตนออกไปขยับหีบพันธสัญญาให้เข้าที่ เพราะการฃาดความ ยำเกรงไปแตะต้องหีบพันธสัญญาอันเป็นสัญลักษณ์ถึงการสถิตของ พระเจ้า เขาจึงเสียชีวิตที่นั่นในทันที {MH 436.1}MHTh 487.2

    เมื่อโมเสสเห็นพุ่มไม้ที่ลุกโชนอยู่แต่ไม่เห็นเปลวไฟ โดยที่เขาไม่ ทราบว่าพระเจ้าสถิตอยู่ที่นั่น เขาไต้เดินเข้าไปดูสิ่งแปลกประหลาดนี้ พระเจ้าจึงตรัสแก่เขาว่า {MH 436.2}MHTh 488.1

    “อย่าเข้ามาใกล้ทีนี่ ถอดรองเท้าของเจ้าออกเสียเพราะว่าที่ซึ่งเจ้า ยืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิสีทธ... โมเสสป็ดหน้าเสีย เพราะกลัวไม่กล้ามองดู พระเจ้า” อพยพ 3:5, 6 {MH 436.3}MHTh 488.2

    “ยาโคบออกจากเมืองเบเออร์เขบาเดินไปยังเมืองฮาราน เขามา ถึงที่แห่งหนึ่ง และพักอยู่ที่นั่นในคืนนั้น เพราะดวงอาทิตย์ตกแล้ว เขาเอา หินก้อนหนึ่งมาหนุนศีรษะ แล้วนอนลงที่นั่น {MH 436.4}MHTh 488.3

    เขาฝนว่ามีบันไดลันหนึ่งตงขึ้นบนแผ่นดินโลก ยอดถึงฟืาสวรรค์ ทูตทั้งหลายของพระเจ้ากำลังขึ้นลงอยู่บนนั้น พระเจ้าประทับยืนอยู่เหนือ บันได และตรัสว่า {MH 436.5}MHTh 488.4

    “เราคือเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัมบิดาของเจ้า และพระเจ้าของ อิสอัค แผ่นดินซึ่งเจ้านอนอยู่นั้นเราจะให้แก่เจ้าและเชื้อสายของเจ้า...เรา อยู่กับเจ้า และจะพิทักษ์รักษาเจ้าทุกแห่งหนที่เจ้าไป และจะนำเจ้ากลับ มายังดินแดนนี้ เพราะเราจะไม่ทอดทิ้งเจ้า จนกว่าเราจะได้ทำสิ่งซึ่งเรา พูดกับเจ้าไว้นั้นแล้ว {MH 436.6}MHTh 488.5

    “ยาโคบตื่นขึ้นและพูดว่า พระเจ้าสถิต ณ ที่นี้แน่ทิเดียว แต่ข้าหา รู้ไม่ เขากลัวและพูดว่า สถานที่นี้ศักดิสีทธิ์นัก สถานที่นี้มีใช่อื่นไกล เป็นที่ประทับของพระเจ้า และประตูฟ้าสวรรค์” ปฐมกาล 28:10-17 {MH 436.7}MHTh 488.6

    ในสถานบริสุทธิ์ของพลับพลาในถิ่นทุรกันดาร และในสถานบริสุทธิ์ ของพระวิหารอันเป็นสัญลักษณ์บนโลกของพระวิหารของพระเจ้าบน สรวงสวรรค์ มีห้องศักดิ์สิทธิ์สำหรับการประทับของพระองค์ ผ้าม่านที่ทอ ด้วยภาพของเครูปที่กั้นทางเข้านั้นไม่สมควรลูกเปิดโดยมือของผูใดยกเว้น เพียงผู้เดียว การเปิดผ้าม่านแล้วล่วงลํ้าเข้าไปยังห้องอภิสุทธิสถานอันศักดิ์ สีทธิ์และลึกลับนั้น ย่อมหมายถึงความตาย เพราะเหนือพระที่นั่งกรุณา พระสิริขององค์บริสุทธิ์ที่สุดสถิตอยู่ อันเป็นพระสิริที่ไม่มีมนุษย์คนใด มองเห็นแล้วยังคงมีชีวิตอยู่ ในวันที่ลูกกำหนดไว้เพื่อการปรนนิบัติในห้อง อภิสุทธิสถานของรอบปีหนึ่ง ๆ มหาปุโรหิตจะเข้าไปอยู่ต่อเบื้องพระพ้กตร์ ของพระเจ้าด้วยอาการตัวสั่นยำเกรง ในขณะที่ควันของเครื่องหอมลอย ขึ้นบดบังพระสิริอันเจิดจ้าจากสายตาของเขา ตลอดทั่วลานวิหาร ทุกๆ เสียงต่างนึ่งเงียบ ไม่มีปุโรหิตคนใดปรนนิบัติอยู่ที่แท่นเผาบูชา เหล่าคนทั่ง หลายที่มาร่วมนมัสการต่างก้มกราบลงด้วยความยำเกรงอย่างนึ่งสงบ และ ทูลอ้อนวอนขอให้พระเจ้าทรงมีพระเมตตาต่อเขาทั่งหลาย {MH 437.1}MHTh 488.7

    “เหตุการณ์เหล่านี้ได้บังเกิดแก่เขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้บันทึก ไว้เพื่อเตือนสติเราทั้งหลาย ซึ่งกำลังประสบวาระสุดท้ายแห่งบรรดายุค เก่า’, 1 โครินธ์10:1 1MHTh 489.1

    “แต่พระเจ้าสถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์
    จงไหสนทังพิภพอยู่สงบต่อพระพ้กตร์พระองค์เถิด”

    “พระเจ้าทรงครอบครอง ให้ขนชาติทั้งหลายตัวสั่น
    พระองค์ประทับเหนือเครูบ ให้แผ่นดินโลกหวั่นไหว
    พระเจ้าใหญ่ยิ่งอยู่ในศิโยน
    พระองค์สูงเด่นอยู่เหนือประชาชาติทั้งปวง
    ให้เขาสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่และน่าคร้ามกลัวของพระองค์
    พระองค์ศักดิ์สิทธ”

    พระที่นั่งของพระเจ้าอยู่บนฟ้าสวรรค์
    พระเนตรของพระองค์มองและทดสอบลูกหลานของมนุษย์
    “จากที่สูงอันบริสุทธึ๋ของพระองค์”, “พระองค์ทอดพระเนตรลงมา”, “จากที่ซึ่งพระองค์ประทับพระองค์ทอดพระเนตร
    เหนือชาวแผ่นดินโลก■ทั้งสิ้น
    คือพระองค์ผู้ทรงประดิษฐ์จิตใจของเขาทั้งหลายทุกคน
    และทรงพิจารณากิจการของเขาทั้งหลายทั้งสิ้น’

    “ให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นยำเกรงพระเจ้า
    ให้บรรดาขาวพิภพทั้งปวงปีนตะลึงพรึงเพริดต่อพระองค์”
    MHTh 489.2

    ฮาบากุก 2:20; สดุดี 99:1-3; 1:4; 102:19;33:14, 15,8 {MH 438.1}

    ด้วยการสืบเสาะค้นหา มนุษย์พบพระเจ้าไม่ได้ ขออย่าให้มีผู้ใ,ด พยายามใช้มือที่อาจเอื้อมเปิดผ้าม่านที่ปิดปังพระสิริของพระองค์ “ข้อ ตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรูได้และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะ สิบเสาะไตั, โรม11:33 การที่พระเจ้าทรงสงวนฤทธานุภาพของพระองค์ ไว้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงพระเมตตาคุณของพระองค์ เพราะการเปิดผ้า ม่านที่ซ่อนพระสิริของพระเจ้าคือความตาย ไม่มืสติปัญญาของมนุษย์ สามารถหยั่งรู้ถึงความเร้นลับของสถานที่ประทับและพระราชกิจของพระผู้ ทรงมหิทฤทธื้ใด้ ผู้ที่พระองค์ทรงเห็นชอบที่จะเปิดเผยให้รู้เท่านั้นจึงจะ เข้าใจถึงพระองค์ เมื่อใช้เหตุและผลใคร่ครวญดูแล้ว มนุษย์ก็จะต้องยอมรับ ในอำนาจที่เหนือกว่าตัวเขาเอง จิตใจและสติปัญญาต้องน้อมนมัสการ ผู้ ทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ {MH 438.2}MHTh 490.1

    *****